กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1111 ยกระดับ
เซี่ยวอวี่เซวียนหัวเราะอย่างเหยียดหยาม มีความโศกเศร้าแฝงอยู่ในรอยยิ้มของเขา เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เขาก็ยังไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับนางอย่างไร
เขาคิดว่า เขาจะเกลียดนางอย่างสุดหัวใจ
อย่างไรก็ตาม ความเกลียดชังของเขาหายไปตั้งแต่แรก หลังจากที่นางเสียชีวิตและจากไปอย่างไร้ร่องรอย
“ได้ยินมาว่าเจ้าแต่งงานกับสามีทั้งหมดสี่คน”
เซี่ยวอวี่เซวียนกล่าวออกมาเบา ๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งกู้ชูหน่วนถึงตอบกลับไปว่า
“ใช่ ในตอนที่ข้าหมดสติ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จัดการเรื่องนี้ให้ข้าด้วยความคิดของเขาเองส่วนอี้หยุนเฟย ที่ข้าแต่งงานกับเขาก็เพื่อประชาในของรัฐปิง”
“เช่นนั้นเจ้าจะมาหาข้าเพื่อเหตุใด?”
เพื่อบอกกับเขาว่านางแต่งงานกับสามีสี่คนอย่างนั้นหรือ?
แล้วเขาเป็นตัวอะไร?
เดิมทีกู้ชูหน่วนเองก็อยากจะหาโอกาสอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง
เนื่องจากการได้พบกันในครั้งนี้ เซี่ยวอวี่เซวียนเปลี่ยนไปมากจริง ๆ
ดวงตาคู่นั้นของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ และมันมากเกินกว่าที่นางจะเข้าใจ
“เสี่ยวเซวียนเซวียน แผ่นอักษรสีเหลืองอยู่กับเจ้าหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองไปที่ฝูกวงและหยางเหมยซึ่งอยู่ในระยะไกลอย่างระมัดระวัง
บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่าฝูกวงนั้นสามารถไว้ใจได้ เขาจึงพยักหน้าออกมา “ใช่”
“แผ่นอักษรสีเหลืองแผ่นนั้นสำคัญกับข้ามาก เจ้าสามารถมอบมันให้กับข้าได้หรือไม่?”
ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขา เซี่ยวอวี่เซวียนจะต้องมอบให้นางเป็นแน่
แต่ในแผ่นอักษรสีเหลืองมีจิตวิญญาณของผู้หญิงคนนั้นอยู่
เซี่ยวอวี่เซวียนเองก็หลงรักผู้หญิงคนนั้นจนสุดหัวใจ จึงยากที่จะรับประกันว่าเยี่ยจิ่งหาน และพวกของเยี่ยจิ่งหานจะแย่งชิงแผ่นอักษรสีเหลืองไปเพื่อชุบชีวิตผู้หญิงคนนั้น
ดังนั้นในใจของกู้ชูหน่วนจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องเอามันไปเลย
เซี่ยวอวี่เซวียนจิบชา จากนั้นกล่าวออกมาว่า “เจ้าต้องการแผ่นอักษรสีเหลืองไปเพื่ออะไร?”
หรือว่านางจะรู้ว่านางคือกู้ชูหน่วน รู้ว่าจิตวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของนางอยู่ในนั้น?
“ช่วยคน อี้หยุนเฟยได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องใช้แผ่นอักษรสีเหลือง เขาถึงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เสี่ยวเซวียนเซวียน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนใจกว้าง แผ่นอักษรสีเหลืองนั่น มอบให้ข้าได้หรือไม่?”
เซี่ยวอวี่เซวียนเอื้อมมือเข้าไปหยิบแผ่นอักษรสีเหลือง
ตอนแรกเขาต้องการมอบมันให้กับนาง
แต่เมื่อได้ยินว่านางจะนำมันไปเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น
เซี่ยวอวี่เซวียนจึงเปลี่ยนไป
“แผ่นอักษรสีเหลือง ข้าไม่สามารถมอบให้ใครได้”
“แม้แต่ข้าก็ไม่ได้งั้นหรือ?”
