ตอนที่ 384 แม่เฒ่าซู / ตอนที่ 385 การอบรม

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 384 แม่เฒ่าซู

 

 

วันต่อมา ตั้งแต่เช้าตรู่ถังเฉียนก็ตื่นเพราะเสียงอึกทึก นางร้องเรียกหรูอวี้โดยไม่ต้องคิด แต่ร้องเรียกหลายครั้งแล้วก็ยังไม่มีเสียงขานรับ

 

 

ถังเฉียนเดินเท้าเปล่าออกมานอกตำหนัก เห็นแม่เฒ่าใบหน้าเ**่ยวย่นคนหนึ่งกำลังสั่งงานผู้คนในตำหนัก เอาข้าวของที่ฉู่จิ่งเหยาพระราชทานให้ทั้งหมดใส่ลงใน**บใหญ่ใบหนึ่ง

 

 

แม่เฒ่าเห็นนางออกมา มือที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับแตะอยู่ที่อก ส่งเสียงติงตังไปมา พอเห็นนางจึงย่อตัวคารวะ

 

 

ถังเฉียนขมวดคิ้ว แล้วถาม

 

 

“หรูอวี้ล่ะ”

 

 

แม่เฒ่าไม่รีบร้อน ตีสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วพูดว่า

 

 

“เรียนพระสนม หรูอวี้ถูกอันกุ้ยเฟยขอตัวไป บ่าวชื่อป้าซูเป็นคนที่อันไท่เฟยส่งมาทำหน้าที่แทนหรูอวี้ คอยอบรมแบบแผนให้พระสนมเจ้าค่ะ”

 

 

ถังเฉียนมองสำรวจรอบตำหนัก ไม่เห็นแม้แต่เงาของหรูอวี้ จึงพูดว่า

 

 

“เจ้ากลับไปแจ้งต่ออันไท่เฟย ทางข้าไม่ใช้คนใหม่ บอกกุ้ยเฟยให้คืนหรูอวี้ให้ข้าและไม่ต้องการให้เจ้ามารับใช้”

 

 

แม่เฒ่าซูยิ้มแล้วว่า “พระสนม ท่านคงไม่เข้าใจที่บ่าวพูด บ่าวไม่ได้มารับใช้ท่าน แต่เป็นแม่เฒ่าที่คอยมาอบรมท่าน”

 

 

แม่เฒ่าซูมองสำรวจถังเฉียนตั้งแต่ศีรษะจดเท้าด้วยสายตาหยิ่งยโส รอยยิ้มแฝงด้วยความดูแคลน

 

 

“พระสนม ท่านควรจะค่อยๆ รับรู้ถึงความตั้งใจดีขององค์ไท่เฟย ควรจะรู้ว่าแบบแผนเป็นหน้าตาของราชตระกูล ถ้าหากให้คนนอกรู้ว่าพระสนมถังเฟยถึงกับวิ่งเท้าเปล่าไปทั่วตำหนัก ไม่รู้ว่าราชตระกูลจะดูถูกเพียงใด”

 

 

แม่เฒ่าซูตบมือ นางกำนัลที่ไม่รู้จักโผล่ออกมาสี่นางแม่เฒ่าซูชี้ไปที่พวกนางแล้วพูดว่า

 

 

“พวกนางเป็นสาวใช้ที่บ่าวพามาด้วย ทำงานคล่องแคล่ว คนเก่าที่นี่ทำงานไม่ได้เรื่อง อันไท่เฟยสั่งให้เปลี่ยนแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

นางกำนัลทั้งสี่นางทยอยกันก้มหน้าลง แล้วพูดว่า

 

 

“บ่าวชื่อ…”

 

 

“ฉินเอ๋อร์”

 

 

“เหยียนเอ๋อร์”

 

 

“เจิ้นเอ๋อร์”

 

 

“สิ๋งเอ๋อร์”

 

 

แม่เฒ่าซูบอกว่า

 

 

“อันไท่เฟยตั้งชื่อพวกนาง เป็นการเตือนพระสนมว่าจะพูดจะจาต้องระมัดระวัง หวังว่าในการอบรมพระสนมจะจดจำข้อนี้ไว้เจ้าค่ะ”

 

 

นางจึงรู้ตัวแล้วว่านางเพียงนอนหลับไปตื่นหนึ่งเท่านั้น คนในตำหนักก็ถูกเปลี่ยนแล้ว

 

 

แม่เฒ่าซูพูดอีกว่า

 

 

“คำนึงว่าพระสนมทำผิดครั้งแรก เพียงใช้ไม้เรียวเฆี่ยนหลังสิบที เพื่อจะได้จำใส่ใจ”

 

 

