ตอนที่ 1672 วรยุทธบ่มเพาะที่เหมาะสม

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1672 วรยุทธบ่มเพาะที่เหมาะสม
ซัวหาน เล้งชิวหลิง และเหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าคนอื่นๆ ต่างสงสัยในดวงตาของดวงเองกันทั้งสิ้น

เย่หยวนนั้นมีท่าทางแสนจะสบายในตอนนี้ ทำไมมันถึงไม่มีอาการเหมือนคนกำลังโดนกดดันอยู่เลยล่ะ?

เพราะพวกเขาเองก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงมหาศาล

“ท-ท-ท-ทำไม… ไม่เป็นอะไรเลย? เจ้า… เจ้าดูท่าตัวสั่นเมื่อกี้แท้ๆ“ ซัวหานพูดออกมาด้วยสีหน้าราวกับไปเห็นผีที่ไหนมา

เย่หยวนมองดูเขาราวกับเป็นแค่คนโง่คนหนึ่งและตอบไปด้วยรอยยิ้ม “อะไรแท้? ข้าปลอมให้เจ้าดูหรอก นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นจริงรึ? ข้าก็เคยว่าเจ้าโง่นะ และดูท่าข้าจะมองไม่ผิดจริงๆ”

ซัวหานกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ “เป็นไปไม่ได้! เขาแห่งถงเทียนนั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามของเหล่าอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า! ไม่เคยมีใครรอดในที่นี้ได้! ไม่มีทางที่เจ้าจะสบายตัวได้ขนาดนั้นแน่!”

เย่หยวนไม่อยากจะสนใจเขาอีกต่อไปจึงเดินออกไปอย่างสบายตัว มุ่งหน้าขึ้นยอดเขา

แม้ภายนอกของเย่หยวนจะดูสงบ แต่ภายในของเขานั้นคล้ายกับเจอมรสุมพัดกระหน่ำ

เขาน้อยแห่งถงเทียนในตัวของเขามันกำลังขานรับพลังจากเขาแห่งถงเทียน ส่งพลังงานอันมากล้นออกมาในร่างกายของเขา

พร้อมๆ กันนั้นแบบร่างของบัญญัติเทพแห่งถงเทียนระดับสี่ก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในหัวของเย่หยวน

การบ่มเพาะระดับสี่นี้มันต่างจากสามระดับแรกอย่างสิ้นเชิง

หากพูดถึงความซับซ้อนแล้ว การบ่มเพาะระดับสี่นี้มันยากเสียยิ่งกว่าการเอาสามระดับแรกมารวมกันเสียอีก

แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เย่หยวนไม่สามารถสร้างการบ่มเพาะระดับสี่นี้ขึ้นมาได้เสียที

ดูท่าการมาเขาแห่งถงเทียนในครั้งนี้มันจะถูกต้องจริงๆ เพราะหากไม่มาเย่หยวนก็คงไม่สามารถที่จะสร้างการบ่มเพาะระดับสี่ไปได้ทั้งชีวิต! ที่แห่งนี้คือยอดของโลก! ทำให้เย่หยวนถึงกับต้องถอนหายใจยาวในใจ

คำของหนิงเทียนปิงก่อนหน้าที่ว่า ‘เขาแห่งถงเทียนนั้นคือจุดกำเนิดของมหาพิภพถงเทียนทั้งหมด’ มันเริ่มดูเป็นจริงขึ้นมาในสายตาของเย่หยวนและทำให้เขาจับใจความอะไรบางอย่างได้

เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่มาถึงตีนเขาแห่งถงเทียนเย่หยวนไม่ค่อยจะเข้าใจว่าประโยคนั้นมันมีความหมายว่าอย่างไรกันแน่

แต่เป็นตอนนี้ที่ได้ขึ้นมาแล้วเย่หยวนถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองเดินทางผิดมาตลอด!

เขาพยายามที่จะเปิดโลกใบเล็กของตัวเองและทำตามแนวทางที่ผู้คนบนโลกหล้านี้ทำกันมา

เพียงแต่ว่าบัญญัติเทพแห่งถงเทียนนั้นมันยังไม่ถึงขั้นที่จะเปิดโลกใบเล็กได้เลย!

ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขามันยังสามารถที่จะพัฒนาไปได้อีกมาก!

เพราะฉะนั้นสำหรับเย่หยวน อาณาจักรที่สี่ของเขานั้น… จะมิใช่อาณาจักรราชันพระเจ้า!

