ตอนที่ 534 ความเกรี้ยวโกรธของมังกรเหมัน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เดิมทีทุกคนกำลังจดจ่อให้ความสนใจกับการต่อสู้ระหว่างมังกรเหมันต์และตัวนิ่มพันปี ทว่าเวลานี้เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงของเฟิ่งซี พวกเขาก็อดที่จะหันไปมองไม่ได้

เมื่อเห็นหมาป่าขนทองตัวใหญ่ยักษ์ถัดจากเฟิ่งซีผู้ซึ่งมีสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจ พวกเขาก็คาดเดาบางอย่างได้ทันที

“ดูเหมือนว่าคนทั้งสามนั่นจะโชคไม่ดีเสียแล้ว นิกายหงส์มังกรไม่มีทางยอมให้ผู้อื่นดูหมิ่นง่าย ๆ !”

ใครคนหนึ่งกระซิบกระซาบเบา ๆ แม้หมาป่าขนทองจะอ่อนแอกว่ามังกรเหมันต์และตัวนิ่มพันปี มันก็ยังมีพลังอยู่ในระดับพสุธาเซียนขั้นสูง บัดนี้ในเมื่อหมาป่าทรงพลังอยู่ข้างกายเฟิ่งซี นั่นย่อมหมายความว่าผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับพวกเขาคงจะเผชิญกับเคราะห์ร้ายเสียแล้ว

แน่นอนว่าหลายคนที่ยืนอยู่ใกล้ฉินอวี้โม่ก็ได้ยินวาจาของเฟิ่งซี หลังจากชำเลืองมองไปที่นางและคนอื่น ๆ โดยรอบ คนเหล่านั้นก็ก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติด้วยความหวาดหวั่นใจว่าความขัดแย้งระหว่างฉินอวี้โม่และฝ่ายนิกายหงส์มังกรจะพลอยส่งผลกระทบต่อพวกเขาไปด้วย

สีหน้ากลุ่มของฉินอวี้โม่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยและยังคงเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกเช่นเดิม หนำซ้ำยังมีรอยยิ้มเย็นประดับที่มุมปากอีกด้วย

“โอ้ แค่สามคนนี้รึ ?”

หมาป่าขนทองกล่าวขึ้นเบา ๆ “แล้วเจ้าอยากให้ข้าจัดการกับทั้งสามนี่อย่างไร ?”

เฟิ่งซียิ้มอย่างผู้ปราชัยทันทีที่ได้ยินวาจาของหมาป่าข้างกาย ในความเป็นจริง เขาต้องการกล่าวให้หมาป่าขนทองช่วยสังหารคนทั้งสามนี้ทันที ทว่าเมื่อตระหนักว่าการแสดงความคิดออกไปเช่นนั้นอาจทำให้หมาป่าขนทองไม่ประทับใจในตัวเขานัก เขาจึงต้องเปลี่ยนแผน

“ท่านหมาป่าขนทอง แม้ทั้งสามคนนี้จะกระทำสิ่งที่น่าเกลียดชังต่อข้า ข้าก็มิใช่คนกระหายเลือดที่จะหมายเอาชีวิตทั้งสาม เพราะเหตุนั้น ตราบใดที่ทำให้คนใจชั่วเหล่านี้ขอโทษพวกข้าและชดใช้อย่างเหมาะสม เราก็พร้อมที่จะให้อภัยแต่โดยดี”

เฟิ่งซีแสร้งกล่าววาจาเสมือนว่าตนเองเป็นบุรุษจิตใจดี เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าฉินอวี้โม่และสหายไม่มีทางกล่าวขอโทษขอโพยอย่างแน่นอน เขาจึงจงใจกล่าวยั่วยุอีกฝ่ายเช่นนี้

เป็นจริงดังที่คิดไว้ ฉู่เจี๋ยแทบกระโจนออกมาเมื่อได้ยินวาจาของเฟิ่งซี

“ขอโทษคนสารเลวอย่างเจ้างั้นรึ ? เฟิ่งซี เจ้าสติฟั่นเฟือนไปแล้วรึอย่างไร ?”

