ตอนที่ 583 ทำได้ดี

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 583

ทำได้ดี

“ไป๋ฟาน หลินเฟยทำงานวันแรกเป็นอย่างไรบ้าง”หลังจากเข้าช่วงเย็น นายท่านชุนก็เข้ามาในร้านพลางเอ่ยถามเรื่องของหลินเฟยกับไป๋ฟานที่กำลังจะกลับบ้านพอดี

“จะว่าอย่างไรดีล่ะเจ้าคะ”ไป๋ฟานยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางมองไปทางหลินเฟยที่กำลังช่วยพนักงานอีกคนเก็บของภายในร้านให้เรียบร้อย

“ทำไมหรือ หลินเฟยทำงานได้ไม่ดีหรืออย่างไร”นายท่านชุนถามด้วยท่าทีเป็นห่วง ยังไงวันนี้ก็เป็นวันแรกของหลินเฟย ทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรก็พอเข้าใจได้อยู่หรอก

“เปล่าเจ้าค่ะ น้องหลินเฟยทำงานได้ดีมากเลยเจ้าค่ะ บอกตามตรงข้านึกว่ามันทำงานที่นี่มาหลายปีแล้วเสียด้วยซ้ำ”ไป๋ฟานตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมาราวกับนางไม่ทราบจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นว่าอย่างไรดี หลินเฟยเข้ามาทำงานก็สามารถขายของได้ทันทีราวกับพนักงานประจำไม่มีผิด ไม่ว่าลูกค้าจะมาถามหาอะไรหลินเฟยก็สามารถนำของชิ้นนั้นมาให้ลูกค้าได้ในทันทีราวกับจำทุกอย่างในร้านได้หมดแล้วเสียอย่างนั้น แม้แต่ลูกค้าที่เข้ามาถามหาของที่อยู่บนชั้น 2 และ 3 หลินเฟยก็ยังสามารถบอกได้ทันทีแทบไม่ต่างจากไป๋ฟานที่ทำงานอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วเลย

“จะว่าไปตอนเดินทางเจ้าหนูหลินเฟยนั่นก็ขายของเก่งด้วยสิ คิดถูกจริงๆที่พาเจ้าหนูนั่นมาทำงานด้วย”นายท่านชุนว่าพลางยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ความจริงแล้วร้านค้าแบบนี้หาพนักงานมาทำงานได้ยากมาก เพราะนอกจากจะต้องจำของวิเศษภายในร้านให้ได้แล้ว ของยังมีการเปลี่ยนไปมาอยู่ตลอด เพราะของบางชิ้นก็พึ่งได้รับมา บางชิ้นก็หาไม่ได้อีกแล้ว ทำให้กว่าจะหาพนักงานแต่ละชั้นมาทำงานได้ก็ใช้เวลานานทีเดียว

“มีอะไรกันหรือขอรับนายท่าน พี่ไป๋ฟาน”หลินเฟยที่เก็บร้านเสร็จแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องของพนักงาน บังเอิญได้ยินทั้งสองพูดชื่อตนพอดีจึงเข้าไปถามด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น

“ปะ เปล่าหรอก ข้าแค่กำลังจะมาหาเจ้าพอดีเท่านั้นเอง”นายท่านชุนว่าพลางถอยออกมาจากไป๋ฟาน

“มีอะไรหรือขอรับนายท่าน”หลินเฟยถามพลางเดินเข้าไปหานายท่านด้วยตนเอง

“ข้าจะมาถามว่าเจ้ามีที่พักในเมืองหลวงหรือเปล่า พอลงรถม้าข้าก็ให้เจ้ามาทำงานเลยเจ้าน่าจะยังไม่ได้ไปหาที่พักเสียด้วย”นายท่านชุนถามด้วยท่าทีเป็นห่วง หากออกไปหาที่พักตอนเย็นแบบนี้กลัวว่าจะหาไม่ทันเสียแล้ว ตัวมันก็พึ่งนึกขึ้นได้นับว่าสะเพร่าจริงๆ

“ยังเลยขอรับ แต่นายท่านไม่ต้องห่วงหรอกขอรับ แค่หาร่มไม้สักที่ข้าก็นอนได้แล้วขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มรับด้วยท่าทีสบายๆ จริงๆแล้วหลินเฟยไม่จำเป็นต้องนอนก็ได้เพราะถึงอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ แต่หากตอบแบบนั้นคนอื่นก็ต้องรู้แน่ๆว่าตนปกปิดพลังเอาไว้

