บทที่ 494 บอกตามตรง ผมรู้สึกขอบคุณเธอมาก

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ซาฮาร่าเหวี่ยงส้นสูงของเธอเข้าไปในห้อง แล้วเดินออกไป ชฎารัตน์ก็เดินตามไปด้วย

เรนนี่เป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในห้อง เธอสามารถได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง มันเงียบเกินไปแล้ว

ข่าวดังพลิกฟ้าสะเทือนดินขนาดนี้ จะมีใครไม่เห็นอีก?

แน่นอนว่าหัสดินได้เห็นข่าวแล้ว รัดเกล้าก็เห็นข่าวเช่นกัน นอกจากนี้ ยู่ยี่เองก็เห็นข่าวแล้วเช่นกัน

นาโนซื้อหนังสือพิมพ์มาวิเคราะห์ที่บ้าน บอกตามตรง เธอรู้สึกว่าหน้าอกหญิงแพศยาคนนั้นจะใหญ่เกินไปแล้ว เพียงแค่เห็นก็รู้ถึงความใหญ่ หัสดินเองก็ไม่กลัวจะเสียมือ

ออกัสและเชอร์รีนก็นั่งดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นเช่นกัน

เหตุการณ์นี้ เรียกได้ว่าดังอื้อฉาวไปทั้งเมือง ทุกคนต่างก็รับรู้ สามารถพูดได้ว่า เมืองS ไม่ได้คึกคักอย่างนี้มานานแล้ว!

ถ้าเรนนี่กล้าที่จะออกมาในขณะนี้ มันก็เทียบเท่ากับออกมาให้คนรังเกียจ ทุกคนเหยียดหยาม

หน้าบริษัทของหัสดินนั้นเต็มไปด้วยนักข่าวแล้ว บริษัทถูกห้อมล้อมอย่างหนาแน่น ทุกคนต่างรอแย่งกันสัมภาษณ์เป็นคนแรก

สีหน้าของเขาไม่ดีนัก เขายืนอยู่ในห้องทำงานชั้นบนสุด ถือแก้วน้ำอยู่ในมือ คิ้วขมวดแน่น วันนี้ทั้งวัน เขาไม่แม้แต่จะออกจากประตูห้องทำงาน

ทุกคนในบริษัทแทบจะรู้เรื่องกันหมดแล้ว ถึงแม้จะเป็นเวลาทำงาน พวกเขาก็แอบกระซิบกระซาบคุยกัน ทั้งที่ห้องพักดื่มชากาแฟ และห้องน้ำ

รัดเกล้าถูกพ่อของเขาตีจนเลือดเกือบไหลออกจากหน้าผาก ในขณะที่เขากำลังหารือถึงการให้ความร่วมมือที่สำคัญอยู่ เขาไม่คิดจะทำให้เรื่องออกมาเป็นเช่นนี้!

เรื่องของตัวเองก็เช็ดล้างกันเอง!

รัดเกล้าไม่ได้วิตกกังวลมากนัก ทั้งยังไม่ตื่นตระหนกมากมายอะไร ไม่เร่งรีบไม่หุนหัน ทำความสะอาดก็ทำความสะอาด มีอะไรที่พิเศษกัน

พ่อของรัดเกล้าให้เขาแก้ปัญหานี้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่จะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายๆ

ลองคิดดูสิ ฐานะของตระกูลภูษาธรในเมืองS นั้นสูงกว่า ตระกูลกนกเตรัตน์ อีก แต่ในขณะนี้ลูกชายคนเดียวของพวกเขากลับไปยุ่งกับภรรยาของน้องเขยตัวเอง ซึ่งก็คือสะใภ้ของประธานที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในตอนนี้ของตระกูลภูษาธร หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการจัดการที่ดี ต้องทำให้หัสดินไม่พอใจเป็นแน่

ถึงเวลานั้นเกิดหัสดินโกรธและโมโหขึ้นมา ตระกูลกนกเตรัตน์จะอยู่รอดใน เมืองSเหรอ?

