กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1110 เขาเปลี่ยนไปแล้ว
เฉินหลิงมองไปที่เซี่ยวอวี่เซวียนพร้อมกับสะอื้นไห้ ความรู้สึกรักใคร่ในดวงตาของนางเปิดเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
รอยยิ้มปรากฏออกมาที่มุมปากของชายชรา เขานำมือของเซี่ยวอวี่เซวียนและเฉินหลิงมาประสานกัน จากนั้นก็จากไป
“ท่านปู่……”
“อาจารย์……”
เซี่ยวอวี่เซวียนหลับตาด้วยความเจ็บปวด หูของเขาอันแน่นไปด้วยเสียงแห่งความโศกเศร้าของเฉินหลิงและหยางเหมย
“ปัง……”
“บูม……”
การต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ กู้ชูหน่วนพยายามทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางการโจมตีของเหล่าผู้อาวุโสยอดฝีมือจากเผ่าเพลิงฟ้า
เซี่ยวอวี่เซวียนพยายามลุกขึ้น เตรียมตัวที่จะร่วมสู้ไปพร้อมกับกู้ชูหน่วน
แต่ในตอนนั้นเอง กองทัพทหารก็เคลื่อนตัวมาจากในระยะไกล
ผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้ากล่าวออกมา “เหมืนนจะเป็นกองทัพของรัฐปิง”
“ผู้อาวุโสฉื่อ ท่านดูธงศึกทางด้านนั้น ใช่ธงศึกของทัพอี้หรือไม่?”
กองทัพเข้ามาอย่างเกรียงไกร
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ความขัดแย้งจะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หากทำอะไรผิดพลาดไป ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดสงครามระหว่างเผ่าเพลิงฟ้ากับรัฐปิง
ไม่ว่าคนของเผ่าเพลิงฟ้าต้องการสังหารเซี่ยวอวี่เซวียนและชิงแผ่นอักษรสีเหลืองกลับไปมากเพียงใด เวลานี้พวกเขาก็ทำได้แค่ล่าลอยกลับไป
ยิ่งไปกว่านั้น หากกองทัพอี้ยกทัพมาถึง สิ่งต่าง ๆ จะยิ่งไม่มีวันจบสิ้น
มันจะดีกว่าหากปล่อยพวกเขาไป และค่อยหาโอกาสจัดการกับเซี่ยวอวี่เซวียนอีกครั้ง
ผู้อาวุโสฉื่อตะโกนออกมา “สลายตัว”
กล่าวว่าสลายตัวก็สลายตัว พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ลั่วอิ่งกล่าวออกมาว่า “นายท่าน ต้องตามไปหรือไม่”
“ไม่ต้อง เจ้านายของพวกเขายังอยู่ในรัฐปิง ต่อให้ตอนนี้จะหนีไปได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางหนีไปได้ตลอด”
“ขอรับ”
ลั่วอิ่งไม่กล้ามองไปที่เซี่ยวอวี่เซวียน เพราะเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังอันรุนแรงของเซี่ยวอวี่เซวียน
กู้ชูหน่วนโบกมือ บอกให้ลั่วอิ่งถอยกลับไป
ส่วนนางเดินมาข้างเซี่ยวอวี่เซวียน
“เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้ายังไหวหรือไม่?”
ไม่ทันรอให้เซี่ยวอวี่เซวียนพูดอะไรออกมา กองทัพอี้ก็มาถึงแล้ว
ผู้อาวุโสอวี๋พูดด้วยความตกใจ “ฝ่าบาท ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้าน้อยขอถวายบังคมฝ่าบาท เมื่อสักครู่ไม่รู้ว่าคนที่หนีไปใช่คนของเผ่าเพลิงฟ้าหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนพยักหน้า “ใช่”
“หรือว่าแผ่นอักษรสีเหลืองจะปรากฏออกมาแล้ว?”