“ไม่ต้องหรอก ขืนปล่อยเจ้าไปนอนข้างทางข้าจะยังมีหน้าเป็นเจ้านายได้อีกหรือไง มาสิที่บ้านของข้ามีห้องสำหรับคนงานอยู่ เจ้ามาพักได้เลย”นายท่านชุนว่าพลางพาหลินเฟยเดินออกมาจากทางหลังร้านซึ่งเป็นส่วนของตัวบ้านตระกูลชุนนั่นเอง

อย่างที่ชุนเจ๋อบอก ที่บ้านของชุนเจ๋อนั้นมีส่วนที่พักของคนงานให้พักจริงๆ เพราะในบ้านของชุนเจ๋อเองก็มีบ่าวรับใช้และคนงานอีกจำนวนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ภายในเขตอาศัย รวมทั้งพนักงานในร้านบางคนก็อาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน เพียงแต่ส่วนอาศัยของพนักงานนั้นดูเหมือนจะใกล้บ้านหลักมากจนแทบจะเป็นบ้านหลังเดียวกัน ดูแล้วใกล้ชิดเจ้านายมากเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ…

“ขอบพระคุณขอรับนายท่าน ได้ที่พักแบบนี้ข้าเองก็สบายขึ้นมาก”หลินเฟยตอบพลางเดินตามนายท่านเข้าไปในสวนของบ้านตระกูลชุน ความจริงระหว่างเดินทางหลินเฟยก็ทราบอยู่แล้วว่าชุนเจ๋อคนนี้นิสัยดี แต่ไม่นึกว่าจะใจดีกับลูกจ้างเช่นนี้

“ฮ้าๆ ไม่ต้องขอบใจหรอก แค่เจ้าขยันทำงานก็พอแล้ว”ชุนเจ๋อว่าพลางพาหลินเฟยเข้าไปอยู่ในห้องพักของพนักงาน ในบ้านของชุนเจ๋อมีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณคุ้มกันอยู่ถึง 4 คน ไม่แปลกที่ชุนเจ๋อจะไม่กลัวที่ให้หลินเฟยเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยเพราะมันเข้าใจว่าหลินเฟยเป็นคนธรรมดานั่นเอง

.

.

“ยินดีต้อนรับขอรับ ไม่ทราบว่าคุณหนูต้องการสินค้าแบบไหนหรือขอรับ” เพราะชุนเจ๋อทำดีกับหลินเฟย ตัวหลินเฟยจึงยินดีที่จะทำอย่างเต็มที่เช่นกัน ทำให้วันต่อมาหลินเฟยรีบตื่นเช้ามาช่วยไป๋ฟานจัดร้านและอยู่ต้อนรับลูกค้าอย่างกระตือรือร้นทันที

“อะ เอ่อ…ข้ามาตามหาของชิ้นหนึ่งเจ้าค่ะ”เด็กสาวที่เดินเข้ามาในร้านนั้นถึงกับตะลึงเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามปานหญิงสาวเข้ามาต้อนรับ แถมด้วยชุดเครื่องแบบของร้านยิ่งทำให้หลินเฟยยามนี้ดูสง่าผ่าเผยจนนางเคลิ้มเลยจนลืมของที่จะมาตามหาเลยทีเดียว

“ไม่ทราบของที่คุณหนูต้องการคืออะไรหรือขอรับ หากไม่ทราบชื่อคุณหนูสามารถบอกลักษณะของชิ้นนั้นให้ข้าน้อยก็ได้นะขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยน คำเรียกคุณหนูๆของหลินเฟยนั้นทำเอาเด็กสาวที่เข้าร้านมาแทบจะละลายอยู่กับพื้นเสียให้ได้

“ขะ ข้ามาตามหายาเจ้าค่ะ เป็นยารักษาอาการปวดเจ้าค่ะ”หญิงสาวตอบด้วยใบหน้าแดงน้อยๆ สมแล้วที่เป็นหลินเฟยที่ตกสาวน้อยสาวใหญ่มาทั้งอาณาจักร แค้พูดจาต้อนรับไม่เท่าไหร่ก็ทำเอาเด็กสาวไร้เดียงสาตรงหน้าเขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว

“ไม่ทราบว่าอาการปวดนั้นเกิดจากอะไรหรือขอรับ ข้าจะแนะนำยาที่เหมาะสมให้”หลินเฟยตอบพลางพาเด็กสาวไปนั่งที่เก้าอี้ต้อนรับ แม้จะกำลังถามหายาแต่นางก็ยังมองหลินเฟยไม่ละสายตาเลย

“ท่านพ่อของข้าเป็นโรคปวดขามานานมากแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นโรคอะไร แต่ทุกครั้งที่ปวดก็จะทรมานมากจนเดินไม่ไหวเจ้าค่ะ”เด็กสาวตอบพลางแสดงสีหน้ากังวลออกมา