ดังนั้นพูดได้ว่า การจัดการตามคุณพ่อของรัดเกล้า กล่าวนั้นจึงไม่ง่ายเลย รัดเกล้าอย่างไรเสียก็เป็นผู้ใหญ่อายุ 30 กว่าแล้ว ย่อมรู้จักแบ่งผลดีและผลเสียไว้อย่างชัดเจน ถ้าหากเขาเลือกที่จะโกรธคนไม่เลือกหน้า ความรับผิดชอบทั้งหมดจะถูกผลักไปที่เรนนี่ และบอกว่าตัวเขาถูกเธอล่อลวงก็ย่อมได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเป็นการสวมเขาให้หัสดินอย่างแน่นอน

ถึงตระกูลภูษาธรจะเป็นใคร และมีฐานะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่าก็ไม่อาจทนให้คนนอกพูดถึงเรื่องแย่ๆ ของตระกูลภูษาธรแม้แต่ครึ่งคำ เมื่อถึงตอนนั้นสัญญาบริษัทก็จะล้มเหลว การแต่งงานของตัวเขาจะสิ้นสุดลง ทั้งยังไม่ถูกพ่อตบจนตาย เขายังคงรอดรอรับตำแหน่งประธานของกนกเตรัตน์กรุ๊ป

ดังนั้นตอนนี้เขาต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยและสวยงาม ก็นับว่าโชคดีที่เขาได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วเล็กน้อย นี่แสดงให้เห็นว่าเขามีวิสัยทัศน์กว้างไกล…

ยู่ยี่กำลังดื่มนมและพลิกอ่านหนังสือพิมพ์ เรนนี่ได้ตกล่องปล้องชิ้นกับพี่เขยของหัสดินแล้วจริงๆ เหรอ?

ฉันทัชเดินเข้ามา นัยน์ตาลุ่มลึกกวาดมองดูหนังสือพิมพ์อย่างเรียบเฉย นิ้วเรียวยาวหยิบหนังสือพิมพ์ออกจากมือของเธอ “ภาพนี้ดูแล้วไม่ดีและไม่เหมาะสมสำหรับเด็กทารกในครรภ์”

ยู่ยี่ยักไหล่ หรี่ตามองเขา “ถ้างั้นคุณจะดูเอง? คิดว่าผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างไม่เลวเลยใช่ไม่ใช่?”

เสียงหัวเราะเบาๆ ทุ้มต่ำดังออกมาจากคอของเขา เขาวางหนังสือพิมพ์ไว้ข้างๆ สีหน้าดูมีความสุขแล้วส่ายศีรษะ “เปล่า”

ยู่ยี่จ้องฉันทัชแบบนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ พลางพูดว่า “หืม คุณอย่าขยับนะ มองเข้าไปในดวงตาของฉันอย่างตั้งใจ หนังสือบอกว่า สายตาจะหลอกคนไม่ได้”

รอยยิ้มค่อยๆ เพิ่มขึ้น ตัวเขาที่แต่เดิมนั่งเอนอยู่ข้างๆก็นั่งตัวตรง ตาของเขาจับจ้องไปที่เธออย่างแน่วแน่ เขาเอ่ยถามเธออย่างนุ่มนวลและสงบ “คุณคิดว่านั่งท่านี้สังเกตได้ไหม? หรืออยากจะให้นั่งตัวตรงกว่านี้สักหน่อย หรือคุณอยากให้นั่งท่าอื่น ไม่เป็นไรบอกผมได้หมด ผมสามารถร่วมมือกับคุณได้……”

ยู่ยี่”…”

“อย่ามาทำหน้าทะเล้นอย่างนั้นนะ จริงจังหน่อย” เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็กลั้นไว้

เมื่อไหร่กันที่ผู้ชายที่มั่นคงและรู้จักควบคุมตัวเองให้เหมาะสมเช่นนี้ได้ยินคนอื่นพูดว่าเขาทำหน้าทะเล้น?