นางพูดจบ นางกำนัลทั้งสี่นางก็ตรงเข้ามาจับตัวถังเฉียนไว้ แม่เฒ่าซูเห็นถังเฉียนดิ้นรน จึงพูดว่า

 

 

“พระสนม ทางที่ดีขอให้ยอมทำตามแบบแผนเถอะ ยังต้องควบคุมแมลงตัวนั้นให้ดี อย่างไรเสียหรูอวี้กับคนอื่นก็อยู่ทางอันกุ้ยเฟยนะเจ้าค่ะ”

 

 

นี่เป็นการข่มขู่อย่างชัดเจน นางเหลือบมองแม่เฒ่าซูแล้วหันหลัง ก้มตัวเกาะเก้าอี้ไว้ ดึงเสื้อออกสองข้าง เผยให้เห็นแผ่นหลังที่ขาวดุจหยก

 

 

“ท่านป้า เริ่มเลยหรือไม่เจ้าคะ” เหยียนเอ๋อถาม

 

 

แม่เฒ่าซูสะดุ้งเฮือก นางจึงตื่นจากเมื่อครู่ที่มองเห็นแววตานั้น ดวงตาถังเฉียนดำสนิท ลึกล้ำสุดหยั่งดำมืดไร้ความรู้สึกใดๆ ราวกับ ราวกับมองดูคนที่กำลังจะตาย

 

 

แม่เฒ่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สลัดทิ้งความรู้สึกประหลาดนี้ออกไปจากสมอง แล้วบอกว่า

 

 

“ลงมือได้”

 

 

“เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!”

 

 

เสียงไม้เรียวตีใส่แผ่นหลังดังขึ้น แผ่นหลังค่อยๆ มีรอยสีแดงเป็นเส้นขึ้นอย่างช้าๆ รอยพาดทับกันไปมา

 

 

การเฆี่ยนสิบทีนี้หนักไม่น้อย นางกำนัลในวังลงโทษอย่างชำนาญ ภายนอกเพียงแต่บวมแดง แต่ผิวหนังภายในจะเสียหายอย่างรุนแรง หากใช้ยาไม่ถูกต้องก็ จะเน่าเปื่อยจากภายใน เกรงว่าภายหลังแม้แผลจะหายแล้วก็จะมีแผลเป็นหลงเหลืออยู่

 

 

 

 

ตอนที่ 385 การอบรม

 

 

เสี่ยวจินดิ้นอยู่ในชายแขนเสื้อจะออกมา ถังเฉียนกุมชายแขนเสื้อไว้แน่น ปล่อยให้มันส่งเสียงหึ่งๆ อยู่ในนั้น

 

 

เหงื่อนางเปียกจอนผมสองข้างแก้ม แล้วหยดผ่านขากรรไกรล่าง ทำให้มุมปากที่ขาวซีดเปียกชื้น

 

 

แต่ไม่มีเสียง นอกจากเสียงไม้เรียวฟาดใส่หลังและเสียงนางกำนัลนับแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก

 

 

“หึ นิสัยแข็งกร้าวนัก แต่พระสนมควรจะรู้ว่า ในวังหลวงแห่งนี้ ที่ควรเป็นไม่ใช่ความแข็งกร้าว แต่ต้องรู้จักยืดหยุ่นตามสถานการณ์ จึงจะเอาตัวรอดได้”

 

 

“แต่พระสนมไม่ต้องวิตกหรอก บ่าวย่อมต้องอบรมพระสนม เอาละ ตีครบแล้ว พวกเจ้าพยุงพระสนมไปพักผ่อนเถอะ!”

 

 

ใบหน้าถังเฉียนขาวซีด นางถูกพยุงขึ้นมา แล้วหันมามองแม่เฒ่าซูฝืนฉีกยิ้มออกมา

 

 

“ป้าวางใจเถอะ คำสอนของป้า ข้าจะจำใส่ใจไม่มีวันลืม”

 

 

แม่เฒ่าซูพยักหน้าแล้วโบกมือ ให้นางกำนัลทั้งสี่พยุงถังเฉียนกลับไป แผ่นหลังของถังเฉียนถูกนางกำนัลนางหนึ่งจงใจใช้มือแตะไว้ ทุกย่างก้าวจะถูกเสียดสีจนเจ็บแสบราวกับถูกไฟลวก

 

 

นางกัดฟันแน่น ได้ยินแม่เฒ่าซูพูดอย่างเนิบนาบอยู่ข้างหลังว่า

 

 

“พระสนม ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ จะเริ่มการอบรมแบบแผนแล้ว หวังว่าพระสนมจะเตรียมพร้อมนะเจ้าคะ”

 

 

