บทที่ 387

เดิน

เสี่ยวเชาเอาแต่ตะโกนไปเรื่อยๆ เธอเชื่อว่าพวกเขาจะต้องมีมโนธรรมเพื่อประโยชน์ของชาวบ้านตาดำๆมากมาย และเธอก็คิดถูก

อย่างน้อยมู่หรงเสวี่ยก็ปล่อยให้คนพวกนี้ต้องมีเดือดร้อนเพราะเธอฆ่าไอ้คนไร้ยางอายคนหนึ่งไม่ได้

หวู่หมิงยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ?! อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับสีม่วงก็ไม่น่าที่จะทนได้ อวัยวะภายในของเขาแทบจะเคลื่อนที่ทั้งหมด แล้วยังต้องหายใจอีกแต่เขาแทบจะอ้าปากไม่ได้ด้วยซ้ำ เขามองไปที่มู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆด้วยสายตาที่เดือดดาล

เสี่ยวเชาคุกเข่าลงกับพื้น ในหัวใจรู้ซึ้งถึงความยิ่งใหญ่ของพวกเขาอย่างชัดเจน ถึงแม้ตอนแรกเธอจะเป็นคนที่พูดส่อเสียดก่อน เธอไม่คิดว่าสองคนนี้จะทรงพลังมากกว่าหวู่หมิงอีกซึ่งเป็นคนที่เหนือกว่าพวกชาวบ้านทั้งหมดซะอีกแต่ก็ยังต้องแพ้ด้วยฝ่ามือเดียวของพวกเขา

คนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ถ้าเธอสามารถติดตามพวกเขาได้ก็คงจะได้เข้าไปอยู่ในโลกที่ดีกว่าได้เร็วขึ้นไปอีก

เธอต้องทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้

“เดี๋ยวก่อน” มู่หรงกล่าว

หลินหยางขมวดคิ้ว

“หาที่พักก่อนเถอะ” มู่หรงมองไปที่แสงแดดร้อนแรง เดินมานานจนตอนนี้ใบหน้าของเขาเริ่มที่จะถูกแสงแดดเผาหมดแล้ว

พวกเธอเดินไปหลบใต้ร่มไม้ที่อยู่ด้านข้างโดยไม่สนใจเสี่ยวเชาที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น

ถึงแม้จะอยู่ห่างออกมาหน่อยแต่มู่หรงเสวี่ยและ หลินหยางก็ยังปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณของตัวเองออกมาด้วยทั้งคู่เพื่อที่เสี่ยวเชาจะได้ไม่ได้ยินเรื่องที่พวกเธอคุยกัน

เธอเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเสี่ยวเชาเป็นเพียงคนธรรมดา เด็กสาวธรรมดาแต่ประกายในสายตาเธอทะเยอทะยานเกินไป

“ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลย นี่เจ้ามองไม่ชัดเจนหรือไง ต่อให้ครั้งนี้จะช่วยได้แล้วยังไงล่ะ? ครั้งหน้าเจ้าก็คงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว” หลินหยางพูดอย่างเย็นชา

“เจ้าก็พูดถูกแต่ต้องไม่ใช่เพราะข้าเป็นต้นเหตุ” มู่หรงพูด

ส่วนหลินหยาง เสี่ยวเชาเป็นอะไรทำไมถึงชอบมาอยู่รอบๆตัวเขา? เห็นทีไรเขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งเลย สายตาที่ดูร้อนรุ่มจนเขาอยากจะอ้วกจริงๆ

“ไปให้พ้นเลย!” หลินหยางกล่าว

เสี่ยวเชาตัวสั่น “มีแค่ตรงนี้ที่มีร่มเงา!” นี่บอกเป็นนัยว่าเธอจะไม่ยอมไปไหน

หลินหยางดึงมือมู่หรงอย่างแรงเพื่อให้ออกมาห่างอีก 20 เมตร เพื่อที่จะได้รู้สึกดีขึ้นหน่อย

“เจ้าจะบ้าหรือไง แดดร้อนขนาดนี้พาข้าออกมายืนตรงนี้ทำไมเนี่ย?” มู่หรงมองค้อนเขา

หลินหยางสร้างบาร์เรียขึ้นมาทันที “พอใจยัง!”

