ตอนที่ 382 ที่โปรดปรานคนใหม่ / ตอนที่ 383 แสดงอำนาจ

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 382 ที่โปรดปรานคนใหม่

 

 

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความสวยงามเป็นเสมือนความฝัน

 

 

เมื่อข่าวที่บุตรีของมหาเสนาบดีซูเข้าวังได้รับการแต่งตั้งเป็นอันกุ้ยเฟยมาถึงหูถังเฉียน ในที่สุดนางก็แน่ใจว่าตนเองแค่กำลังฝัน

 

 

เดิมนางก็ไม่ควรเพ้อฝันอะไร ในฐานะฮ่องเต้ ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่จะทรงมีสามวังหกตำหนักพร้อมกับสนมเจ็ดสิบสองนาง นี่เป็นเรื่องปกติ

 

 

เพียงแต่นางไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นทำได้อย่างไร เมื่อวานยังกอดนางด้วยความรักใคร่ทะนุถนอม วันนี้กลับรับหญิงอีกนางหนึ่งเข้าวังอย่างหน้าตาเฉย

 

 

ถ้าไม่มีความคาดหวังก็จะไม่ผิดหวัง ถึงจะรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจมากเพียงไรล้วนเป็นเรื่องที่สมน้ำหน้าสำหรับนาง จะผิดก็ผิดตรงที่นางโง่เขลาเกินไป ไร้เดียงสาเกินไป

 

 

ถังเฉียนสังเกตเห็นสายตาที่กังวลของหรูอวี้ นางยิ้ม พยายามทำให้ตัวเองดูเหมือนที่แล้วมา แล้วพูดช้าๆ ว่า

 

 

“หรูอวี้ ตามธรรมเนียมแล้วเราควรไปเยี่ยมคารวะอันกุ้ยเฟย”

 

 

เมื่อถังเฉียนเขามาในตำหนักใหญ่ ก็เห็นอันกุ้ยเฟยคนใหม่กำลังพูดคุยยิ้มแย้มอยู่กับอันไท่เฟย นางตรงเข้ามาค้อมคารวะ แล้วเอาของขวัญที่หรูอวี้ยกมามอบให้

 

 

พระนางทั้งสองทางซ้ายและขวาดูเหมือนจะไม่เห็นถังเฉียน นางยังคงอยู่ในท่าย่อเข่าคารวะ หรูอวี้มองดูของขวัญที่ไม่มีคนยื่นมือมารับ แล้วถอนหายใจเบาๆ

 

 

“หม่อมฉันถวายบังคมอันไท่เฟยอันกุ้ยเฟยอันไท่เฟยอันกุ้ยเฟยมีบุญวาสนาเพคะ”

 

 

นางย่อตัวลงอีกครั้ง เสียงดังขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดก็ทำให้หญิงทั้งสองหยุดการสนทนาได้

 

 

อันไท่เฟยมีผ้าแพรคลุมหน้า นางเลิกคิ้วขึ้น เหลือบมองถังเฉียนยิ้มเยาะแล้วพูด

 

 

“นี่ไม่ใช่เฉียนเฟยหรอกหรือ อะไรทำให้เจ้ามาถึงที่นี่ ถึงมีเวลาว่างมาตำหนักแห่งนี้ได้”

 

 

ถังเฉียนก้มหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า “อันกุ้ยเฟยเพิ่งเข้าวังมา ตามธรรมเนียมแล้วควรมาเยี่ยมคารวะสักครั้ง”

 

 

นางชะงักเล็กน้อย แล้วพูดว่า “อันกุ้ยเฟย ข้ารู้ว่าท่านดูแคลนของขวัญที่ข้านำมามอบให้ แต่บ่าวของข้ายื่นให้นานแล้ว วางลงได้หรือยัง”

 

 

นางพูดอย่างลดตัวเต็มที่แล้ว แต่อันกุ้ยเฟยกลับไม่ให้เกียรตินาง นางไม่มองถังเฉียน แต่หันหน้ามามองอันไท่เฟยแล้วพูดว่า

 

 

“ท่านพี่ นี่เป็นนางปีศาจนั่นใช่หรือไม่ นางจะปล่อยแมลงมากัดข้าหรือไม่”

 

 

อันไท่เฟยนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วใช้มือคลำผ้าคลุมหน้าอย่างไม่รู้ตัว ถังเฉียนเห็นแววอำมหิตในดวงตานางอย่างชัดเจน

