ตอนที่ 584 รู้งาน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 584

รู้งาน

“นายท่าน เรียกข้ามามีอะไรหรือขอรับ”หลังจากพาตัวหลินเฟยขึ้นมายังชั้น 7 ของร้านตระกูลชุน ชุนเจ๋อก็เรียกตัวลูกน้องของตนที่ทำงานอยู่บนชั้น 4 5 และ 6 ขึ้นมาพบด้วยเช่นกัน

“ข้าอยากให้พวกเจ้าทดสอบพ่อหนุ่มคนนี้หน่อย ข้าอยากรู้ว่ามันพอจะมีความสามารถขนาดไหน”ได้ยินชุนเจ๋อพูดเหล่าพนักงานบนชั้น 4 5 และ 6 ก็มองหลินเฟยด้วยท่าทีสนใจทันที ตอนนี้หลินเฟยสวมชุดเครื่องแบบของทางร้าน นั่นเท่ากับว่าหลินเฟยเป็นพนักงานคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย และการเรียกพวกตนมาทดสอบนั้นก็หมายความว่าหลินเฟยมีทักษะพอที่จะขึ้นมาทำงานบนชั้นที่สูงขึ้นนั่นเอง

“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นน้องชายข้าขอเริ่มก่อนเป็นคนแรก”หญิงสาวพนักงานชั้น 4 พูดพลางชูนิ้วที่มีแหวนมิติสวมอยู่ขึ้นมา

“เช่นนั้นเจ้าช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าของทั้งหมดที่ข้านำออกมาคืออะไร”หญิงสาวถามพลางนำสินค้าที่มีขายบนชั้น 4 ออกมาวางให้หลินเฟยดู คนที่จะขึ้นมาทำงานบนชั้น 4 ได้จะต้องมีความรู้มากกว่าคนที่ทำงานบนชั้น 2 และ 3 เสียอีก แม้จะไม่มีรายการสินค้าให้ก็ต้องรู้จักสินค้าพวกนี้เป็นอย่างดี

“ได้ขอรับ”หลินเฟยตอบพลางเริ่มไล่ตอบเรียกไปแต่ละชิ้นว่าของที่หญิงสาวพนักงานชั้นที่ 4 นำออกมานั้นคืออะไรบ้าง นอกจากชื่อแล้วหลินเฟยยังสามารถบอกคุณสมบัติของแต่ละชิ้นได้ราวกับศึกษามาอย่างดีอีกต่างหาก เรียกได้ว่าแค่ฟังหลินเฟยตอบก็ทำให้คนฟังเข้าใจวัตถุดิบเหล่านี้ได้แล้ว

“งั้นต่อไปก็ข้าสินะ…..”พนักงานที่ชั้น 5 เห็นหลินเฟยอธิบายอย่างแตกฉานเช่นนี้ก็ขัดหลินเฟยที่กำลังจะอธิบายวัตถุดิบชิ้นต่อไปทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้อธิบายครบทุกชิ้นหรอก เท่านี้ก็รู้แล้วว่าหลินเฟยมีความสามารถมากแค่ไหน

“พ่อหนุ่ม หากข้าต้องการแร่ไปสร้างอาวุธ เจ้าจะแนะนำว่าอย่างไร”ชายวัยกลางคนที่ผมเริ่มหงอกขาวแล้วถามด้วยท่าทีจริงจัง นอกจากจะรู้จักวัตถุดิบแล้ว พนักงานชั้นดีต้องสามารถตอบความต้องการของลูกค้าได้ ต่อให้ลูกค้าไม่รู้ว่าตนอยากได้อะไรพวกตนก็ต้องเข้าใจและนำสิ่งที่ลูกค้าจำเป็นต้องใช้ออกมาให้ได้

“ไม่ทราบว่าท่านต้องการสร้างอาวุธธาตุอะไรและระดับใดขอรับ”หลินเฟยถามพลางเลิกคิ้วสงสัย การสร้างอาวุธนั้นออกจะกว้างเกินไป อย่างน้อยก็ต้องมีรายละเอียดบ้าง

“หึหึ เอาเป็นธาตุไฟก็แล้วกัน”ชายวัยกลางคนตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ

“เช่นนั้น…..”หลินเฟยหันไปมองทางด้านนายท่านชุนเจ๋อครู่หนึ่ง มันไม่ทราบว่าภายในร้านมีหินแร่ธาตุไฟระดับใดบ้าง เพราะข้อมูลที่หลินเฟยมีนั้นคือของที่ขายในชั้น 1 ถึง 3 เท่านั้น ส่วนของในชั้น 4 ก็มีแค่ของที่พนักงานสาวคนเมื่อครู่เอาออกมาเรียงให้ดู เพียงแต่….