“บ้าจริง ข้าอยากจะบ้าตาย เจ้านี่ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณได้ยอดเยี่ยมจริงๆ” มู่หรงพูดประชดประชัน

“ไม่ใช่เรื่องอะไรของเจ้า!”

“ไม่ใช่เรื่องอะไรของข้า แต่ต้องลากข้าออกมาด้วยเนี่ยนะ!” มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เขาหลายครั้ง

“เจ้ามองไม่เห็นตัวยุ่งนั่นหรือไง?” หลินหยางอยากที่จะยิงนางให้ตายไปเลยจริงๆ

“โอ้ เรื่องนี้นี่เอง เจ้าน่าจะพอใจนะ เจ้าเป็นผู้ชายไม่ใช่หรือไง?” มู่หรงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ไปให้พ้นเลย!”

“ไปจากตรงนี้กันเถอะ ตรงร่มเงานั่นสบายกว่าเยอะเลย”

“บ้าเอ๊ย เจ้าจะไปไหนเนี่ย?” หลินหยางจับเธอไว้ จะปล่อยให้เขายืนโง่อยู่ตรงนี้คนเดียวหรือไง?!

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าจะช่วยเจ้าไล่ตัวยุ่งเอง!” มู่หรงกล่าว

“ถ้าโกหกข้าจะจับเจ้ายัดลงไปในหลุมเองเลย!” หลินหยางกล่าว

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ งั้นข้าจะจับเจ้ายัดลงไปในหลุมก่อนเลย!” มู่หรงตบหลังมือไปที่เขาจนล้มลงไปกับพื้น

“ยัยบ้ามู่หรงเสวี่ย ไปเลยนะ!” หลินหยางเรียก

บ้าจริง หยาบคายจริงๆเลยผู้หญิงคนนี้ ไม่มีใครเป็นเหมือนกับเธอเลยจริงๆ อยากจะบ้าตาย

เสี่ยวเชาที่อยู่ไม่ห่างเบิกตากว้าง มันเป็นไปได้ยังไงกัน?! ผู้หญิงคนนั้นทำแบบนั้นกับนายท่านได้ยังไง!

ผู้หญิงคนนั้นทรงอำนาจมากว่างั้นเหรอ โอ้ พระเจ้า!

หลังจากนั้นสักพัก มู่หรงเสวี่ยก็ปล่อยหลินหยาง

หลินหยางลุกขึ้นและชกเบาๆไปที่มู่หรงเสวี่ย

มู่หรงพูดออกมาอย่างผ่อนคลาย “เฮ้ ผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิงไม่ใช่สุภาพบุรุษเลยนะ”

“ข้าไม่เห็นเลยว่าเจ้าเป็นผู้หญิง ข้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ชายซะอีก” เขาชกเธอไม่ได้งั้นเหรอ?! อยากจะขำจริงๆ

“บ้าจริง ถ้าเจ้าชกข้าจริงๆงั้นข้าก็จะสู้กับเจ้าจริงๆ เจ้าเก่งพอไหมล่ะ?” มู่หรงเพิ่มพลังแห่งจิตวิญญาณและโจมตีไปที่เขาอย่างไรความปรานี

ถ้าเธอไม่ทำให้เขาหลาบจำ งั้นก็อย่ามาเรียกเธอว่า มู่หรงเสวี่ย

“มาเลย มาสู้กันไปข้าง!” หลินหยางพูดกระตุ้นเธออย่างไร้ความเกรงกลัว

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลินหยางก็นอนหอบอยู่กับพื้น ส่วน มู่หรงเสวี่ยยืนรับลมอยู่ด้านข้างอย่างสบายอารมณ์

เสี่ยวเชาที่อยู่ห่างออกไปอ้าปากค้าง น่าทึ่งจริงๆ!