มุมปากของเซี่ยวอวี่เซวียนสั่นไหว
แน่นอนว่ามอบให้นางนั้นไม่มีปัญหา
แต่สิ่งสำคัญก็คือ นางจะนำมันไปให้ผู้อื่น
แผ่นอักษรสีเหลืองสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว จะมอบให้ผู้อื่นได้อย่างไร?
หลังจากมอบให้ผู้อื่นไปแล้ว จิตวิญญาณของนางก็ไม่สามารถหลอมรวมและกลับคืนมาได้อีก
ในตอนที่เผ่าเพลิงฟ้าไล่ล่าเขา เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะปกป้องแผ่นอักษรสีเหลือง
เซี่ยวอวี่เซวียนส่ายหน้า
กู้ชูหน่วนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
สิ่งที่นางขอนั้นมันมากเกินไป รู้ว่าจิตวิญญาณในแผ่นอักษรสีเหลืองมีความหมายอย่างไรกับเซี่ยวอวี่เซวียน เขาจะมอบมันให้กับนางได้อย่างไร
แววตาของกู้ชูหน่วนฉายแววแห่งความสับสน
ลังเลอยู่ว่าควรจะชิงมันไปดีหรือไม่
เซี่ยวอวี่เซวียนยิ้มออกมา
“ทำไม เมื่อไม่ได้มันมาตามต้องการจึงอยากจะแย่งชิงมันไปงั้นหรือ? เจ้ากล้าแย่งมันไปจากข้า? ลั่วอิ่งสังหารคนตระกูลเซี่ยวของข้าทั้งตระกูล เจ้าไม่สังหารลั่วอิ่ง และยังใช้งานเขาในฐานะลูกน้อง แล้วเจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าเสียใจแทนข้า”
“เยี่ยจิ่งหานไม่เพียงมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับเจ้าเท่านั้น แต่เขายังเป็นเฟิงโห้วของเจ้า ข้าสังหารคนในเผ่าของเขา เขาเคียดแค้นข้าจนถึงกระดูกดำ เจ้าเองก็รู้ดีว่าเขาเกลียดข้ามากเพียงใด แต่เจ้ายังกลับมาเรียกข้าว่าพี่ชาย และยังจะมาบอกว่าต้องการปกป้องข้า”
“เจ้ารู้ว่าข้าเกลียดลั่วอิ่ง เจ้าช่วยเขา เจ้ารู้ว่าเยี่ยจิ่งหานเกลียดข้า เจ้าก็ช่วยเขา เจ้าคิดว่าทุกสิ่งที่เจ้าทำลงไป ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่มีใครรับรู้ถึงมันหรืออย่างไร?”
แน่นอนว่ากู้ชูหน่วนรู้
แต่ไม่ว่าจะเป็นลั่วอิ่ง เซี่ยวอวี่เซวียน หรือแม้แต่เยี่ยจิ่งหานเอง ทั้งหมดล้วนเป็นเพื่อนของนาง
เพื่อนที่ดี เพื่อนที่ดีมาก……
นางไม่สามารถทอดทิ้งใครได้ทั้งนั้น
และนางก็รู้ว่าหากทำเช่นนี้ต่อไปมันก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา
มีแต่ทำให้ความแค้นมันมากขึ้นเท่านั้น
ไม่ฆ่าล้างตระกูล ก็ฆ่าล้างเผ่า เช่นนั้นจะแก้ไขอย่างไร?
ผู้นำคนเก่าไม่สามารถแก้ไขได้ นางเองก็ไม่สามารถแก้ไขได้เช่นกัน
“เจ้าอยากพูดอะไร?”
“ในเมื่อแต่งงานกับเยี่ยจิ่งหานไปแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็อย่ามารบกวนข้าเลย หลังจากเจ้าก็เดินบนเส้นทางของเจ้า ส่วนข้าก็จะเดินบนเส้นทางของข้า”
“จำเป็นต้องแบบนี้ด้วยงั้นหรือ?”