“หากท่านอยากสร้างอาวุธธาตุไฟละก็ ข้าขอแนะนำหินเขี้ยวมังกรขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเป็นมิตร แม้จะไม่ทราบว่าชั้นบนมีอะไรขายบ้าง แต่ด้านหลังของชุนเจ๋อนั้นมีหินธาตุไฟชิ้นหนึ่งวางอยู่ และสถานที่ที่พวกมันอยู่นั้นก็คือชั้นที่ 7 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด อย่างน้อยสินค้าที่วางเอาไว้บนนี้ก็น่าจะเป็นของขายละนะ

“อืม ช่างสังเกตดี ไม่เลวๆ”ชายวัยกลางคนว่าพลางพยักหน้าด้วยท่าทีพึงพอใจ ความจริงที่ถามออกไปแบบนั้นก็เพื่ออยากรู้ว่าหลินเฟยจะรู้จักนำของที่มีมาขายหรือเปล่า หากเสนอขายหินแร่ธาตุไฟจากชั้น 1 – 3 คงได้คะแนนไม่ดีนัก แต่สิ่งที่ชายวัยกลางคนคาดหวังก็คือให้หลินเฟยเลือกเสนอหินธาตุไฟที่วางอยู่ตรงหน้าพนักงานชั้น 4 นั่นเอง ไม่นึกเลยว่าหลินเฟยจะเลือกเสนอขายหินธาตุไฟที่วางขายอยู่บนชั้น 7 ด้านหลังแทน นับว่าไม่เลวเลย

“งั้นต่อไปเป็นข้าสินะ”หญิงสาวท่าทางมีอายุนิดหน่อยพูดพลางนำหิน 3 ชิ้นออกมาวางตรงหน้าหลินเฟย

“เจ้าหนู หินหมอกม่วงทั้งสามนี่ชิ้นไหนมีค่ามากที่สุด”ที่หนักงานชั้น 6 เลือกถามเช่นนั้นก็เพราะท่าทางความรู้ความเข้าใจของหลินเฟยจะมีติดตัวมามากพอแล้ว ที่เหลือก็คือการจำแนกสินค้าที่เห็นอยู่ตรงหน้า เพราะนอกจากขายแล้วร้านตระกูลชุนยังรับซื้อสินค้าหายากอีกด้วย หากพนักงานไม่มีความสามารถพอจะประเมินก็คงทำงานรับซื้อด้วยไม่ได้

“ชิ้นแรกนับว่าดีที่สุดขอรับ”หลินเฟยตอบพลางชี้ไปที่ก้อนที่ใหญ่ที่สุด

“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ ขนาดงั้นหรือ”หญิงสาวถามพลางจ้องมองหลินเฟยนิ่ง

“ถูกต้องขอรับ หินหมองม่วงทั้งสามชิ้นนี้ไร้ตำหนิโดยสิ้นเชิงขอรับ แต่ละชิ้นไม่มีรอยแตกแถมเนื้อผลึกยังสีสันสดใสทั้ง 3 ก้อน ข้าจึงคิดว่าแต่เดิมทั้ง 3 ก้อนน่าจะเป็นชิ้นเดียวกันมาก่อนคุณค่าของทั้ง 3 จึงเท่ากันขอรับ เพราะฉะนั้นชิ้นที่ใหญ่ที่สุดจึงมีราคามากที่สุดขอรับ”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีสบายๆ แต่ถึงอย่างนั้นการทดสอบของทั้ง 3 ก็ยังไม่จบลงง่ายๆ หลังจากนั้นพวกพนักงานชั้น 4 5 และ 6 ก็ถามคำถามหลินเฟยอีกหลายรอบ และคำตอบที่ได้รับกลับมาก็ฉะฉานเข้าใจง่ายเช่นเดิมราวกับกำลังรับเชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้พวกตนไม่มีผิด

“ยอดเยี่ยมมาก ข้าคิดจะให้หลินเฟยผู้นี้มาเป็นพนักงานที่ชั้น 7 พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร”ชุนเจ๋อถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ บอกตามตรงว่าความสามารถของหลินเฟยนั้นเหนือกว่าที่ตนคิดเอาไว้เสียอีก แบบนี้ตำแหน่งหนักงานชั้น 7 ที่ว่างมานานก็ได้คนมาทำเสียที

“วันนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆเจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าน้องหลินเฟยต้องสามารถทำงานบนชั้น 7 ได้โดยไม่ทำให้นายท่านอับอายเป็นแน่”พนักงานสาวชั้น 4 ตอบพลางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“คนหนุ่มฝีมือดีเช่นนี้น่ายกย่องจริงๆ หลินเฟยเอาไว้ข้าจะมาขอคำชี้แนะจากเจ้าบ้างนะ”ชายวัยกลางคนเจ้าของตำแหน่งพนักงานชั้น 5 ยิ้มออกมาด้วยท่าทียินดีเช่นกัน ช่วงหลังตนเองเอาคำถามที่แม้แต่ตนเองยังไม่ทราบออกมาถามหลินเฟย ทำให้มันได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจมากทีเดียว

“ข้าเองก็เห็นด้วยเจ้าค่ะ นอกจากจะมีความรู้กว้างขวางแล้ว น้องหลินเฟยยังมีทักษะการพูดที่ยอดเยี่ยมน่าฟังจริงๆ คิดว่าคงสามารถต้อนรับแขกที่จะมายังชั้น 7 ได้อย่างดีแน่ๆ”หญิงสาวของชั้น 6 ตอบด้วยท่าทีเห็นด้วย การตอบคำถามของหลินเฟยตลอดหลายชั่วโมงที่ทำการทดสอบมานั้นทำให้ทั้งสามคนยอมรับจนหมดใจเลยทีเดียว

“เช่นนั้นหลินเฟย เจ้าจะช่วยมาเป็นพนักงานบนชั้น 7 ให้ข้าได้หรือไม่”ชุนเจ๋อถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีคาดหวัง

“เอ่อ…นายท่านไม่ทราบว่าพนักงานชั้น 7 ได้เงินเดือนเท่าไหร่หรือขอรับ”หลินเฟยยิ้มบางๆพลางเสนอถามเรื่องเงินเดือนเสียอย่างนั้น ทำเอาชุนเจ๋ออดไม่ได้ที่หัวเราะออกมา

“แน่นอนงานยากเช่นนี้ค่าตอบแทนก็ต้องสูง พนักงานที่ชั้น 7 นี้ได้เงินเดือนครั้งละ 5 เหรียญทองเลยทีเดียว”ชุนเจ๋อตอบออกไปด้วยท่าทีมั่นใจ แม้เงิน 5 เหรียญทองจะสูงกว่าคนทำเหมืองในไชน์ไม่มาก แต่อย่าลืมว่านี่คือเงิน 5 เหรียญทองในอาณาจักรซานเชียวนะ ที่นี่ค่าที่พักไม่ถึง 1 เหรียญเงินเสียด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าจำนวนเงินขนาดนี้ทำให้ใช้ชีวิตในอาณาจักรซานได้อย่างสุขสบายเลยทีเดียว

“เช่นนั้นข้าน้อยก็ต้องขอรับโอกาสดีๆแบบนี้เอาไว้ขอรับ”หลินเฟยตอบพลางก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการน้อมรับงานที่ชุนเจ๋อมอบให้ เพียงแต่ชุนเจ๋อนั้นกลับมองว่านี้ไม่ใช่โอกาสที่ตนมอบให้ แต่เพราะหลินเฟยมีความสามารถต่างหากไม่อย่างนั้นใครจะจ้างมาเป็นพนักงานขายของวิเศษกัน

“ขอโทษด้วยที่ลากเจ้าอยู่จนดึงแบบนี้”ชุนเจ๋อพูดพลางเดินออกมาจากหลังร้านร่วมกันกับหลินเฟย

“ไม่หรอกขอรับ ถึงอย่างไรที่พักที่ท่านให้ข้าพักก็อยู่หลังร้านนี่เอง”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทียินดี เพราะพนักงานทั้ง 3 คนยิ่งถามก็ยิ่งได้ความรู้พวกมันเลยแย่งกันถามจนเวลาลากยาวมาถึงช่วงหัวค่ำจนได้

“ท่านพ่อ ทำไมวันนี้เลิกงานดึงจังเลยเจ้าคะ”ขณะเดินกลับไปยังที่พักร่วมกับชุนเจ๋อ อยู่ๆตรงหน้าหลินเฟยและชุนเจ๋อก็มีร่างของชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา ท่าทางจะเป็นบุตรชายและบุตรสาวของชุนเจ๋อเป็นแน่

“อ้อ พอดีพ่อกำลังทดสอบพนักงานใหม่อยู่พอดี ชุนชิง ชุนถัง คนผู้นี้คือหลินเฟยจะมาทำงานเป็นพนักงานขายบนชั้น 7 ของร้านเราหลังจากนี้”ชุนเจ๋อเดินเข้าไปหาบุตรทั้งสองก่อนจะแนะนำตัวหลินเฟยให้พวกมันรู้จัก

“หลินเฟย ทั้งสองคนนี้คือบุตรของข้า น้องสาวชื่อชุนชิง ส่วนพี่ชายชื่อชุนถัง”ชุนเจ๋อแนะนำหลินเฟยเสร็จก็หันมาแนะนำบุตรทั้งสองให้หลินเฟยรู้จักบ้าง