“ฮ่าฮ่าฮ่า วันนี้เจ้าจะรอดถ้าเจ้าพูดออกมาว่าข้าเป็นผู้หญิงและเป็นผู้หญิงสวยที่อ่อนหวาน เจ้าพูดออกมาดังๆเลยนะ” มู่หรงหยิบผลไม้ออกมาพร้อมทั้งกัดลงไป

“เจ้าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก อยากจะขำให้ตาย” หลินหยางตบไปที่พื้นและหัวเราะออกมาเสียงดัง

“โอ้?! ตลกมากงั้นเหรอ? อยากให้ข้าลงมืออีกหรือไง?” มู่หรงเสวี่ยกำหมัดแน่นและตั้งใจที่จะชกไปที่เขา

“แค๊กๆ!” ทันใดนั้นหลินหยางก็ไอออกมาหลายครั้ง

ผู้หญิงโหดร้ายแบบนี้ไม่คู่ควรเลยที่จะมีคนรักแบบ เฟิงจือหลิง

บ้าเอ๊ย ยัยบ้า! ใช่ ใช่เลย นั่นแหละเธอ!

“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้ากำลังคิดอะไร เลิกด่าข้าในใจได้แล้ว” มู่หรงพูดออกมาเสียงเรียบ

หลินหยางมองค้อนไปที่เธอ เรื่องนี้เธอก็รู้งั้นเหรอเนี่ย?!

ไม่นานหลังจากนั้น

กลุ่มผู้ชายหลายคนก็เดินมาจากไกลๆ หวู่หมิงที่นอนอยู่ที่พื้นชักกระตุกมากขึ้นกว่าเดิม

หลิวไห่และคนอื่นๆรีบเดินเข้ามา “หวู่หมิง เป็นอะไรไป?”

หวู่หมิงเปิดปาก สายตาของเขาแสดงถึงความหวาดกลัวพร้อมทั้งชี้นิ้วที่สั่นเทอมไปที่มู่หรงเสวี่ย

หลิวไห่ป้อนยารักษาเข้าไปในปากของหวู่หมิงแต่มันก็ไม่ได้ผล หลิวไห่และชายอีกสามคนเดินเข้าไปหามู่หรงเสวี่ยพร้อมกัน

“เจ้าคือคนที่ทำให้หวู่หมิงเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?” เสียงตะโกนถามออกมาอย่างเย็นชาแต่พวกเขาก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร ยังไงซะพวกเขาก็ไม่ได้ไร้สมอง

ระดับการฝึกตนของพวกเขาก็พอๆกับหวู่หมิง งั้นก็เดาได้ว่าพวกเขาก็คงจะสู้พวกคนที่ทำให้หวู่หมิงต้องบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน

“…”

มู่หรงเลิกคิ้วขึ้น หลินหยางเองก็ลุกขึ้นมาจากพื้น

“ทำร้ายคนแบบนี้มีเหตุผลอะไร?” หลิวไห่ถามต่อ

“งั้นเจ้าก็ควรที่จะถามเขาสิ!” มู่หรงกล่าว

หลิวไห่กำหมัดแน่นแต่เมื่อเขานึกถึงนิสัยของหวู่หมิงแล้ว งั้นก็อาจจะเป็นหวู่หมิงเองที่ไปหลงเสน่ห์สาวงามของคนอื่นเข้า เขาเคยพูดไว้แล้วว่าไม่ช้าไม่นานเขาจะต้องตายเพราะความเจ้าชู้แน่ๆ

มู่หรงเสวี่ยแสยะยิ้มในหัวใจ เขาไม่ได้ลงมืองั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ไร้สมองอะไร