สิ่งที่เฟิ่งซีต้องการคือการให้กลุ่มของฉินอวี้โม่แสดงทัศนคติที่เลวร้ายออกมา แน่นอนว่าเขาไม่มีทางหยุดยั้งแค่นี้ขณะกล่าวต่อ “เหอะ เจ้าควรจะกล่าวขอโทษพวกข้าเสีย ก่อนหน้านี้สาเหตุที่พวกข้าไม่ต้องการสู้กับพวกเจ้าเพราะไม่ต้องการให้ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญกับความสูญเสีย ตอนนี้ท่านหมาป่าขนทองก็ทราบความบาดหมางระหว่างเราและยินดีช่วยจัดการเรื่องนี้ ข้าเพียงต้องการให้พวกเจ้ากล่าวคำขอโทษ มันจะยากเย็นสักเพียงใดกัน ? หรือแม้กระทั่งอยู่ต่อหน้าท่านหมาป่าขนทอง พวกเจ้าก็ยังกล้าวางท่ายโสอีกงั้นรึ ?”

หลังจากนั้น เฟิ่งซีก็หันไปหาหมาป่าขนทองและกล่าว “ท่านหมาป่าขนทอง พวกนางไม่เห็นหัวท่านเลยสักนิด เดิมทีความแข็งแกร่งระหว่างเราทั้งสองฝ่ายใกล้เคียงกัน ไม่ว่าพวกนางจะกล่าวสิ่งใดพวกเราจึงไม่ได้สนใจนัก ทว่าในตอนนี้ ไม่คิดเลยว่าพวกนางจะริอาจกล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าท่าน ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องสั่งสอนพวกนางให้รู้สำนึกแล้ว !”

เฟิ่งซีแสดงท่าทางที่คำนึงถึงความรู้สึกของหมาป่าขนทองด้วยหวังว่าจะเอาใจเพื่อสร้างความดีความชอบ

ทว่าน่าเสียดายที่เฟิ่งซีไม่ทราบเลยว่าหมาป่าขนทองตัวนี้แท้จริงแล้วคืออสูรมายาของฉินอวี้โม่ สิ่งที่เห็นในตอนนี้เป็นเพียงเรื่องตลกสำหรับมันเท่านั้น

“เจ้าแน่ใจรึว่าอยากสู้กับพวกข้า ?”

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าวกับเฟิ่งซีด้วยเสียงเรียบ

เฟิ่งซีคาดคิดไว้ว่าหมาป่าขนทองน่าจะโกรธเกรี้ยวเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาเมื่อครู่ เขาจึงพยักศีรษะอย่างพึงพอใจและกล่าวต่อ “แน่นอน ท่านหมาป่าขนทองเป็นอสูรที่ข้าเคารพ ในเมื่อเจ้ากล่าววาจาไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้ ข้าก็จะสู้กับเจ้าอย่างสุดฝีมือ”

หลังจากกล่าวจบ เขาก็หันไปขยิบตาส่งสัญญาณกับกลุ่มผู้ติดตามของตน

คนเหล่านั้นก็คิดว่าหมาป่าขนทองเริ่มไม่พอใจแล้วและกล่าวย้ำวาจาของเฟิ่งซีด้วยสีหน้าโกรธเคือง

“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็คงต้องฆ่าหมาป่าขนทองเสียก่อน”

เมื่อเห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ของเฟิ่งซีและคนอื่น ๆ ฉินอวี้โม่เพียงยกยิ้มมุมปากและกล่าววาจาที่ทำให้ทั้งเฟิ่งซีและคณะผู้ติดตามของเขาตกตะลึง

“นายหญิง ท่านช่างโหดร้ายจริงเชียว ท่านจะยอมปล่อยให้พวกเขาฆ่าข้างั้นรึ ?”