“ไม่ทราบว่าเวลาที่ไม่ได้ปวดบิดาของท่านสามารถเดินเหินได้ปกติหรือไม่ขอรับ”หลินเฟยถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสนใจ อาการปวดไม่ทราบสาเหตุเช่นนี้หมอส่วนมากจะให้ยาแก้ปวดมากินประทังไปก่อน ท่าทางนางคงมาหายาที่ให้ผลในการแก้ปวดไปให้บิดาแน่ๆ แถมยังจะคาดหวังกับยาที่ทำจากสมุนไพรหายากอีกด้วย

“ได้เจ้าค่ะ เวลาไม่ปวดท่านพ่อไม่มีอาการอะไรเลย”เด็กสาวตอบด้วยท่าทีกังวล โรคประหลาดนี้น่ากลัวมากเป็นๆหายๆน่าสับสน ทำเอาทั้งครอบครัวกังวลกันถ้วนหน้าเลยทีเดียว

“เช่นนั้นข้าแนะนำให้กินยาเม็ดนี้ขอรับ ยาเม็ดนี้มีส่วนผสมของสมุนไพรหายากที่ชื่อว่ารากขาว นอกจากจะช่วยแก้ปวดแล้วยังไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วย”หลินเฟยตอบพลางเดินไปหยิบขวดยามาให้เด็กสาวตรวจสอบดู จริงๆแล้วสมุนไพรตัวนี้ไม่ได้หายากอะไร ผลของมันก็พอๆกับยาแก้ปวดทั่วไป แต่ถึงจะให้กินยาพิเศษพิสดารอะไรก็คงรักษาโรคที่ว่าไม่ได้จนกว่า….

“แล้วก็…คุณหนูช่วยบอกคนครัวในบ้านของท่านด้วยนะขอรับ ว่าห้ามบิดาของท่านกินอาหารจากสัตว์จำพวกไก่หรือนกเด็ดขาด ข้ารับรองเลยว่าอาการของท่านจะดีขึ้นแน่นอน”หลินเฟยตอบพลางยิ้มด้วยท่าทีใจดี

“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ข้าจะลองทำดู”เด็กสาวตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้น เห็นหลินเฟยมั่นใจเช่นนั้นนางก็มีความหวังจะให้ท่านพ่อของนางหายจากโรคนี้ได้เสียที

“ไม่เลวเลย”หลังจากส่งคุณหนูท่านนั้นออกจากร้านไปชุนเจ๋อก็เดินเข้ามาหาหลินเฟยจากหลังร้าน ก่อนจะยิ้มด้วยท่าทีพึงพอใจ

“ความจริงข้าควรขายยาแก้ปวดราคาแพงให้นางมากกว่า ข้าทำเช่นนี้ท่านไม่ชอบหรือไม่ขอรับ”หลินเฟยถามพลางมองไปทางชุนเจ๋อด้วยท่าทีสงสัย นางดูเป็นเด็กไร้เดียงสา แถมยังแต่งกายด้วยเสื้อผ้าดูดีมากเสียด้วย นางไม่ทราบว่าต้องใช้ยาอะไร หากหลินเฟยเสนอยาที่ขายอยู่บนชั้น 2 หรือ 3 นางก็คงยินดีจ่ายทันทีเป็นแน่

“ไม่หรอก เจ้าทำดีแล้ว นางเป็นบุตรสาวของขุนนางท่านหนึ่ง หากเจ้าช่วยรักษาท่านได้วันหน้าจะมีผลดีกับร้านเรามากกว่า”ชุนเจ๋อตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทียินดี

“แต่อย่างน้อยเจ้าก็ช่วยขายอันที่มันแพงกว่านี้หน่อยก็ได้ ขุนนางท่านนั้นรวยจะตายท่านไม่ว่าอะไรหรอก”ชุนเจ๋อว่าพลางหัวเราะออกมาด้วยท่าทีล้อเล่น

“เช่นนั้นคราวหน้าข้าจะแนะนำยาคลายกังวลที่ขายอยู่บนชั้น 2 ก็แล้วกันนะขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ อย่างน้อยชุนเจ๋อก็ไม่โลภมากอะไร นับว่าน่าคบหาไม่น้อย แต่หากไม่โลภเลยก็คงสร้างร้านใหญ่โตแบบนี้ไม่ได้หรอก