เพื่อให้การสาธิตของเขาดูจริงจังจริงๆ ฉันทัชจีงกระแอมเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาหายไป “คุณคิดว่าจริงจังระดับนี้เป็นยังไง?อยากเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงกว่านี้ไหม?”

ยู่ยี่”…”

ในขณะนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมารับ เป็นนาโนที่โทรมา

เพิ่งจะได้รับโทรศัพท์ประโยคแรกของปลายสายก็พูดว่า เธอเห็นข่าวของหญิงแพศยาคนนั้นหรือยัง?

ยู่ยี่กล่าวขณะที่นวดหน้าผากของเธอ เห็นแล้ว

จากนั้น นาโนก็ซักถามว่า งั้นในใจเธอรู้สึกยังไง? ตื่นเต้น? ดีใจ?

หลังจากคิดอยู่สักพัก ยู่ยี่กล่าวว่า ฉันคิดว่าเธอดูจะตื่นเต้นยิ่งกว่า

“เพ้อเจ้อ ฉันก็แค่รอวันนี้มานานเกินไป พอเห็นหน้าตาไร้ยางอายนั้นทำหน้าอวดดี ฉันก็อยากจะน้ำร้อนสักแก้วสาดใส่หน้าเธอจริงๆ แล้วก็ถือโอกาสสาดใส่หน้าอกเธอด้วย ให้เห็นนมปลอมของเธอคู่นั้นมันมาสะบัดตรงหน้าฉัน ถ้าจะให้ดีก็สะบัดซิลิโคนข้างในออกมาด้วยเลย” นาโนเปิดปากทำเสียงแตกดังโป๊ะๆ

ระยะห่างจากฉันทัชนั้นค่อนข้างใกล้ ดังนั้นคำพูดที่ยอดเยี่ยมเหล่านั้นของนาโนจึงเข้าหูเขาไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว

“ไม่ว่าจะพูดยังไง คราวนี้ก็ถือว่าทำให้ทุกคนพอใจจริงๆ หัวของหัสดินครั้งนี้คงเต็มไปด้วยเขาควาย จริงสิ เธออยากให้ฉันโทรหาเขาเพื่อแสดงความยินดีอีกครั้งไหม”

นาโนพูดอย่างจริงจัง สิ่งที่เธอพูดก็ไม่มีมโนธรรมแม้แต่น้อย มีแต่ความสุขบนความทุกข์ผู้อื่นเท่านั้น

ยู่ยี่ไม่ได้โต้ตอบมากนัก “ตามใจแล้วกัน”

“แล้วเธอคิดว่าถ้าฉันโทรหาสาวน้อยแพศยานั่นไปอีก เธอจะเป็นยังไง”

“…”

เมื่อวางสาย ยู่ยี่ก็เห็นว่าฉันทัชยังคงจ้องมองเธออยู่ เขากะพริบตาปริบๆ “รู้สึกว่าว่าผู้หญิงนั้นเยอะสิ่งและชอบหาเรื่องใส่ตัวใช่ไหม?”

เขาส่ายศีรษะ

“อืม งั้นพวกเรามาคุยกันดีกว่า คุณคิดยังไงกับเรนนี่”

เขาเงยหน้าขึ้น ตาสองชั้นของเขาพับขึ้นเล็กน้อยอย่างพอเหมาะพอดี และพูดอย่างนุ่มนวลและจริงจังว่า “ผมรู้สึกขอบคุณเธอมาก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ยู่ยี่ก็ขมวดคิ้ว งงงันอยู่กับที่ รู้สึกขอบคุณ? รู้สึกขอบคุณเรนนี่?

“ถ้าไม่มีเธอ คุณกับผมคงเป็นเพียงแค่คนรู้จักกัน หรืออาจจะพัฒนากลายเป็นเพื่อนกัน แต่ก็คงไม่สนิทกันอีก และก็คงเป็นไปไม่ได้สำหรับผมที่จะมีคุณเหมือนที่ผมมีอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นการที่เธอปรากฏตัวออกมา ผมจึงรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก ตอนนี้คุณกำลังคิดว่าผมเห็นแก่ตัวมากใช่ไหม?”