ภายในเวลาเพียงชั่วครู่ขณะที่เฟิ่งซีและคนอื่น ๆ ชะงักค้าง หมาป่าขนทองก็จำแลงร่างมนุษย์และวิ่งปรี่เข้าไปอยู่ข้างกลุ่มของฉินอวี้โม่พร้อมรอยยิ้มแล้ว

เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของหมาป่าขนทอง แน่นอนว่าเฟิ่งซีก็ตกตะลึงยิ่งกว่าใคร

“นายหญิง นี่คือของทั้งหมดที่เจ้าโง่นั่นมอบให้ข้า ท่านสามารถเอาไปหลอมของดี ๆ เพื่อตบรางวัลให้ข้าได้”

หลังจากมอบทุกอย่างที่ได้มาจากเฟิ่งซีให้กับผู้เป็นนาย หมาป่าขนทองก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง

วาจาของมันทำให้ใบหน้าของเฟิ่งซีเหยเกยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าของเขาในตอนนี้แดงก่ำและถลึงตาด้วยความโกรธแค้นอย่างที่สุด อีกทั้งยังเจือด้วยร่องรอยความสิ้นหวังที่ผุดขึ้นในใจ

ในตอนนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

เดิมทีหมาป่าขนทองตัวนี้เป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่และเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ล้วนเป็นแผนการของนางเพียงเพื่อฉีกหน้าและทำให้เขาไม่พอใจ

อย่างไรก็ตาม เขากลับมองว่าหมาป่าขนทองเป็นผู้ช่วยที่ดีและถึงขั้นต้องการที่จะสยบมันมาเป็นอสูรของตน สิ่งนี้ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี

เพียงไตร่ตรองครู่หนึ่ง ทุกคนก็คาดเดาได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพวกเขาก็อดหัวเราะไม่ได้ขณะมองเฟิ่งซีด้วยแววตาเย้ยหยัน

ในเมื่อเฟิ่งซีหาเรื่องยั่วยุฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ฉินอวี้โม่จึงคิดเอาคืนด้วยการจงใจวางแผนนี้เพื่อปั่นหัวและฉีกหน้าเขาอย่างสาแก่ใจ

“เจ้าทำได้ดีมาก”

ฉินอวี้โม่ยิ้มให้กับหมาป่าขนทองและกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ได้ยินแล้วว่าเฟิ่งซีลั่นวาจาว่าจะสู้กับข้า ในเมื่อเจ้าเป็นอสูรของข้า แน่นอนว่าข้าคงต้องปล่อยให้การจัดการกับพวกเขาเป็นหน้าที่ของเจ้า”

ก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่ไม่ต้องการต่อสู้กับเฟิ่งซีและพวกเนื่องจากยังไม่ต้องการเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนเองออกมาเร็วเกินไป ทว่าในเมื่อเฟิ่งซียังคงยั่วยุให้นางขุ่นเคืองใจ นางก็ไม่รังเกียจที่จะแสดงให้เห็นว่าตนมีฝีมือแค่ไหน

เวลานี้ฝ่ายของเฟิ่งซีมีจำนวนรวมทั้งหมดเพียงหกคนเท่านั้น แน่นอนว่าพวกเขารวมกันก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของหมาป่าขนทองที่มีพลังถึงระดับพสุธาเซียนขั้นสูง

เมื่อได้ยินฉินอวี้โม่ที่สั่งให้หมาป่าขนทองลงมือจัดการ พวกเขาก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาและค่อย ๆ ถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว

ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางรับมือกับการโจมตีที่ทรงพลังจากอสูรพสุธาเซียนขั้นสูงได้

“เฟิ่งซี ในเมื่อเจ้าเคารพข้าผู้นี้นักก็อย่ายืดเยื้อให้เสียเวลา จงคุกเข่าศิโรราบและกล่าวขอโทษนายหญิงของข้าซะ แล้วข้าจะอภัยให้พวกเจ้า”

หมาป่าขนทองกล่าววาจาของเฟิ่งซีก่อนหน้านี้กลับคืนให้เขา หากคิดที่จะรังแกนายหญิงของมัน คนผู้นั้นก็กำลังรนหาที่ตาย

ใบหน้าของเฟิ่งซีเหยเกมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้ยินวาจาของหมาป่าขนทอง วันนี้ถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างที่สุดสำหรับเขา ไม่เพียงแต่ฉินอวี้โม่วางแผนหักหน้าเขาเช่นนี้เท่านั้น ทว่านางยังเปิดเผยความจริงต่อหน้าคนอื่น ๆ มากมาย หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของเขาในฐานะนายน้อยจากนิกายหงส์มังกรก็คงจะป่นปี้ย่อยยับ

“บัดซ บ! พวกเจ้าต้องการจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับนิกายหงส์มังกรของข้าจริง ๆ รึ ?!”