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ?” หลิวไห่ถามอีกครั้ง

“ไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้า!” หลินหยางพูด

“จะมัวคุยกับพวกเขาทำไมมากมาย?! ลงมือเลยเถอะ” ชายที่อยู่ข้างๆพูดออกมา

โอเค ลงมือเลยสิ! มาจัดการให้จบๆไป ร่างกายของมู่หรงดึงพลังขึ้นมาเตรียมให้พร้อม

หลินหยางเองก็เตรียมพร้อมเช่นกัน

หลิวไห่จ้องไปที่คนที่อยู่ข้างๆเขา เขาไม่ได้พยายามที่จะห้ามเหล่าคนที่อยู่รอบๆเขา เขาแค่กำลังคิดเรื่องความเป็นไปได้ของการชนะในครั้งนี้ ในความคิดของเขามีเพียงหลินหยางเท่านั้นที่อยู่ในระดับสีเหลือง สูงกว่าพวกเขาแค่หนึ่งระดับเท่านั้น อย่างไรก็ตามเดาว่าเธอคงจะไม่มีพลังแห่งจิตวิญญาณเพราะเขามองไม่เห็นระดับการฝึกตนของเธอเลย งั้นก็มีสองคำอธิบายคือพวกเขามองไม่เห็นระดับการฝึกตนของเธอ หรือเธอไม่มีพลังเลยสักนิด

งั้นพวกเขาสี่คนก็น่าจะเพียงพอสำหรับคนคนเดียว เมื่อคิดได้แบบนี้สายตาของหลิวไห่ก็เย็นชาพร้อมทั้งรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดของร่างกายขึ้นมา

หลินหยางดันมู่หรงไปที่ด้านข้าง “อย่าเข้ามายุ่งนะ!”

มู่หรงเสวี่ยหยักไหล่ เธอรู้สึกมีความสุขอย่างมาก! อีกอย่างอากาศก็ร้อนมากด้วย

ไม่มีใครมองไปที่มู่หรงเสวี่ยเลย

หลิวไห่และคนทั้งสี่โจมตีไปที่หลินหยาง หวู่หมิงที่อยู่ที่พื้นกระตุกไปเรื่อยๆ เบิกตากว้างพร้อมทั้งชี้ไปที่มู่หรงอย่าง สิ้นหวัง

ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เป็นตัวการ เขาเข้าใจผิดแล้ว ทุกคนเข้าใจผิดแล้ว

ในโลกของพวกเขา ปกติแล้วผู้ชายจะเป็นคนที่ทรงอำนาจ ส่วนผู้หญิงมักจะไม่ค่อยมีฝีมือในเรื่องของการฝึกตนดังนั้นผู้หญิงก็ไม่ควรที่จะเข้ามายุ่งกับเรื่องพวกนี้

อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมีผู้หญิงที่เป็นยอดฝีมือแต่ก็ถือว่าน้อยมาก และผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่น่ากลัวอย่างมากแต่ หวู่หมิงก็ไม่ได้พูดอะไร

มู่หรงที่อยู่อีกด้านกำลังยืนอย่างสบายพร้อมมองดูอย่างสนอกสนใจ การได้ดูศึกอย่างใกล้ชิดเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สุด

หลิวไห่และคนทั้งสี่ค่อยๆล้มลงไปกอง ตรงกันข้ามกับหลินหยางที่เริ่มจะเล่นหนักขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มที่จะมีสัญญาณของการพัฒนาให้เห็นได้ลางๆ

สายตาของหลิวไห่มองไปที่มู่หรงที่อยู่ด้านข้าง แล้วทันใดนั้นก็พุ่งการโจมตีไปที่มู่หรง