“สวัสดีเจ้าค่ะ พี่สาวท่านได้ทำงานที่ชั้น 7 เลยงั้นหรือ ท่านต้องเก่งมากแน่ๆท่านพ่อถึงได้ยอมให้ท่านทำที่ชั้น 7 แบบนี้”ชุนชิงว่าพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีตื่นเต้น พวกนางบุตรของชุนเจ๋อเข้าใจดีว่างานพนักงานขายของร้านตนเองนั้นยากแค่ไหน แม้แต่บุตรสาวบุตรชายของเจ้าของร้านอย่างพวกตนยังไม่มีความสามารถพอจะขายของบนชั้น 7 เลย หลายปีมานี้ชุนเจ๋อต้องขึ้นไปทำหน้าที่บนชั้น 7 ด้วยตนเองตลอด การได้เห็นคนที่ชุนเจ๋อไว้ใจให้ทำงานบนชั้น 7 นั้นนับว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างมากสำหรับทั้งสอง

“ขอบพระคุณคุณหนูที่ชื่นชม ข้าน้อยเชื่อว่านายท่านมีสายตาที่เฉียบแหลมมากขอรับ ท่านไว้ใจให้ข้าทำงานสำคัญเช่นนี้ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังเลย”หลินเฟยตอบพลางยิ้มด้วยท่าทีอ่อนโยน ด้วยใบหน้างดงามของมันนั้นทำให้ทั้งชุนชิงและชุนถังอดไม่ได้ที่จะมองตาค้าง

“น่าอิจฉาจังเลย พี่สาวท่านทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้ช่างเป็นหญิงที่น่านับถือจริงๆ”ชุนชิงว่าพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีชื่นชม

“คุณหนู จริงๆแล้วข้าเป็นบุรุษขอรับ”หลินเฟยแก้ข่าวพลางยิ้มบางๆออกมา

“เอ๊ะ ไม่จริงท่านเป็นผู้ชายได้อย่างไร ท่านงดงามเช่นนี้ต้องเป็นผู้…..”

“น้องชิง เจ้าเห็นน้องชายท่านนี้เป็นสตรีได้อย่างไร น้องชายท่านนี้สมชายหาผู้ใดเปรียบจะต้องเป็นชายชาตรีอย่างไม่ต้องสงสัย”ตรงกันข้าม ชุนถังกลับมั่นใจเสียเต็มที่ว่าหลินเฟยเป็นผู้ชาย ทำเอาหลินเฟยเองยังประหลาดใจไม่น้อยเลยที่มีคนมองออกรวดเร็วเช่นนี้ นับว่านายน้อยชุนท่านนี้สายตาดีไม่เลวเลย

.

.

“ท่านพี่ ตกลงแล้วหลินเฟยเป็นผู้ชายจริงๆงั้นหรือ”หลังจากพูดคุยกันจนมาถึงตัวบ้านตระกูลชุน หลินเฟยก็ต้องแยกออกไปยังส่วนที่พักของพนักงานคนเดียว จนกระทั่งหลินเฟยเดินจากไปจนพ้นสายตาชุนชิงก็หันมาถามพี่ชายของตนด้วยความสงสัยทันที

“ก็ต้องไม่จริงอยู่แล้วสิ นางงดงามเช่นนั้นจะเป็นชายได้อย่างไร เกรงว่านางจะมีปัญหาบางอย่างจึงต้องปิดบังเพศสภาพของตนเองเอาไว้”ชุนถังตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเชื่อมั่น เห็นหลินเฟยพยายามบอกน้องสาวตนเองว่าเป็นชายชุนถังก็เข้าใจว่าหลินเฟยพยายามปกปิดเป็นความลับตนเองเลยช่วยพูดให้หลินเฟยสบายใจ แต่ในใจก็เชื่อว่าหลินเฟยต้องเป็นหญิงสาวอย่างแน่นอน

“งั้นหรือ ที่แท้นางก็ปิดบังตัวตนเอาไว้นี่เอง ท่านพี่เราควรบอกให้นางพูดความจริงดีหรือไม่”ชุนชิงถามด้วยท่าทีสงสัย การทำงานที่นี่ไม่เกี่ยวกับเพศถึงหลินเฟยจะเป็นหญิงก็ยังทำงานได้เหมือนเดิม ตรงกันข้ามยิ่งเป็นหญิงสิยิ่งดีเพราะลูกค้ามีฐานะส่วนใหญ่เป็นผู้ชายเสียด้วย

“ไม่หรอก หากนางไว้ใจพวกเรานางจะบอกพวกเราเอง ตอนนี้ปล่อยให้นางทำตามใจเถอะ”ชุนถังตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีใจดี หารู้ไม่เลยว่าหลินเฟยไม่ได้ปิดบังอะไรทั้งนั้น