เซี่ยวอวี่เซวียนหันหน้าไปทางอื่น และบังเอิญเป็นทางที่เฉินหลิงอยู่พอดี
กู้ชูหน่วนมองไปตามสายตาของเขา และนางเองก็เห็นเฉินหลิง
นางยิ้มอย่างขมขื่น “เฉินหลิงเองก็ดี พวกเจ้าเหมาะสมกันมาก ยินดีกับเจ้าด้วย ในที่สุดเจ้าก็ตามหารักแท้ของเจ้าจนพบ”
เซี่ยวอวี่เซวียนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นการบอกลาจากแววตาของกู้ชูหน่วนและฝูกวง
เซี่ยวอวี่เซวียนลุกขึ้นยืน
ความผิดหวังและความเจ็บปวดในดวงตาของกู้ชูหน่วนทำให้เขาเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง
“เจ้าอยากได้แผ่นอักษรสีเหลืองไม่ใช่หรือ?”
“ใช่”
“เช่นนั้นเจ้าจะจากไปทั้งแบบนี้งั้นหรือ?”
“คนของเผ่าเพลิงฟ้าไม่ใช่คนมีเมตตา หลังจากที่พวกเขาชิงแผ่นอักษรสีเหลืองจากเจ้าไป ข้าค่อยไปชิงมันมาจากพวกเขาอีกครั้ง”
หัวใจของเซี่ยวอวี่เซวียนดูเหมือนจะผูกเป็นปม และเขาไม่สามารถคลายมันได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“เจ้าไม่กลัวขัดแย้งกับเยี่ยจิ่งหานงั้นหรือ?”
“กลัว แต่ใครใช้ให้แผ่นอักษรสีเหลืองมีเพียงชิ้นเดียวกันเล่า”
กู้ชูหน่วนหันกลับมา ส่งยิ้มที่อธิบายไม่ได้ให้เขา มือทั้งสองข้างประสานกันพร้อมกล่าวว่า “เสี่ยวเซวียนเซวียน ข้ารอให้เจ้าเชิญข้ามาร่วมแสดงความยินดีในงานแต่ง ลาก่อน”
นางจากไป ฝูกวงเองก็เดินตามหลังนางไป ไม่เหลือแม้แต่เยื่อใย
เซี่ยวอวี่เซวียนไม่รู้ว่าตนเองควรจะเสียใจหรือมีความสุข
มีความสุขที่สถานะของเขาอยู่เหนือกว่าเยี่ยจิ่งหานในใจของนาง
แต่สิ่งที่เสียใจก็คือ หากความทรงจำของนางกลับคืนมา การที่เขาเป็นคนล่ำลาในค่ำคืนที่ฝนพรำ นางจะรู้สึกเคียดแค้นหรือไม่ นางจะสามารถกลับไปเป็นเหมือนก่อนได้หรือไม่……
และอีกอย่าง……นางแต่งงานกับผู้ชายมากมายถึงเพียงนั้น
หรือว่าเขาจะต้องแบ่งปันนางให้กับผู้ชายอีกหลายคน?
เขาจะทำมันได้อย่างไร?
ในระยะไกล
ฝูกวงเดินตามหลังของกู้ชูหน่วนมา “นายท่าน ท่านออกมาเร็วเกินไปหรือไม่ พวกเราไม่ต้องการแผ่นอักษรสีเหลืองแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“นายท่าน หากแผ่นอักษรสีเหลืองตกอยู่ในมือของเผ่าเพลิงฟ้า เกรงว่าคงจะชิงกลับมาได้ยาก และหากพวกเราชิงแผ่นอักษรสีเหลืองมาจากเผ่าเพลิงฟ้า เฟิงโหวไม่มีทางยอมให้ท่านเป็นแน่”
“พวกเราจะต่อต้านเผ่าเพลิงฟ้าเพียงเพื่อไม่ทำให้คุณชายเซี่ยวขุ่นเคืองงั้นหรือ?”
