“เรามาเล่นอะไรสนุกๆ กันดีไหม” จู่ๆ หนิงเหยี่ยนก็มองหน้าเฮ่อหว่านอี
เฮ่อหว่านอีมองตอบหนิงเหยี่ยน ส่งสัญญาณให้เขาพูดต่อ หนิงเหยี่ยนยิ้มมุมปากและหลิ่วตาใส่เธอ “เธอไม่รู้สึกอิจฉาพวกเขาบ้างเหรอ เราไปทำลายช่วงเวลาอันแสนหวานของพวกเขากันเถอะ!”
หนิงเหยี่ยนกลายเป็นเพื่อนสนิทของถังซีไปแล้ว หลังจากผ่านมาไม่กี่เดือน ตอนนี้ทั้งสองมีสัมพันธภาพที่ดีมาก เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าถังซีจะโกรธ!
เฮ่อหว่านอีมองหน้าหนิงเหยี่ยน ก่อนจะกล่าวว่า “พระเจ้าช่วย ช่างเป็นความคิดที่ชั่วร้าย! แต่ฉันชอบจัง ฉันอิจฉาพวกเขามาก!”
…
ทันทีที่ถังซีเห็นเฉียวเหลียงที่สนามบิน เธอก็รีบวิ่งเข้าไปจับแขนเฉียวเหลียง เธอจะพาเฉียวเหลียงไปส่งที่บ้านเขา แต่เขาขอให้เธอไปที่บ้านเซียวหงลี่ก่อน ถังซีมองเฉียวเหลียงด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงอยากไปบ้านฉันล่ะ”
เฉียวเหลียงมองหน้าเธอ จูบเธอที่หน้าผาก “คุณจะรู้เอง เมื่อเราไปถึงบ้านคุณ”
ถังซีมองเขาด้วยสายตามีคำถาม เฉียวเหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต้องมีคนรออยู่ที่บ้านผมมากมายแน่ เราก็เลยจะไม่ไปที่นั่น”
ในขณะเดียวกัน บรรดาคนที่รอทั้งสองอยู่ที่บ้านเฉียวเหลียงก็จามกันยกใหญ่ ถังซีไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย ถึงอย่างไรเธอก็พาเฉียวเหลียงไปที่ห้องเธอได้ ถึงแม้พี่่ส่ากับพี่จิ่งจะอยู่บ้านก็ตาม
เมื่อนึกเช่นนี้ถังซีก็ยิ้ม แต่แล้วเธอก็นึกถึงลู่หลีขึ้นมาได้ เธอขมวดคิ้ว “ลู่หลีเป็นยังไงบ้างคะ”
“เขาฟื้นแล้ว แต่จำใครไม่ได้เลย และไม่สามารถดูแลตัวเองได้ แต่เหวินนิ่งอยู่ดูแลเขา ไม่ต้องห่วง” เมื่อพูดถึงลู่หลี เฉียวเหลียงก็หน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมา
ถังซีพยักหน้า เอนศีรษะพิงอกเฉียวเหลียง “ทุกอย่างจะเรียบร้อยเองนะคะ ใจเย็นๆ”
เฉียวเหลียงพยักหน้าอยู่เงียบๆ
สองชั่วโมงต่อมา ในที่สุดรถก็มาหยุดที่หน้าบ้านเซียวหงลี่ ถังซีลงจากรถ ขณะที่เฉียวเหลียงกำลังตามลงมา เธอก็หันหน้าเดินเข้าไปในบ้าน แล้วจู่ๆ เฉียวเหลียงก็เรียกเธอไว้ ถังซีหันไปมองเฉียวเหลียง เขาชี้ไปที่บ้านหลังที่อยู่ติดกับบ้านตระกูลเซียว “ไปที่บ้านหลังใหม่ของผมกันเถอะ”
“บ้านหลังใหม่ของคุณ” ถังซีมองเฉียวเหลียงด้วยความสับสน “คุณหมายถึงบ้านหลังนี้น่ะเหรอ”