เขาเปิดปากพูดอีกครั้ง “แต่ว่าถึงแม้ผมจะเห็นแก่ตัว แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขมากในตอนนี้ การปรากฏตัวของเธอทำให้ผมมีโอกาส แต่ก็ทำให้คุณเจ็บปวดเกินจะบรรยาย ผมคิดว่าที่คุณได้รับความเจ็บปวดเหล่านั้นก็เพื่อมารักกันกับผมที่ต้องการประสบการณ์นี้ ผมจะรักและใส่ใจคุณมากขึ้น ทะนุถนอมคุณ…”

ยู่ยี่จู่ๆ ก็นึกประโยคหนึ่งได้ในระหว่างนั้น บางทีความเจ็บปวดในตอนนี้ก็เพียงเพื่อให้พบเจอสิ่งที่ดีกว่าหลังจากนี้

“ฉันไม่อยากให้คุณมีความคิดแบบนี้ และก็ไม่อยากให้คุณเอาใจใส่ดูแลฉัน ความเจ็บปวดในช่วงแต่ก่อนนั้นอาจเป็นสิ่งที่ฉันต้องประสบเมื่อต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เราเป็นแค่คู่รักธรรมดา ที่ทะเลาะกันและทำผิดพลาด “เธอกล่าว “ประสบการณ์ในแต่ก่อนเหล่านั้นเป็นเพียงประสบการณ์ของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ”

เธอไม่อยากให้เขาคิดแบบนั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะยอมทนเธอมากขึ้นเรื่อยๆ

“ได้…” เขายิ้มบาง พยักหน้า เอนตัวไปจูบที่มุมปากของเธอ

“และก็คุณไม่เคยเห็นแก่ตัว ยามที่พบเจอความรัก นั่นก็แค่ปฏิกิริยาปกติทั่วไปที่ทุกคนมี ฉันก็ชอบความเห็นแก่ตัวของคุณแบบนี้เหมือนกัน”

ฉันทัชเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำแผ่วเบา “รู้ไหม คุณที่เป็นแบบนี้มีเสน่ห์มาก?”

“ฉันรู้” เธอพยักหน้า ยิ้มตาหยี พูดอย่างไม่กระดาก “อย่างที่คุณเคยพูด ไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็มีเสน่ห์”

“ใช่….”

เรนนี่กำลังลำบากมากในขณะนี้ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์แบบไหน และก็ไม่รู้ว่าหัสดินคิดอย่างไร

เธอไม่ได้กินอะไรเลยทั้งเช้า เธอจะกินลงได้ที่ไหน ทั้งชฎารัตน์ ก็ไม่เรียกหาเธอ ทั้งซาฮาร่าก็ยังอยู่ชั้นล่าง

ในโทรทัศน์กำลังฉายข่าวนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอรู้สึกรำคาญตา หน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง และคิดแค่อยากจะพังโทรทัศน์ให้แตก

สถานการณ์ที่เธออยู่ในขณะนี้นั้นเป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เป็นลมไปก็ไม่ได้ อธิบายก็ไม่ได้เช่นกัน กลัวจะเผยความจริงไป

โทรศัพท์โทรมาจนสายใกล้จะระเบิด เธอทนไม่ไหว พุ่งตรงไปปิดโทรศัพท์ทันที แล้วโยนทิ้งไปไกลๆ

เธอใช้โทรศัพท์บ้านโทรหาหัสดิน เสียงรอสายดังขึ้นแต่ไม่มีใครรับสาย ตอนนี้ใจเธออดไม่ได้ที่จะวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น

เธอไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตมันยากลำบากขนาดนี้มาก่อน เธอนั่งไม่ติดอยู่กับที่ ลุกขึ้น แล้วนั่งลง นั่งลง แล้วลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง

ช่วงระหว่างที่ใจลอย ประตูห้องก็ถูกคนผลักเปิดออก ซาฮาร่าก็รี่เข้ามาอีกครั้ง ทั้งยังเข้ามาทุบตีเธอ “หวังว่าเรื่องนี้เธอจะอธิบายได้ชัดเจนอย่างดีที่สุด มิฉะนั้นก็รอดูว่าเธอจะตายยังไงด้วยน้ำมือของฉัน!”