ใบหน้าของผู้อาวุโสอวี๋เผยให้เห็นความดีใจ แต่ทันใดนั้นก็ถูกดับฝันทันที
“ท่านผู้อาวุโส ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องแผ่นอักษรสีเหลือง คนของเผ่าเพลิงฟ้าต้องการสังหารเซี่ยวอวี่เซวียน ฝ่าบาทมาเห็นจึงเข้ามาช่วยพวกของเซี่ยวอวี่เซวียนได้ทันเวลา”
ผู้อาวุโสอวี๋หันไปมองซานจีที่ตายอย่างน่าอนาถ จากนั้นก็มองไปที่เซี่ยวอวี่เซวียนและกู้ชูหน่วนด้วยความเหลือเชื่อ
และคิดไม่ออกว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
“เผ่าเพลิงฟ้าต้องการสังหารเซี่ยวอวี่เซวียนอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ เผ่าเพลิงฟ้าตามล่าเซี่ยวอวี่เซวียนมาโดยตลอด ในตอนที่อยู่เขตหวงห้าม พวกเขาวางกับดักเพื่อสังหารเซี่ยวอวี่เซวียน เซี่ยวอวี่เซวียนเกือบจะกลายเป็นศพอยู่ในเขตหวงห้าม”
ผู้อาวุโสอวี๋พยักหน้า
เรื่องนี้พวกเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ้าง
เนื่องจากเป็นบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขา
ทัพอี้อย่างพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่ง
“ฝ่าบาท คนของเผ่าเพลิงฟ้ากล้าทำกับฝ่าบาทเช่นนี้ ฝ่าบาทได้โปรดลงโทษคนของเผ่าเพลิงฟ้าอย่างรุนแรง ลงโทษสถานหนักแก่พวกเขา”
“ฝ่าบาทได้โปรดลงโทษเผ่าเพลิงฟ้า และลงโทษเฟิงโห้ว”
เหล่าทหารของกองทัพอี้คุกเข่า เสียงดังสนั่น กึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
“เรื่องนี้ข้าจะเป็นคนตัดสินใจเอง หากพวกเจ้าไม่มีเรื่องอันใดแล้ว พวกเจ้าก็เชิญกลับไป”
“นี่……คือ หากฝ่าบาททรงมีรับสั่งแต่อย่างใด สามารถสั่งพวกข้าได้ทันที”
กองทัพอี้เดินทางมาอย่างทรงพลัง และจากไปอย่างทรงพลังเช่นกัน
ดูทิศทางที่พวกเขากำลังจากไป ดูเหมือนว่าจะเป็นทางเดียวกันกับคนของเผ่าเพลิงฟ้า
“เสี่ยวเซวียนเซวียน……”
กู้ชูหน่วนต้องการช่วยรักษาอาการเจ็บให้เขา แต่เซี่ยวอวี่เซวียนกลับหลีกเลี่ยงนางอย่างสุดกำลัง
แววตาของเขาเฉยเมย ท่าทางของเขานิ่งสงบ
กู้ชูหน่วนแข็งทื่อในทันใด
หายไปเพียงไม่กี่เดือน……เหตุใดเซี่ยวอวี่เซวียนถึงทำราวกับว่านางเป็นคนแปลกหน้า เหตุใดถึงได้เยือกเย็นเช่นนี้?
ถึงขั้นหลีกเลี่ยงไม่ให้นางสัมผัสเขา?
นางทำอะไรให้เขาไม่พอใจอย่างนั้นหรือ?