เฉียวเหลียงพยักหน้า “ใช่ ผมซื้อไว้เมื่อหลายเดือนก่อน และจัดการตกแต่งต่อเติมใหม่ ผมยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ แต่มีของใช้จำเป็นและเสื้อผ้าพร้อม เราจะพักกันที่นี่ คืนนี้”
ถังซีเขินหน้าแดง เธอพยักหน้า มองเฉียวเหลียงอย่างขวยเขิน กล่าวเสียงแผ่วต่ำ “ฉันออกกำลังกายอย่างหนักเลย ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา”
เฉียวเหลียงมองตาถังซีลึกลงไป หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน เขาก็พยักหน้าอย่างมีความหมาย “คืนนี้เราควร ‘ออกกำลัง’ กันสักหน่อย เพื่อดูว่าคุณออกกำลังกายได้ผลดีหรือเปล่า”
ใบหน้าถังซีเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธออึ้งอยู่นานมาก กว่าจะพยักหน้า “เราเข้าไปในบ้านคุณกันก่อนเถอะ”
“อาหก กลับไปได้แล้ว” เฉียวเหลียงหันกลับไปมองอาหก แล้วพาถังซีเข้าไปในบ้านหลังใหม่
อาหกผู้ถูกทอดทิ้ง มองตามทั้งสองเดินกระหนุงกระหนิงกันเข้าไปในบ้าน แล้วส่ายศีรษะ ถอนหายใจอยู่ในใจว่า ‘แสดงความรักกันต่อหน้าต่อตาอีกแล้ว!’
…
ทางอีกด้านหนึ่ง ผู้คนที่รออยู่ที่บ้านเฉียวเหลียงยังคงไม่เห็นพวกเขากลับมา เฮ่อหว่านโจวหันไปมองหน้าหนิงเหยี่ยน “นายแน่ใจหรือว่าเขาจะกลับมาคืนนี้”
หนิงเหยี่ยนพยักหน้ายืนยัน “น้องสาวนายได้ยินจากโหรวโหรว จะไม่จริงได้ยังไง”
“โหรวโหรวไปสนามบินจริงๆ ไม่ผิดหรอก”
เซียวจิ่งก็พยักหน้าเช่นกัน “ฉันรู้ว่าคืนนี้เขาจะกลับมา แต่บางทีพวกเขาอาจไม่กลับมาที่นี่ก็ได้ ฉันคิดว่าพวกเขาคงจะไปบ้านแม่เฉียวเหลียง”
“ง่ายๆ ก็แค่โทรหาน้องสาวนาย แล้วถามเธอ!” เฮ่อหว่านโจวกลอกตาใส่เซียวจิ่ง
เซียวจิ่งยิ้ม “เออ ฉันลืมไป” จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาถังซี
เป็นเวลานานพอสมควรกว่าทางปลายสายจะรับ จากนั้นเซียวจิ่งก็ได้ยินเสียงหอบของถังซี “ฮัลโหล พี่จิ่ง… ว่าไงคะ”
สีหน้าเซียวจิ่งเข้มขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงถังซี พวกเขากำลังมีอะไรกันอยู่หรือเปล่า! เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ สีหน้าเขาก็ยิ่งเข้มขึ้น เขาพยายามข่มอารมณ์ “นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่”
“ฉัน…” เสียงของอีกฝ่ายแผ่วลง “เอ้อ ฉันกำลังออกกำลังกายอยู่”
“ออกกำลังกายงั้นเหรอ” เซียวจิ่งวางสายด้วยความโกรธ “บ้าบัดชบ! ฉันไม่รอแล้ว! ฉันจะกลับบ้าน!”