เซี่ยวอวี่เซวียนหยุดฝีเท้าของนาง ยิ้มออกตรงมุมปาก แสดงท่าทางและความมั่นใจ
“เจ้าจะไปรู้อะไร บางสิ่งบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องแก่งแย่งอย่างชัดเจน บางทีเขาอาจจะเป็นคนนำมาให้ด้วยตัวของเขาเองก็ได้”
แม้ว่านางจะไม่มั่นใจมาก แต่นางก็อยากจะลองดูสักครั้ง
นางกับเซี่ยวอวี่เซวียนผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน นางพอจะเข้าใจเขาอยู่บ้าง
อีกอย่าง
เซี่ยวอวี่เซวียนเองก็ต้องการแผ่นอักษรสีเหลืองไปเพื่อช่วยคนเช่นกัน
เยี่ยจิ่งหานต้องการแผ่นอักษรสีเหลืองไปเพื่อชุบชีวิตคนอื่น จากนั้นก็สังหารคนผู้นั้น
เป้าหมายของทั้งสองต่างกันโดนสิ้นเชิง
หากให้นางเลือก นางจะต้องเลือกเป็นศัตรูกับเยี่ยจิ่งหาน
ฝูกวงไม่เข้าใจ
แต่ในระยะไกล เซี่ยวอวี่เซวียนก็ไล่ตามพวกเขามาด้วยวิชาตัวเบา
มุมปากของเขายกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเขา
“เหตุใดถึงได้วิ่งเร็วกันถึงเพียงนี้ นี่ ข้าให้เจ้า”
กู้ชูหน่วนเหลือบตาดู ด้านในมือผ้ายันต์อยู่หนึ่งผืน
มันคือผ้ายันต์สีเหลืองที่ถูกเขียนไว้ด้วยอักขระซึ่งนางไม่เข้าใจ
“ให้ข้า? เจ้าบอกว่ามันสำคัญกับเจ้ามากไม่ใช่หรือ?”
“ข้าคิดไปคิดมามันก็ไม่ได้สำคัญอะไร ในใจของข้า เจ้าเองก็สำคัญไม่แพ้กัน”
อย่างไรพวกนางก็เป็นคน คนเดียวกัน
ไม่ว่าจะฟื้นฟูความทรงจำกลับมาหรือไม่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยังคงเหมือนเดิม
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะต้องกังวลอะไร
หากความทรงจำของนางไม่คืนกลับมา บางทีมันอาจจะดีกว่าเดิมก็ได้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว ขอแผ่นอักษรสีเหลืองไปก่อนแล้วกัน ขอบคุณเจ้ามาก”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน ในใจของเซี่ยวอวี่เซวียนมีคำพูดเป็นหมื่นล้านคำ แต่เขาก็เลือกที่จะจากไปโดยไม่พูดอะไร
ผู้ชายสี่คนมีผู้หญิงคนเดียวกัน รวมเขาเข้าไปอีกหนึ่งคน ก็เท่ากับว่ามีผู้ชายห้าคน……
เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้
และเขาก็รับไม่ได้ที่จะต้องไปอยู่ร่วมกับเยี่ยจิ่งหาน……
กู้ชูหน่วนเก็บวงแหวนอวกาศเข้าไปในวงแหวนอวกาศ ยิ้มและกล่าวว่า “ไปกันเถอะ เอาแผ่นอักษรสีเหลืองกลับไปให้พวกผู้อาวุโสอวี๋”
“ขอรับ……”
กู้ชูหน่วนพึมพำอย่างมีความสุข
เท้าของฝูกวงหนักไปหน่อย
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาจากไป เซี่ยวอวี่เซวียนปรากฏตัวออกมาจากหลังต้นไม้ จ้องมองแผ่นหลังที่จากในระยะไกลของเขาด้วยไม่เต็มใจ
จนกระทั่ง……
“พี่หลาน พวกเขาไปแล้ว ฟ้าเองก็มืดแล้วเช่นกัน พวกเรากลับกันเถิด”
“ได้”
“พี่หยางเหมยบอกว่า ท่านปู่จากไปแล้ว พวกเราควรจะแต่งงานกันภายในร้อยวัน หรือ……หลังจากสามปี คือว่าพี่หยางเหมยหมายความว่า พวกเรา……พวกเราจะแต่งงานกันภายในสามเดือน……”
“หลิงเอ๋อร์ ข้ามีเรื่องบางอย่างที่อยากคุยกับเจ้า”
“เรื่อง……เรื่องอะไรงั้นหรือ……”
“ตอนที่ข้ารับปากปู่ของเจ้า มันเพียงเพราะอยากให้ปู่ของเจ้าจากไปอย่างสบาย”