หรือว่า……
เขามีสาวสวยอยู่ข้างกายแล้ว และสำหรับนาง……
เมื่อนึกถึงฉากที่ปู่เฉินหลิงจากไปและทิ้งหลานสาวไว้เพียงลำพัง ดูเหมือนกู้ชูหน่วนก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา
แต่ก็ดูเหมือนนางจะไม่เข้าใจอะไรเลย
นางเคยจินตนาการถึงฉากมากมายหากพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง
แต่สิ่งเดียวที่นางไม่เคยนึกถึงก็คือ ฉากอันเยือกเย็นเช่นนี้
เห็นเซี่ยวอวี่เซวียนอุ้มร่างของซานจีขึ้นมา จากนั้นเดินไปยังกระท่อมมุ่งจากที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่
รองแม่ทัพตวาดลั่น “โอหัง เจ้ากล้าดูหมิ่นฝ่าบาทงั้นหรือ”
กู้ชูหน่วนมองไปยังเขา สายตาของนางเฉียบคมราวกับใบมีด “เจ้านั่นแหละที่โอหัง เขาเป็นเพื่อนของข้า พวกเจ้าถอนไป”
“ขอ……ขอรับ……”
รองแม่ทัพถอยกลับไปอย่างสั่นเทา
หน้ากระท่อมมุงจาก
เซี่ยวอวี่เซวียน หยางเหมย และเฉินหลิงร่วมกันขุดหลุมขนาดใหญ่เพื่อฝังศพของซานจี
สายฝนสาดซัดลงมาอย่างหนัก
ราวกับว่ามันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในหัวใจของพวกเขา
กู้ชูหน่วนและฝูกวงเองก็ยืนอยู่หน้ากระท่อม ปกป้องพวกเขาโดยไม่พูดอะไร
“อาจารย์ ขอให้ท่านจากไปอย่างสงบ ข้าจะดูแลศิษย์น้องหญิงเป็นอย่างดี ไม่มีทางปล่อยให้ศิษย์น้องหญิงลำบากเป็นอันขาด”
“เจ้าชื่อเซี่ยวอวี่เซวียนงั้นหรือ เจ้าจงจำเอาไว้ เจ้าติดหนี้ชีวิต หากเจ้าทำร้ายศิษย์น้องของข้า ข้าหยางเหมย ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะลากเจ้าลงไปในขุมนรกให้ได้”
“ศิษย์พี่ พี่หลานไม่ใช่คนเช่นนั้น เขาไม่มีทางทำร้ายข้า”
“เจ้า……เจ้าหลงใหลเขามากเกินไป เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร แต่ก็ยังกล้าช่วยเขา กล้าพาเขากลับมาบ้าน กล้าแม้กระทั่ง……แม้กระทั่งทำสัญญาผูกพันจิตวิญญาณกับเขา”
ยิ่งพูดหยางเหมยก็ยิ่งรู้สึกโกรธ เดินไปนั่งม้านั่งที่อยู่ไกล ๆ เพียงลำพังพร้อมกับน้ำตา
เฉินหลิงเห็นหยางเหมยจากไปด้วยน้ำตา นางอยากจะพูดแต่นางก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมา
สุดท้ายเซี่ยวอวี่เซวียนก็พูดออกมาว่า “ด้านนอกฝนตก เจ้าเองก็ได้รับบาดเจ็บ เข้าไปพักผ่อนด้านในกันก่อนเถิด”
“ได้……”
เฉินหลิงมองไปที่กู้ชูหน่วน เดินเข้าไปในห้องพร้อมกับดวงตาที่กลายเป็นสีแดง
ในตอนที่เดินผ่านนาง กลับได้ยินกู้ชูหน่วนกล่าวออกมาว่า “คนตายไม่อาจฟื้นกลับมาได้ ข้าต้องขอโทษด้วย”
เซี่ยวอวี่เซวียนพบกระท่อมที่มีหลังคาหลบฝน จึงหันไปเชิญกู้ชูหน่วนเข้ามา
มีโต๊ะหนึ่งตัวและเก้าอี้อีกสองสามตัวอยู่ใต้หลังคาหลบฝน
เซี่ยวอวี่เซวียนชงชาด้วยตนเอง จากนั้นก็ยื่นมาให้กู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนรับน้ำชาไว้ จิบเบา ๆ นำยาขวดหนึ่งออกมาจากอ้อมแขนและมอบมันให้กับเซี่ยวอวี่เซวียน