เขาสบถเสียงดังและกล่าวกับฉินอวี้โม่

“ฮ่า ๆ ๆ เมื่อไหร่กันที่พวกเราญาติดีต่อกัน ? นครล่าฝันและนิกายหงส์มังกรก็เป็นศัตรูกันมาตลอดมิใช่รึ ? เจ้าคิดว่าคำข่มขู่ของเจ้าจะมีผลอะไรกับพวกเรางั้นรึ ?”

ปิงเสวียนยิ้มบาง ๆ และกล่าวออกไป วาจาของเฟิ่งซีไม่มีผลต่อเขาแม้แต่น้อย

ตู้ม !

ท่ามกลางการเผชิญหน้าและสาดวาจาตอบโต้กัน มังกรเหมันต์และตัวนิ่มพันปีก็โจมตีใส่กันอีกครั้งก่อนแยกออกจากกัน

“เจ้าตัวนิ่ม จะต้องให้ข้าพูดอีกกี่ครั้ง… เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า !”

ใบหน้าของมังกรเหมันต์แสดงถึงความอาฆาตมาดร้ายอย่างชัดเจนขณะมองไปที่ตัวนิ่มพันปีและกล่าวอย่างเยือกเย็น

ตัวนิ่มพันปีอ่อนแอกว่าเล็กน้อยและเห็นได้ชัดว่ามันได้รับบาดเจ็บจากฝีมือของมังกรเหมันต์แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าของมันก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยความทะนงตน

“เจ้ามังกรเหมันต์ สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ไม่ว่าข้าจะสู้เจ้าได้รึไม่… ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นตัวตัดสินเอง !”

“เหอะ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ !”

มังกรเหมันต์แค่นเสียงเย็นชาและจู่ ๆ มันก็กลับคืนร่างเดิมและพลังธาตุน้ำแข็งเย็นยะเยือกแผ่จากร่างของมันออกไปครอบคลุมทุกชีวิตโดยรอบจนทุก ๆ คนตกตะลึงไปชั่วขณะ

ตัวนิ่มพันปีทราบว่ามังกรเหมันต์เตรียมจะใช้กระบวนท่าสังหารและแน่นอนว่ามันไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ตัวนิ่มจึงคืนร่างเดิมของมันอย่างรวดเร็วเช่นกัน

อสูรทั้งสองเผชิญหน้ากันและการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ทว่ามังกรเหมันต์ชำเลืองมองฝูงชนโดยรอบก่อนสายตาจะบรรจบที่ด้านข้างฉินอวี้โม่และสีหน้าของมันบ่งบอกถึงความตกตะลึงเล็กน้อย

“หมาป่าขนทอง ไม่ใช่ว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บจากข้าและหลบหนีออกไปจากเทือกเขากายสิทธิ์แล้วรึ ?!”

เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ที่เผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ยืนอยู่ข้างกายฉินอวี้โม่ มังกรเหมันต์ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ

ก่อนหน้านี้มันทำให้หมาป่าขนทองบาดเจ็บสาหัสและเกือบปลิดชีพมันได้สำเร็จ หากมิใช่เพราะหมาป่าเจ้าถิ่นคุ้นเคยกับเส้นทางของเทือกเขากายสิทธิ์ มังกรเหมันต์ก็คงไม่มีทางปล่อยให้มันหนีรอดไปได้

“เหอะ แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า ?!”