“กลับบ้านเหรอ” หนิงเหยี่ยนมองไปที่ผักและเนื้อบนโต๊ะ “ก็ได้ กลับบ้านนายไปกินหม้อไฟกัน เราจะยอมทิ้งอาหารไปฟรีๆ ไม่ได้หรอก”
หนิงเหยี่ยนเดาได้เลยว่าทำไมเซียวจิ่งถึงโกรธขึ้นมา
…
ทางอีกด้านหนึ่ง ในสวนของบ้านหลังใหม่ ถังซีเพิ่งเล่นวอลเลย์บอลกับเฉียวเหลียง และกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง เธอมองโทรศัพท์ด้วยความประหลาดใจ “ทำไมจู่ๆ พี่จิ่งก็วางสายไปเลยล่ะ”
เฉียวเหลียงซึ่งยืนกอดอกมองเธออยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย ส่ายศีรษะกล่าวว่า “คุณคิดว่ายังไงล่ะ”
“ฮึ” ถังซีมองเขาด้วยความสับสน เธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ก็เธอกำลังออกกำลังกายอยู่นี่นา ไม่อย่างนั้นเธอจะอ้าปากหอบหายใจขนาดนั้นเหรอ
แล้วเฉียวเหลียงล่ะ! เมื่อนึกถึงเขา ถังซีก็จ้องมองเขา ถ้าอย่างนั้นที่เขาบอกว่า ‘ออกกำลัง’ นั่นก็คือการเล่นวอลเลย์บอลและวิ่งลู่นี่ใช่ไหม!
เธอนึกว่าจะมีอะไรที่คุ้มค่ากว่านี้เสียอีก!
เธอโกรธจริงๆ! ก็ใครจะอยากออกกำลังจริงๆ ตอนกลางคืนล่ะ…
ถังซีจ้องมองเขาอย่างเกลียดชัง เขาหลิ่วตาใส่เธอแล้วหัวเราะ “ใครจะเชื่อ ว่าคุณจะจ็อกกิ้งตอนกลางคืนจริงๆ”
“เฉียวเหลียง!” ถังซีอยากชกหน้าเขาเหลือเกิน! เป็นความผิดของเขาคนเดียว! “ฉันกำลังจ็อกกิ้ง! เพราะคนงี่เง่าคนหนึ่ง เอาลู่วิ่งมาวางไว้กลางลานที่เย็นยะเยือก และบังคับให้ฉันวิ่ง!”
“อากาศข้างนอกนี่สดชื่นกว่า แล้วยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วย” เฉียวเหลียงยิ้ม เช็ดเหงื่อให้ถังซี “ทำซิทอัพด้วยไหม”
ถังซีปฏิเสธทันที “ไม่มีทาง! คุณไม่ใช่ครูฝึกฉัน!”
“คุณไม่อยากจ้างผมเป็นครูฝึกของคุณหรอกเหรอ” เฉียวเหลียงยิ้มให้ถังซี “ผมไม่ได้อยากทารุณกับคุณ แต่ว่า…” เฉียวเหลียงหยุดไปครู่หนึ่ง และมองหน้าถังซี “คุณต้องสามารถป้องกันตัวเองได้”
ถังซีหยุดพักชั่วคราว ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเรามาออกกำลังกายแบบต่อสู้ระยะประชิดกัน ฉันได้เรียนรู้หลายอย่างจากอาหก และตอนนี้เขาเอาชนะฉันไม่ได้แล้ว”
เมื่อเห็นเธอมั่นใจมาก เฉียวเหลียงก็พยักหน้าด้วยความยินดี หลังจากผ่านไปหลายยก ถังซีก็ทรุดตัวลงกับพื้น “นี่คุณเป็นมนุษย์จริงๆ หรือเปล่าเนี่ย!”
“พวกเธอกำลังทำอะไรอยู่” เซียวจิ่งมองดูถังซีที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความเหนื่อยล้า และมองอุปกรณ์กีฬาที่วางอยู่บนพื้น แล้วพูดไม่ออก…
นี่ก็แปลว่า ทั้งสองคนกำลังออกกำลังกายกันจริงๆ ใช่ไหม