บทที่ 1112 การขัดขวางของเหวินเส่าอี๋

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1112 การขัดขวางของเหวินเส่าอี๋

บูม……ร่างกายของเฉินหลิงโซซัดโซเซ เกือบจะหมดสติไป

นางมองไปที่เซี่ยวอวี่เซวียนด้วยความเหลือเชื่อ เสียงของนางสั่นไหวเหมือนไม่เคยเป็นมาก่อน “พี่หลาน……นี่เจ้า……ที่เจ้าพูดมาเมื่อครู่มันไม่ใช่ความจริงใช่ไหม”

ความละอายใจปรากฏออกมาจากแววตาของเซี่ยวอวี่เซวียน แต่เขาไม่รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย

“ขอโทษ ด้วยสถานการณ์ในตอนนั้น เจ้าเองก็รู้……ข้าติดค้างพวกเจ้าเป็นอย่างมาก หลังจากนี้ข้าจะดูแลเจ้าเหมือนกันเจ้าเป็นน้องสาวของข้าคนหนึ่ง”

น้ำตาของเฉินหลิงเอ่อล้นออกมา แต่นางก็พยายามกลั้นเอาไว้

นางพยายามยิ้มออกมาอย่างสดใส พูดออกมาด้วยรอยยิ้มแห่งความเศร้าโศก “ข้าเข้าใจ พี่หลานทำเพื่อความสบายใจของท่านปู่ ข้ารู้แล้ว……ข้า……ข้าเองก็ไม่อยากผูกมันเจ้าเช่นกัน”

มองไปยังผู้ชายที่รักสุดหัวใจ เฉินหลิงไม่สามารถรั้งเขาเอาไว้ได้

น้ำตาไหลออกมา ทำได้เพียงหันหลังเพื่อเช็ดน้ำตา ยิ้มออกมาและกล่าวว่า “พี่หลาน หลังจากนี้พวกเราถือว่าเป็นพี่น้องกัน ท่านผู้ไม่อยู่แล้ว ข้า……หลังจากนี้ข้ายังติดตามเจ้าได้อยู่หรือไม่”

“ข้าพเนจรไปทั่วทั้งใต้หล้า ไม่มีที่อยู่แน่นอน ติดตามข้าไปต้องลำบากเป็นแน่ ไม่มีอาหาร ไม่มีเสื้อผ้า แล้ว……แล้วยังมีศัตรูที่คอยไล่ล่า……”

ไม่ทันรอให้เซี่ยวอวี่เซวียนพูดจบ เฉินหลิงก็กล่าวออกมาว่า “ข้าไม่กลัว ขอแค่ได้ติดตามพี่หลานไป หลิงเอ๋อร์ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”

นางกลัวว่าแม้แต่ติดตามเขาไป เขาก็ไม่อนุญาต

“เช่นนั้น ศิษย์พี่หยางเหมยของเจ้า……”

“ศิษย์พี่หยางเหมยเขายังต้องตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของเขา เขาเองก็ไม่ชอบให้ข้าติดตามเขา พี่หลาน ข้าจะไม่เป็นภาระของเจ้าอย่างแน่นอน หากเจ้าไม่ต้องการข้า ข้า……ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตนเองควรทำเช่นไร”

เซี่ยวอวี่เซวียนขมวดคิ้ว

เขาไม่อยากให้เฉินหลิงติดตามเขาไป

เพื่อที่จะช่วยชีวิตของเขา นางใช้ระฆังดึงวิญญาณ ทำให้นางต้องสูญเสียพลังชีวิตไปถึงยี่สิบปี

และปู่ของนางก็ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้

เขาไม่สามารถทำเป็นไม่สนใจนางได้จริง ๆ

ภายใต้ความฝืนทน เซี่ยวอวี่เซวียนทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น

เฉินหลิงเช็ดน้ำตาของนาง จากนั้นยิ้มออกมาอย่างสดใส “ขอบคุณพี่หลาน หลังจากนี้ข้าจะปรนนิบัติเจ้าเป็นอย่างดี”