“ท่าทางเจ้าจะจำของในรายการได้หมดแล้วสินะ แถมยังรู้สรรพคุณของยาดีด้วย”ชุนเจ๋อพูดพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีสนใจ วันนี้มันแอบมามองหลินเฟยตั้งแต่เช้าแล้ว พบว่าหลินเฟยต้อนรับลูกค้าได้ดีเยี่ยมทุกครั้ง แถมลูกค้าผู้หญิงยังมีท่าทีราวกับจะละลายแทบทุกคน นอกจากนี้ยังมีลูกค้าผู้ชายเคลิ้มไปกับหลินเฟยอีกหลายคนเสียด้วย เรียกได้ว่าการบริการของหลินเฟยนั้นดีไม่มีที่ติ แถมความทรงจำยังดี เข้าใจสินค้าราวกับศึกษามาทั้งชีวิต มันสามารถอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจและเลือกซื้อของที่ต้องการได้อย่างดีเลย แถมพวกผู้ชายที่เคลิ้มกับความงามของมันยังโดนชักจูงให้ซื้อของที่ราคาแพงกว่าอีกด้วย ความสามารถนี้เกรงว่าจะน่าเสียดายเกินไปที่จะให้ทำงานเป็นผู้ช่วยของไป๋ฟาน

“หลินเฟย เจ้ารู้หรือเปล่าว่าสิ่งนี้คืออะไร”ชุนเจ๋อถามพลางนำของชิ้นหนึ่งออกมาจากแหวนมิติของตนเอง

“ผลึกทรายหรือขอรับ”หลินเฟยตอบพลางใช้ดวงตาสีทองตรวจสอบของในมือของชุนเจ๋อ ผลึกทรายชิ้นนี้เป็นสมบัติที่หาได้จากภายในเขตอสูรทะเลทราย นับเป็นของที่เข้าท่าเข้าทางที่สุดเท่าที่หลินเฟยได้เห็นในร้านนี้เลยก็ว่าได้

“เจ้ามีความรู้สูงมากทีเดียว เจ้าไปเอาความรู้แบบนี้มาจากไหน”ชุนเจ๋อถามด้วยท่าทีสงสัย เด็กจากครอบครัวจนๆไม่น่าจะมีความรู้ด้านของวิเศษมากมายเช่นนี้

“เรียนนายท่าน เกรงว่าเรื่องครอบครัวของข้าหลี่หลินจะเข้าใจผิดไปเอง ข้าไม่ทราบเช่นกันว่าพี่หลี่หลินเล่าเรื่องของครอบครัวข้าให้ท่านฟังเช่นไร แต่ความจริงแล้วครอบครัวข้านั้นนับว่าเป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงมากครอบครัวหนึ่ง สมบัติเหล่านี้ต่างเป็นสิ่งที่เคยผ่านตาข้ามาแล้วขอรับ”หลินเฟยตอบออกไปตามความจริง ตัวมันไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรชุนเจ๋อแต่แรกแล้ว แถมชุนเจ๋อยังใจดีกับมันไม่น้อยนับว่าครั้งนี้เป็นการแก้ไขความเข้าใจผิดก่อนเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยนี่จะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ในภายหลัง

“เป็นเช่นนี้นี่เอง แล้วที่บอกว่าเจ้าออกมาหาเงินล่ะ”ชุนเจ๋อถามด้วยท่าทีสงสัย หากเรื่องที่หลี่หลินเล่าไม่เป็นจริง แล้วเรื่องจริงคืออะไรกัน

“ข้า….ออกมาเพื่อพิสูจน์ตนเองขอรับ ข้าอยากจะใช้ชีวิตด้วยตนเองไม่ใช้เงินของตระกูล”ตรงนี้หลินเฟยตัดสินใจโกหกออกไป หากบอกว่าตนเองถูกขับไล่ออกจากตระกูลละก็ชุนเจ๋ออาจจะข้องใจเอาไว้

“อืม….เรื่องเข้าใจผิดนั้นช่างเถอะ แต่เจ้ามีความสามารถเช่นนี้ข้าคงต้องใช้งานเจ้าให้คุ้มหน่อยแล้ว”ชุนเจ๋อว่าพลางยิ้มออกมาบางๆ

“ไป๋ฟาน วันนี้เจ้ารับลูกค้าคนเดียวไปก่อน ส่วนหลินเฟยเจ้าตามข้ามา ข้าจะดูว่าความสามารถของเจ้าเหมาะจะทำงานชั้นไหน”ชุนเจ๋อว่าพลางพาหลินเฟยขึ้นไปยังร้านชั้นบน ยิ่งอยู่ชั้นสูงเท่าไหร่ก็ต้องมีความรู้มากเท่านั้นเพราะของที่ซื้อขายกันในชั้นบนนั้นมีแต่ของล้ำค่ามากกว่าชั้นแรกหลายเท่านัก