สายตาของหลินหยางไม่เปลี่ยนแปลง กล้าที่จะรังแกผู้หญิงคนนั้นเหรอ กล้ามากเกินไปแล้ว

มู่หรงเสวี่ยแสยะยิ้ม เขาไม่เข้าใจท่าทางของเธอ ในสายตาของเธอแวบประกายเย็นชา เธอค่อยๆยกมือขึ้นมาแล้วพลังแห่งจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ก็ไหลออกมา คนพวกนั้นลอยพุ่งกระเด็นไปไกลราวกับดาวตก เพียงแต่ว่าครั้งนี้มีเสียงฮึมๆแล้วลมหายใจก็หยุดไปในทันที หวู่หมิงไม่อยากที่จะเชื่อ หลังจากที่สั่นอย่างรุนแรงแล้วเขาเองก็ตายด้วยเหมือนกัน

ส่วนอีกสามคนที่เหลือต่างก็ตะลึงกับการโจมตีของ มู่หรงเสวี่ย

หลินหยางจัดการทุกอย่างด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ท่า “เรียบร้อย” ผมของหลินหยางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“เยี่ยม แค่พวกสวะไม่กี่คนใช้เวลาซะนานเชียว” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

ฟู่! นั่นกระแทกใจเขาเข้าอย่างจัง! แต่สุภาพบุรุษไม่สู้กับผู้หญิง!

ทั้งสองคนปล่อยลูกไฟไปที่พื้นเพื่อทำลายซากศพแล้วจึงเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะจากไป

เสี่ยวเชาวิ่งตามไปอย่างสิ้นหวังแต่เธอจะตามไปทันได้ยังไงกัน ไม่นานดาเนี่ยลก็มาเจอเสี่ยวเชาอีกครั้ง

“เสี่ยวเชา ข้าไม่รังเกียจเจ้าหรอกนะ กลับไปกับข้าเถอะ!”

เสี่ยวเชายิ้มอย่างประชดประชัน รังเกียจงั้นเหรอ?!

ทำไมเธอถึงจะต้องถูกปฏิเสธด้วย?

เธอทำอะไรงั้นเหรอ?!

“ออกไปให้พ้นเลยนะ!” เสี่ยวเชาผลักเขาออกไป

ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ ที่ของเธอควรจะสูงส่งเหมือนกับผู้หญิงคนนั้น

เสี่ยวเชาวิ่งต่อไปเรื่อยๆ วิ่งต่อไปเรื่อยๆไม่หยุด ดูเหมือนว่าเธอจะมองเห็นอนาคตที่สดใสได้แล้ว

มู่หรงเดินไปตามแม่น้ำในป่าไปตลอดทาง

ผ่านมาหลายวัน นอกจากสัตว์ที่ดุร้ายแล้วก็ไม่เจอสัตว์อสูรแห่งจิตวิญญาณระดับสูงที่ไหนเลย ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่นี่น่าจะเป็นแค่มิติแฟนตาซีทั่วไป

สิ่งที่มีให้เห็นเพียงแค่เมืองเล็กๆเท่านั้น

“พูดง่ายๆนะ ฝีมือการทำอาหารของเจ้ามันแย่มากจนกินไม่ลงเลยจริงๆ!” มู่หรงพูดออกมาอย่างรังเกียจ

“ถ้าเจ้าไม่ชอบ ถ้ามันน่ารังเกียจขนาดนั้น ทำไมเจ้าไม่ทำซะเองเลยล่ะ?” หลินหยางอยากที่จะเหยียบเธอให้จมดินเลยจริงๆ

มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้เขาต้องเจออะไรมาบ้าง นี่มันนรกชัดๆ เขาถึงกับต้องขอให้เธอช่วยเขาฝึกวิชาแถมบอกให้เขาทำอาหารอีกต่างหาก! เธอช่างเป็นคนที่ยิ่งใหญ่จริงๆถึงมาสั่งให้เขาทำอาหารได้ ทำไมเธอไม่ตายไปซะเนี่ย

แต่ แหม ตอนนี้เขาก็ยังสู้เธอไม่ได้อยู่ดี อย่างไรก็ตามมันจะต้องไม่เป็นแบบนี้นานนักหรอก!