 

 

“เรื่องนี้ข้าไม่รู้ แต่น้องหญิง ไม่ว่าเรื่องอะไรต้องระวังตัวไว้ ผู้หญิงเช่นนี้ ระวังตัวไว้ย่อมจะดีกว่า”

 

 

อันกุ้ยเฟยที่เพิ่งเขาวังมาเป็นหญิงงามอย่างแท้จริง กำลังอยู่ในวัยสะพรั่ง ทั้งยังเติบโตในครอบครัวขุนนางใหญ่ ความสาวบนร่างนางกำลังเปล่งปลั่ง ทั้งตัวงามหยาดเยิ้มราวกับพรมด้วยน้ำค้าง ดูสวยโดดเด่น

 

 

นางยังดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา มองไม่เห็นความอาฆาตที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มที่น่าชมอย่างอันไท่เฟย แต่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานหรอก นางก็จะถูกวังหลวงที่เป็นเหมือนอ่างย้อมใบใหญ่ทำให้เป็นเหมือนกัน

 

 

ต่อให้หิมะขาวในวสันต์ฤดูจะขาวบริสุทธิ์เพียงใด ก็ยังเปลี่ยนเป็นหินปูนสีขาวซีดที่มุมกำแพง

 

 

ในที่สุดอันกุ้ยเฟยก็กวักมือเรียก ให้นางกำนัลข้างตัวรับของจากมือหรูอวี้ถังเฉียนเองก็สามารถยืนตัวตรงขึ้นได้แล้ว

 

 

ถังเฉียนคิดว่าในที่สุดนางเองก็เปลี่ยนไป เมื่อนางเห็นใบหน้าที่สวยผุดผาดของอันกุ้ยเฟย ในใจอดรู้สึกริษยาไม่ได้ แม้จะเป็นเพียงแวบเดียวก็ตาม

 

 

สำหรับหรูอวี้นั้น นางทำได้เพียงพูดว่าเสียใจ นางเลือกเจ้านายผิด ที่ตนเองทำได้ก็เพียงเท่านี้

 

 

 

 

ตอนที่ 383 แสดงอำนาจ

 

 

ถังเฉียนอยู่ที่นี่เกือบหนึ่งชั่วยาม นางยืนตลอดเวลา ฟังพระนางทั้งสองซึ่งนั่งในตำแหน่งที่สูงพูดจาเยาะเย้ยถากถางนาง

 

 

กระทั่งอันไท่เฟยรู้สึกว่าแสดงอำนาจข่มนางพอแล้ว จึงโบกมือให้นางกลับไปได้

 

 

ตอนที่นางมาท้องฟ้ายังสว่างจ้า พอกลับไปก็พลบค่ำเสียแล้ว ลมอ่อนๆ พัดโชยมา พัดเข้าไปถึงในหัวใจนาง จนรู้สึกเย็นยะเยียบ

 

 

ความพลิกผันมาถึงเร็วมาก เวลากินข้าวไม่มีคนของครัวหลวงมายืนรอหน้าตำหนักแล้ว หรูอวี้ทำอาหารให้นางด้วยตัวเอง ถ้าไม่ขาดข้าวสารก็จะขาดน้ำมัน

 

 

ถังเฉียนยืนพิงหน้าต่าง ได้ยินสาวใช้ข้างนอกพูดซุบซิบกัน

 

 

“นี่ เจ้ารู้จักนางปีศาจนั่นหรือไม่ ก่อนนี้ไม่รู้ว่านางให้ฝ่าพระบาทเสวยยาหลอนประสาทอะไร แต่เดี๋ยวนี้ก็ถูกสลัดทิ้งไว้ในมุมที่เปล่าเปลี่ยวแล้ว”

 

 

“ใช้เวทย์มนตร์เพื่อชิงพระทัยของฝ่าพระบาทจะอยู่ได้นานแค่ไหนกันเชียว ดูสิ หลายวันก่อนฝ่าพระบาทยังทรงโปรดปรานนาง เดี่ยวนี้ทรงรับคนใหม่ไว้แล้ว พอเข้าวังมาก็เป็นกุ้ยเฟยเลย นางใช้เวทย์มนตร์ยังเป็นได้เพียงพระสนมธรรมดาเท่านั้น”

 

 