หากนักยุทธคนอื่นได้มารู้วิธีการบ่มเพาะของเย่หยวนพวกเขาคงตื่นตกใจจนถึงที่สุด อาจจะถึงขั้นเย้ยหยันดูถูกเรียกเย่หยวนว่าเป็นตัวประหลาด

เพราะเส้นทางนี้คือเส้นทางที่ทุกคนในมหาพิภพถงเทียนบ่มเพาะพลังกันมา มันจะมีอะไรมาล้มล้างได้?

แต่ความเป็นจริงก็คือเย่หยวนคนนี้นี่แหละที่จะล้มล้างมัน!

ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่นนั้นจะก่อตัวแน่นอนเมื่อมาถึงอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจากข้อจำกัดของวรยุทธบ่มเพาะ ทำให้ไม่สามารถบรรลุไปได้อีกต่อไป

เมื่อมาถึงตรงนี้ นักยุทธก็จะเปิดโลกใบเล็กของตัวเองออกมาก่อนจะสามารถก้าวหน้าไปได้อีกครั้ง

แต่ทว่าเส้นทางของเย่หยวนไม่ใช่แบบนั้น!

บัญญัติเทพแห่งถงเทียนของเขามันทำให้เขาแข็งแกร่งกว่านักยุทธในระดับเดียวกันไปมาก สุดท้ายเขาจึงถึงขั้นมีพลังต่อสู้เทียบเคียงอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวได้ และอาจจะถึงขั้นอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวเสียด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เขายังอยู่แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า

คนอื่นๆ ไม่มีใครสามารถทำแบบนี้ได้

สิ่งที่เย่หยวนต้องทำในเวลานี้ก็คือการกลืนกินพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่งไปเรื่อยๆ เพื่อพัฒนาทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง

จนกว่าที่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะเต็ม จนไปในระดับที่ไม่สามารถบรรลุได้ต่อไปแล้ว ตอนนั้นมันถึงจะเป็นเวลาที่เย่หยวนต้องเปิดโลกใบเล็กในคราเดียว

ทำแบบนี้มันจะช่วยให้เย่หยวนมีพลังมากมายกว่าคนอื่นๆ หลายต่อหลายเท่าตัว!

ยิ่งเขาเปิดช้า พลังของเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่ง!

เพราะเมื่อถึงตอนนั้นเมือ่เขาเปิดโลกใบเล็กออก คนอื่นๆ คงไม่สามารถคาดคำนวณได้เลยว่าพลังมันจะออกมาระดับไหน

ถึงตอนนั้นโลกใบเล็กของเขาจะมีพลังที่มากมายแค่ไหน เย่หยวนในตอนนี้เองก็คาดเดาไม่ได้เช่นกัน แต่เขารู้สึกว่ามันอาจจะไปถึงอาณาจักรเต๋าบรรพกาลได้!

นี่คือเส้นทางที่เขาต้องเดิน!

“เทียนปิง เจ้าไปทำความเข้าใจของเจ้าเถอะ ไม่ต้องมาสนใจข้าแล้ว” เย่หยวนบอกออกมา

หนิงเทียนปิงเองก็มีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเย่หยวนสามารถหาจุดที่จะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้เจอเสียที

เวลากว่าสามร้อยปีในความล้มเหลว ในที่สุดวันนี้มันก็มาถึง

ขนาดตัวเขาเองยังรู้สึกได้เลยว่ามันไม่ง่ายดาย

เล้งชิวหลิงมองดูเย่หยวนเดินจากไปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา นางรู้สึกเหลือเชื่ออย่างบอกไม่ถูก

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่นางได้ยินว่ามีนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าสามารถรอดชีวิตบนเขาแห่งถงเทียนได้

หากแค่รอด มันก็อาจจะไม่ทำให้นางตื่นตกใจปานนี้

แต่ท่าทางของเย่หยวนในตอนนี้มันดูแสนจะสบายราวกับว่าได้กลับบ้านเก่า!

“เจ้าหมอนี่มันเป็นใครกันแน่? ทำยังไงถึงได้ทำแบบนี้ได้” เล้งชิวหลิงพูดออกมาด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

แต่นางก็รีบส่ายหัวไล่ความคิดนั้นและหันไปบอกไป๋ชิง “ไปกันเถอะ การจะมาเขาแห่งถงเทียนได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เราควรใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่าเพื่อการเข้าใจยอดเต๋า!”