นางหันหลังและเดินทางไป แต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้หันกลับมาอีกครั้ง

มือของนางสอดเข้าไปในแขนเสื้อ ไม่กล้าพูดออกมาเป็นเวลานาน

“เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดออกมาตามตรง” เซี่ยวอวี่เซวียนกล่าวออกมา

“เจ้า……คนที่เจ้าชอบ ใช่……ใช่แม่นางคนเมื่อครู่หรือ……”

“ใช่”

เซี่ยวอวี่เซวียนตอบไปโดยไม่คิด

ยอมรับออกไปโดยตรง

ตั้งแต่เกิดจนถึงเวลานี้ เขาหลงรักเพียงแค่นางคนเดียว

“แต่นาง……นางเป็นจักรพรรดินี เจ้า……เจ้าสามารถ……สามารถยอมรับผู้ชายที่อยู่ข้างกายนางมากมายถึงเพียงนั้นได้งั้นหรือ……”

“นี่เป็นเรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า”

“ข้า……ข้ารู้แล้ว……”

เซี่ยวอวี่เซวียนมองไปยังทิศทางที่กู้ชูหน่วนจากไป หลับตาลงอย่างขมขื่น

บนภูเขาขนาดใหญ่ลูกหนึ่งในเขตชานเมือง

กู้ชูหน่วนหาต้นหยางต้นหนึ่ง เมื่อมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าไม่มีใคร นางจึงนำแผ่นอักษรสีเหลืองฝั่งไว้ในต้นหยาง

“นายท่าน ที่นี่มีต้นหยางจำนวนมาก และพวกมันก็มีลักษณะคล้าย ๆ กัน หากฝังแผ่นอักษรสีเหลืองไว้ที่นี่คงไม่ใช่เรื่องปลอดภัย ข้าว่าให้องครักษ์นำกลับไปไว้ที่เมืองจะดีกว่าหรือไม่”

“เกรงว่าเหล่าองครักษ์คงถูกคนของเผ่าเพลิงฟ้าจับตามองไว้แล้ว ไม่มีที่ไหนปลอดภัยกว่าที่นี่อีกแล้ว

ไปกันเถอะ พวกเราไปหาพวกผู้อาวุโสอวี๋กัน”

“ขอรับ”

หลังจากออกเดินทางได้ไม่นาน กู้ชูหน่วนก็ไม่รู้สึกแปลกใจที่ได้เผชิญหน้ากับคนของเผ่าเพลิงฟ้า

เพียงแค่คนที่ออกมาขวางทางนางในครั้งนี้ไม่ใช่ใคร

แต่เป็นเหวินเส่าอี๋

เหวินเส่าอี๋ปรากฏกายในชุดสีขาว เต็มไปด้วยความสง่างาม มีหน้ากากรูปผีเสื้อบนใบหน้า มองไม่ออกว่ากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ แต่ดูจากพลังวิญญาณและลักษณะท่าทางของเขา ทุกอย่างเป็นธรรมชาติและน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก

คนประเภทนี้แม้อยู่ในฝูงชนก็สามารถมองออกได้โดยง่าย

แล้วกู้ชูหน่วนจะมองไม่ออกได้อย่างไร

นางยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน

“เฟิงโห้วตัวดีของข้า เจ้าช่างรวดเร็วเหลือเกิน ข้าเพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน เจ้าก็ไล่ตามมาจนพบ ออกจากตำหนักมาโดยพลการ เจ้าไม่กลัวข้าจะจับเจ้าไปขังในตำหนักเย็นหรืออย่างไร?”