เมื่อได้ยินวาจาของมังกรเหมันต์ หมาป่าขนทองก็แค่นเสียงเย็นชาและไม่ต้องการเสียเวลาสนทนาด้วย ความแข็งแกร่งของมันในตอนนี้ยังห่างชั้นจากมังกรเหมันต์พอสมควร อย่างไรก็ตาม สักวันหนึ่งมันจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับมังกรเหมันต์ตัวนี้ด้วยตัวเองและชำระความแค้นให้กับการต่อสู้ในครานั้น

มังกรเหมันต์ขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาของหมาป่าขนทอง

ในวันนั้น หมาป่าขนทองได้รับบาดเจ็บสาหัสและพลังธาตุน้ำแข็งก็ลุกลามเข้าไปในร่างของมันแล้วส่งผลให้อาการบาดเจ็บทวีคูณมากขึ้น ทว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเพียงไม่นานและไม่มีทางเลยที่มันจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้

อย่างไรก็ตาม หมาป่าขนทองตรงหน้ามันในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บโดยสมบูรณ์เท่านั้น ทว่ายังดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของมันก็พัฒนามากขึ้นกว่าเดิม

การที่จะเกิดสถานการณ์เหล่านี้ขึ้นได้ มันจะต้องได้รับโอกาสบางอย่างมาแน่

หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง มังกรเหมันต์ก็ยังไม่สามารถคิดหาเหตุผลประกอบได้เลย

หนทางเดียวที่จะทำให้หมาป่าฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ นอกเหนือจากการใช้วัตถุดิบล้ำค่าตามธรรมชาติแล้ว มันก็คือการทำพันธสัญญากับมนุษย์

ทว่าหากเป็นจอมยุทธ์ที่อ่อนแอ ต่อให้ทำพันธสัญญาด้วยกัน มันก็ไม่มีทางที่จะทำให้หมาป่าขนทองฟื้นตัวจากบาดแผลร้ายแรงได้ในเวลาเพียงสั้น ๆ และทำให้พลังของมันแข็งแกร่งกว่าก่อน ซึ่งในเทือกเขากายสิทธิ์แห่งนี้มันก็ยังไม่ได้พบเห็นจอมยุทธ์ที่แกร่งกล้าคนใดเลย

เมื่อคิดได้เช่นนี้ สายตาของมังกรเหมันต์ก็เลื่อนไปที่ฉินอวี้โม่โดยอัตโนมัติ

เป็นอีกครั้งที่มันสัมผัสถึงกลิ่นอายความคุ้นเคยบางอย่างและตระหนักว่าชื่อของฉินอวี้โม่ฟังดูคุ้นหูยิ่งนัก รวมถึงความจริงที่ว่านางอยู่ร่วมกับบรรดาผู้คนจากดินแดนหวนหลิง ทุกอย่างประจวบเหมาะกันจนมันอดคิดไม่ได้

‘เป็นไปได้รึไม่ว่าข้าเคยพบฉินอวี้โม่ผู้นี้ในดินแดนหวนหลิงมาก่อน ?’

สมองของมังกรเหมันต์แล่นอย่างเร็วจี๋เพื่อพยายามค้นหาในความทรงจำของมันและทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในหัว

เมื่อนึกถึงคนผู้นั้น ร่างของมังกรเหมันต์ก็แผ่ความโกรธเกรี้ยวฉุนเฉียวอย่างที่สุดออกไปทันที

“เป็นเจ้านี่เอง !”

มังกรเหมันต์จ้องหน้าฉินอวี้โม่ตาเขม็งและจำแลงร่างมนุษย์อีกครั้ง ตอนนี้มันไม่ต่อสู้กับตัวนิ่มพันปีอีกต่อไป และร่างของมันก็พุ่งตรงไปปรากฏใกล้กับฉินอวี้โม่ในทันที

“ฉินอวี้โม่ ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง!”

ในที่สุด มังกรเลือดเย็นก็ไขข้อกระจ่างได้เสียทีว่าเหตุใดกลิ่นอายจากคนผู้นี้ถึงได้คุ้นเคยยิ่งนัก

.

.