เรนนี่พูดซ้ำไปซ้ำมาว่ามันเป็นความเข้าใจผิด จากนั้นก็หลบหนีจากซาฮาร่า มีเสียงดังมาจากชั้นล่าง ดูเหมือนว่าหัสดินจะกลับมาแล้ว

เธอได้ยินเสียงของหัสดินพูดกับชฎารัตน์ที่ชั้นล่างไม่ค่อยชัด ทันใดนั้นอาการเหล่านั้นก็เข้าโจมตีเธอ ขาของเธอเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และเริ่มอ่อนแรง ยืนได้ไม่มั่นคง หัวใจของเธอก็เต้นจนดูเหมือนแทบจะทะลุอกเธอออกมา ทำยังไงดี น่ากลัวเหลือเกิน!

จากนั้นไม่นานเสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และในที่สุด หัสดินก็เดินเข้ามา แม้ว่าจะรู้สึกอ่อนแรงและหวาดกลัว เรนนี่ก็ยังคงฝืนทน จับแขนเสื้อของเขาไว้

สีหน้าของหัสดินนั้นเรียกได้ว่าดูไม่ได้ถึงขีดสุด มืดดำและอึมครึม ราวกับเมฆครึ้มกดทับด้านบน และยิ่งเหมือนฝนฟ้าพายุที่ซัดกระหน่ำ “ปล่อย!”

เธออกสั่นขวัญแขวน ไม่ได้ปล่อยมือ แต่รีบพูดอย่างกังวลใจ “คุณฟังฉันก่อน หัสดิน!”

หัสดินไหนเลยจะยอมฟังเธอ เพียงแค่เขายกมือใหญ่ขึ้น เธอล้มลงกับพื้นทันที หลังของเธอชนเข้ากับขอบโต๊ะเครื่องแป้งโดยไม่ได้ตั้งใจ และรู้สึกถึงแต่ความเจ็บปวดเท่านั้น

เธอเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในห้องอีกครั้ง จนกระทั่งตอนนี้เธอเพิ่งรู้สึกว่า หน้าผากและฝ่ามือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ

ในเวลานี้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศยังคงเย็น แม้ว่าจะรู้สึกกระวนกระวายจนเหงื่อออก เรนนี่ก็ยังรู้สึกลึกๆ ว่าความรู้สึกนี้นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก

เธอนั่งบนพื้นดินด้วยความอ่อนล้าหมดกำลัง แขนขาอ่อนแรง เหงื่อออกเย็น หน้าซีด และขาของเธอยังเป็นตะคริวเล็กน้อย

ในหนึ่งวัน ข่าวไม่เพียงไม่ได้แพร่กระจายเฉยๆ แต่กลับดังขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดกล่าวได้ว่าทุกคนรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

เรนนี่เปิดหน้าต่าง แต่กลับเห็นนักข่าวกลุ่มใหญ่เฝ้าอยู่ที่นี่ ทางเข้าคฤหาสน์ภูษาธรปิดไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีช่องว่างให้แม้แต่ด้ายสักเส้น

ถ้าเธอไม่ทานอาหารเย็นอีก ไม่ต้องพูดถึงลูกในท้องของคนตระกูลภูษาธร เธอเองก็คงทนไม่ไหวเป็นลมก่อน ดังนั้นในมื้อเย็นนี้ เรนนี่จึงลงไปข้างล่าง

หัสดิน ชฎารัตน์ คุณพ่ออติวิชญ์คุณแม่อดิษาอยู่ที่นั่น เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และนั่งลงที่โต๊ะอาหาร

ไม่มีใครสนใจเธอเลย เรนนี่นั่งลงด้วยตัวเธอเอง