“แผลเก่ายังไม่ทันหาย เจ้าก็ได้แผลใหม่อีกแล้ว หากไม่รังเกียจ ใช้ยาขวดนี้ มันส่งผลดีกับบาดแผลของเจ้าเป็นอย่างมาก”
เซี่ยวอวี่เซวียนรับยาขวดนั้นมา เปิดมันและดมกลิ่น กลิ่นหอมของยาที่อบอวลอยู่รอบปลายจมูกของเขา ฟุ้งกระจายไปทั่วกระท่อม ทำให้ผู้คนที่สูดดมรู้สึกสดชื่น
แค่ได้กลิ่น อาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูขึ้นอย่างช้า ๆ
เขายิ้มออกมาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
“โอสถระดับหกเป็นสิ่งที่หายากยิ่งบนโลกใบนี้ เจ้ามอบให้ข้าสี่เม็ดภายในครั้งเดียว ฝ่าบาทช่างมีพระทัยมากยิ่งนัก”
คำว่า ฝ่าบาท ทำให้กู้ชูหน่วนรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่สนว่าข้าจะมีสถานะเป็นเช่นไร แต่ก็ยังเป็นน้องสาวของเจ้าตลอดไป”
“งั้นหรือ……”
“เสี่ยวเซวียนเซวียน หากเจ้าอยู่ที่แห่งนี้แล้วไม่มีความสุข เจ้าก็สามารถตามข้ากลับไปยังพระราชวังได้”
“ตามเจ้ากลับไปพระราชวังงั้นหรือ? ข้าจะไม่ถูกเหล่าเฟิงโห้วของเจ้าสังหารเอาหรือ?”
“มีข้าอยู่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าทั้งนั้น”
เซี่ยวอวี่เซวียนฟังอย่างเงียบ ๆ มองไปยังสายฝนที่โปรยปรายในภูเขาอันห่างไกล ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่ไม่อาจแก้ไขได้
กู้ชูหน่วนมองไปที่ฝูกวง
ไม่เจอกันเพียงไม่กี่เดือน เซี่ยวอวี่เซวียนผ่านอะไรมามากมายถึงเพียงนั้นเลยงั้นหรือ?
เพราะเหตุใด……
สายลับของนางไม่ได้รายงานกลับมาว่าเซี่ยวอวี่เซวียนอาศัยอยู่กับเฉินหลิงมาโดยตลอดงั้นหรือ พวกของเฉินหลิงเห็นเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัว ดูแลเขาเป็นอย่างดี
หรือว่า……
ฮวาอิ่งทำอะไรกับเซี่ยวอวี่เซวียนงั้นหรือ?
กู้ชูหน่วนยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกว่ามันยิ่งมีความเป็นไปได้
เขาอยู่ที่นั่นกับฮวาอิ่งเป็นเวลาหลายวัน
และวิธีการของฮวาอิ่งก็เป็นที่เกลียดชังของมนุษย์และเทพเจ้า
เมื่อนึกถึงความโหดร้ายที่ฮวาอิ่งทำกับลั่วอิ่ง กู้ชูหน่วนก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันใด
แม้แต่ความเกลียดชังก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความผิดปกติของนาง ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“นายท่าน ท่านเป็นอะไรไปงั้นหรือ?”
“ไม่มีอะไร”
กู้ชูหน่วนค่อย ๆ สงบลง จากนั้นกล่าวออกมาว่า “เสี่ยวเซวียนเซวียน เรื่องที่ผ่านมามันก็ผ่านไปแล้ว ข้าได้ล้างแค้นให้เจ้าแล้ว พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด เจ้าว่าอย่างไร?”
เซี่ยวอวี่เซวียนผงะ
นางกำลังพูดอะไร?
แก้แค้นให้เขา?
สังหารลั่วอิ่งงั้นหรือ?
ลั่วอิ่งกลายเป็นมือขวาของนางไม่ใช่หรือไง?