นางห้ามหรูอวี้ซึ่งโกรธจัดจะออกไปขับไล่นางกำนัลเหล่านั้น แล้วยืนตะลึงงันอยู่นาน

 

 

เป็นฉากที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี นางเพิ่งฟื้นขึ้นก็เป็นอย่างนี้แล้ว แต่เวลานั้นความทรงจำว่างเปล่า หัวใจไม่รู้สึกรู้สา

 

 

หรูอวี้ยืนอยู่ข้างๆ พูดเบาๆ ว่า

 

 

“พระสนม วันนี้อากาศไม่เลว ไปนั่งชิงช้าเล่นกันเถอะเพคะ”

 

 

เมื่อถังเฉียนมาถึงที่ตั้งชิงช้า เหมือนสงสัยว่าตัวเองเดินหลงทาง เสาชิงช้าถูกรื้อถอนกระจุยกระจาย เบาะนั่งถูกดึงทิ้งลงบนพื้น ถูกย่ำจนเปื้อนดินโคลน

 

 

ตอนที่นางมาถึง ยังมีนางกำนัลสองนางใช้เท้าเตะไปมา

 

 

หรูอวี้ปรี่เข้าไป ผลักนางกำนัลสองคนนั้นออกไป แล้วตะคอกใส่

 

 

“ทำอะไร ใครให้พวกเจ้าทำเช่นนี้ ข้าขอบอกให้รู้ ใครทำพัง คนนั้นต้องซ่อมให้กลับคืนสภาพเดิมอย่างสมบูรณ์!”

 

 

สองนางกำนัลถูกผลักจนคนหนึ่งซวนเซไป คนที่ใบหน้ารูปไข่ยืนเท้าสะเอวแล้วปรี่เข้ามา ข่วนใบหน้าหรูอวี้ด้วยเล็บที่ทั้งคมและยาว

 

 

“เชอะ ยังนึกว่าจะสามารถอวดเก่งเหมือนเดิมได้หรือ ฝ่าพระบาทไม่ได้เสด็จมานานแล้วใช่หรือไม่ ขอบอกให้รู้ ข้าทำตามคำสั่งขององค์ไท่เฟย มาทำลายข้าวของของนางปีศาจล่อลวงคน ว่าไง แน่จริงก็ไปโต้แย้งกับองค์ไท่เฟยสิ”

 

 

หรูอวี้โมโหสุดขีด ในดวงตามีเปลวไฟลุกโชน แล้วโผเข้าใส่นางกำนัลที่ใส่เสือสีเหลืองอมเขียวตรงเข้ามาดึงตัวนางไว้ คนที่หน้ารูปไข่ร้ายกาจกว่า เงื้อมือหมายจะตบหรูอวี้ นางถูกสองคนนี้ประกบหน้าหลัง ขยับตัวไม่ได้

 

 

แต่ในชั่วพริบตานั้น ถังเฉียนตั้งสติได้ แต่หรูอวี้ถูกตบหน้าแล้ว นางคิดเรื่องอื่นไม่ทัน จึงรีบร้องเรียก “เสี่ยวจิน”

 

 

แมลงสีทองบินฉวัดเฉวียนออกมาจากชายแขนเสื้อถังเฉียน มันบินวนกลางอากาศช้าๆ สองรอบ จากนั้นจึงหันหัวไปที่นางกำนัลทั้งสองคน ลอยนิ่งอยู่ ท่าทางน่าเกรงขาม

 

 

สองนางกำนัลสีหน้าตื่นกลัว คลายมือออกแทบจะทันที แล้วพากันถอยกรูด

 

 

น้ำเสียงถังเฉียนดังขึ้นอย่างเย็นชา

 

 

“เสี่ยวจินอารมณ์ไม่ดี ถ้าเห็นใครขัดตาจะกัดแน่ แม้ข้าเองก็ห้ามไม่อยู่”

 

 

นางเพิ่งพูดจบ สองนางกำนัลก็ถอยหลังไปหลายก้าวแล้ว จากนั้นคนที่หน้ารูปไข่ยังไม่ยอมรามือ เหยียบเบาะรองอีกสองสามที ถลึงตาใส่หรูอวี้ร้องด่าไม่หยุดแล้วผละไป

 

 

หรูอวี้ยืนมองชิงช้าที่ถูกทำลาย แล้วร้องเรียกพระสนมด้วยความเศร้าใจ

 

 

ถังเฉียนนิ่งเงียบครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “กลับกันเถอะ!”