“เกรงว่าข้าคงทำให้ฝ่าบาทต้องผิดหวังแล้ว”

การแสดงออกของเหวินเส่าอี๋ชัดเจนเป็นอย่างมาก นอกจากกู้ชูหน่วนจะมอบแผ่นอักษรสีเหลืองให้เขา ไม่เช่นนั้นวันนี้คงไม่ใช่วันที่ดี ฝูกวงพุ่งออกมาขวางหน้าของกู้ชูหน่วนไว้ ใบหน้าอันสดใสของนางราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอันแสนน่ากลัว

กู้ชูหน่วนผลักฝูกวงออกไป “สามีภรรยาทะเลาะกันถือเป็นเรื่องปกติ เหตุใดเจ้าต้องร้อนใจถึงเพียงนั้น”

“นายท่าน บนร่างกายของเฟิงโห้วมีจิตสังหารปกคลุมอยู่”

“งี่เง่า จิตสังหารนั่นมุ่งเป้ามาที่ข้างั้นหรือ?”

ฝูกวงกุมศีรษะที่ถูกตีของเขา ร่องรอยของความคับข้องใจและความกังวลเผยออกมาให้เห็นจากดวงตาอย่างชัดเจน

จริงอยู่ที่ด้านหลังของเฟิงโห้วเต็มไปด้วยจิตสังหาร

และเขาก็รับรู้ได้ว่ามันพุ่งเป้ามาที่นายท่าน

“ออกจากพระราชวังมาสองสามวัน ข้ากำลังคิดถึงเสี่ยวหูเตี๋ยอยู่พอดี คิดไม่ถึงว่าเขาจะปรากฏตัวออกมาเช่นนี้ ฝูกวง เจ้าถอยไปก่อน บอกเหล่าองครักษ์ด้วยว่าอย่ามารบกวนข้า ข้าอยากจะรำลึกความหลังกับเสี่ยวหูเตี๋ยสักเล็กน้อย”

“นายท่าน”

“คำสั่งของข้า เจ้าไม่ฟังแล้วงั้นหรือ?”

“ข้าน้อยไม่อาจ ข้าจะถอยไปเดี๋ยวนี้”

ฝูกวงส่งสายตาแจ้งเตือนไปยังเหวินเส่าอี๋ ป้องกันไม่ให้เขาลงมืออย่างกะทันหัน ไม่เช่นนั้นกู้ชูหน่วนอาจจะตกอยู่ในอันตราย

กู้ชูหน่วนเองก็ไม่แน่ใจว่าเหวินเส่าอี๋จะปล่อยฝูกวงไปหรือไม่

แต่นางรู้ว่า เรื่องในวันนี้คงไม่อาจจบลงอย่างสันติได้

ในตอนที่ฝูกวงกำลังจะจากไป พวกเขามองหน้ากัน เสียงพิณดังขึ้นมา เสียงบรรเลงบทเพลงอย่างต่อเนื่องกลายเป็นอักขระแห่งเสียงเพลง ปรากฏอยู่ด้านหน้าของฝูกวง และวนไปรอบกายของฝูกวง

กู้ชูหน่วนกล่าวออกมา “เสี่ยวหูเตี๋ย บนร่างกายของฝูกวงไม่มีสิ่งใด มีเรื่องอันใดพวกเราค่อย ๆ คุยกัน ปล่อยเขาไปก่อนได้หรือไม่?”

“เจิ้ง……”

เสียงพิณดังขึ้นอย่างเสนาะหู

อักขระแห่งเสียงเพลงกลายเป็นค่ายกลเซียนแห่งเสียงเพลง กักขังฝูกวงเอาไว้ด้านใน

เหวินเส่าอี๋ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ “ในเมื่อแผ่นอักษรสีเหลืองไม่ได้อยู่ที่ฝูกวง เช่นนั้นมันอยู่ที่ฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ?”

“สวรรค์เป็นพยาน ข้าเองก็ไม่มีเช่นกัน ไม่เชื่อเจ้าลองค้นดูหรือไม่?”

“ฝ่าบาท หากท่านมอบแผ่นอักษรสีเหลืองออกมาให้กับข้า พวกเราก็จะอยู่กันอย่างสงบสุข แต่หากท่านยืนกรานที่จะไม่มอบให้ เช่นนั้น……เช่นนั้นท่านก็อย่ามาหาว่าข้าโหดร้าย”

“หรือว่าเจ้าจะสังหารข้า?”

“สังหารเจ้าแล้วอย่างไง”