วันนี้เป็นวันที่ทุกข์ทรมานมากวันหนึ่ง ฝึกเดินเอาแจกันไว้บนหัวแล้วใส่เม็ดทรายไว้ในรองเท้า ต้องเดินอย่างสง่างามและแผ่วเบา

 

 

นี่เพิ่งวันแรก กลางคืนเมื่อยืดเท้าออกไป กลางฝ่าเท้าถูกขัดสีจนหนังลอกออกมาชั้นหนึ่ง ถูกบ่าวกดลงในอ่างน้ำร้อน เจ็บแปลบเข้าถึงหัวใจ

 

 

แม่เฒ่าซูอยู่ข้างๆ พูดว่า

 

 

“พระสนม ทนทุกข์แสนทุกข์ จึงจะอยู่เหนือคน ในเมื่อท่านเข้าวังมาแล้ว อย่างน้อยก็ต้องทำให้ตัวเองคู่ควรกับตำแหน่ง ท่านว่าจริงหรือไม่”

 

 

ถังเฉียนยิ้มแล้วว่า

 

 

“ท่านป้าพูดมีเหตุผล ก่อนนี้ข้าประพฤติตัวไม่เหมาะสม อาศัยใบบุญของท่านป้า คราวหน้าฝ่าพระบาทเสด็จมา คงไม่เกิดความผิดพลาดอีก”

 

 

สีหน้าแม่เฒ่าซูเปลี่ยนไป ยิ้มแล้วพูดว่า

 

 

“พระสนม ไม่ควรพูดอะไรมั่นใจเต็มที่อย่างนั้น ถ้าวันหน้าเกิดฝ่าพระบาทไม่เสด็จมาอีก ใครได้ยินเข้าจะกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะ”

 

 

คำพูดนางทิ่มแทงหัวใจอย่างยิ่ง หลังจากที่อันกุ้ยเฟยเข้าวังมา ฝ่าพระบาทไม่เสด็จไปที่อื่นอีกแล้ว นางเป็นที่โปรดปรานยิ่งกว่านางครั้งนั้น

 

 

ริมฝีปากถังเฉียนสั่นเล็กน้อย ใช้มือคลำสะเปะสะปะในชายแขนเสื้อสองสามที จนคลำเจอร่างเล็กๆ ที่คุ้นเคย ความรู้สึกเจ็บปวดในใจจึงทุเลาลงบ้าง

 

 

นางพูดตอบเบาๆว่า

 

 

“ท่านป้าอบรมได้ถูกต้อง”

 

 

หลังจากแม่เฒ่าซูออกไปแล้ว ถังเฉียนนอนลงบนเตียง จี้หยกสลักลวดลายที่หัวเตียงถูกเก็บลงไปใน**บไม้ใหญ่ใบนั้น แม้แต่ผ้าห่มแพรลายปักก็ถูกเปลี่ยนเป็นผ้าเนื้อหยาบสีทึมๆ แล้ว

 

 

พูดได้น่าฟังจริงนะ ยังบอกว่าเป็นการฝึกฝนจิตใจ

 

 

สำหรับของที่ดีหน่อยล้วนไปอยู่ที่ห้องเจ้านายที่ฝึกฝนจิตใจนั่นแล้ว

 

 

นางร้องเรียกแม่เฒ่าซูลังเลครู่หนึ่ง ท่าทางเหมือนขอร้อง แล้วถามว่า

 

 

“ท่านป้า ข้ากลัวว่าหรูอวี้กับพวกจะโง่เขลา รับใช้อันไท่ไฟยได้ไม่ดี หวังว่าท่านป้าจะช่วยพูดให้บ้าง”

 

 

พูดจบก็ถอดกำไลหยกเฝ่ยชุ่ยออกจากข้อมือ ยัดใส่มือแม่เฒ่าซู

 

 

“พระสนม ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ? จะตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ คนที่ออกไปจากตำหนักท่าน ย่อมต้องดูว่าเจ้านายอย่างท่านเป็นอย่างไร บ่าวจะพูดอะไรได้!”

 

 

แม่เฒ่าซูพูดพลางถือกำไลหยกเฝ่ยชุ่ยไว้ในมือ แล้วยกชายแขนเสื้อคลุมไว้

 

 

“พระสนม ท่านก็อย่าคิดอะไรแผลงๆ อย่างนี้เลย ควรจะตั้งใจศึกษาแบบแผนให้ดีเถอะ”

 

 

ถังเฉียนก้มหน้าลง แล้วเหลือบตาขึ้นมองอย่างรวดเร็ว มองดูที่ข้อมือแม่เฒ่าซูแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า

 

 

“ทำตามที่ท่านป้าอบรม”