การมาที่เขาแห่งถงเทียนนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดาย พวกนางจะอยู่ได้แค่ไม่นานเมื่อหมดเวลาพวกนางก็จะถูกดีดลงจากเขาแห่งถงเทียนทันที

เพราะฉะนั้นเวลาทุกวินาทีจึงมีค่าในเขาแห่งถงเทียนนี้ พวกนางจะมาทำตัวเอ้อระเหยลอยชายไม่ได้

ซัวหานกัดฟันแน่นด้วยสายตาที่เคียดแค้นมองไปยังเย่หยวน “ไปกัน! ครานี้ข้าต้องบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ให้ได้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าเด็กเวรนี้มันได้ตายอย่างไร้ที่กลบฝัง!”

นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นสามารถปีนเขาแห่งถงเทียนนี้ได้ประมาณห้ากิโลเมตร

หากเกินกว่านั้นไปมันก็จะเป็นระยะที่เกินกว่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าจะทนทานได้

ต่อให้ก้าวขึ้นไปแค่ก้าวเดียวมันก็มากพอจะป่นพวกเขาให้เป็นผงได้โดยยอดเต๋า1

คนอย่างซัวหานหรือเล้งชิวหลิงนั้นสามารถปีนขึ้นไปได้ถึงระยะใกล้ๆ 5 กิโลเมตร

และเมื่อพวกเขาทั้งสองสามารถบรรลุถึงความสูงใหม่ได้พวกเขาก็จะบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้ทันที

แต่ในเขาแห่งถงเทียนนี้ เรื่องแบบนั้นมันไม่ง่ายเลย

คนเราจะเข้าใจยอดเต๋าได้มากแค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและพรสวรรค์ของแต่ละคน

การที่ได้อยู่ใกล้ยอดเต๋าเช่นนี้ คนอย่างเล้งชิวหลิงจะสามารถบรรลุได้แน่นอนขอแค่ต้องใช้เวลา

เพราะสำหรับอัจฉริยะระดับนี้ อาณาจักรนภาสวรรค์มันไม่เคยจะเป็นคอขวดที่ยากเย็นอยู่แล้ว

เย่หยวนค่อยๆ ปีนขึ้นมาอย่างเชื่องช้า กล่าวได้ว่าเขาค่อยๆ ก้าวขึ้นมาแค่ทีละก้าวก็ว่าได้

ในสายตาคนอื่น การก้าวแต่ละก้าวของเขาคงดูยากลำบากมาก

แต่จริงๆ แล้วเขากำลังค่อยๆ สัมผัสถึงเขาแห่งถงเทียน รู้สึกถึงพลังที่สะท้อนระหว่างเขาน้อยแห่งถงเทียนและเขาแห่งถงเทียนของจริง

การมาที่เขาแห่งถงเทียนในครานี้ มันช่วยให้เย่หยวนเข้าใจบัญญัติเทพแห่งถงเทียนได้อย่างแจ่มแจ้ง

ตอนนี้เขากำลังค่อยๆ สร้างแบบการบ่มเพาะระดับสี่ขึ้นในหัวอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป

เหมือนการสร้างบ้าน ค่อยๆ ประกอบโครง จากนั้นก็วางอิฐก่อบล็อก จนได้บ้านที่แสนทนทานขึ้นมาใช้งาน

ในจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวน หวู่เฉินเองก็ตะลึงจนถึงทรวงเช่นกัน!

“ข้าไม่รู้เลยว่าการบ่มเพาะระดับสี่นี้มันจะเป็นยังไงเมื่อสร้างออกมาเสร็จแล้ว แต่ดูท่าจากตอนนี้ มันคงต่างจากการบ่มเพาะธรรมดาอย่างสิ้นเชิง! เด็กคนนี้มันจริงๆ เลย ยิ่งอยู่ด้วยกันนานข้ายิ่งมองเจ้าไปออกเข้าไปทุกที”

ซัวหานนั้นก้าวเดินขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนตามเล้งชิวหลิงทัน

“น้องเล้ง เจ้ายังไม่เข้าใจความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าอีกรึ?” ซัวหานถามอย่างไม่ยอมแพ้

เดิมทีเขานั้นเหยียดหยามเย่หยวน คิดว่าเล้งชิวหลิงต้องการแค่เอาเย่หยวนมาล้อตัวเขาเล่น

แต่ตอนนี้เขารู้สึกถึงความคุกคามจริงๆ แล้ว

เย่หยวนคนนี้มันไม่ธรรมดา ไม่เหมือนรูปร่างภายนอกที่แสดงออกมา

เล้งชิวหลิงหันไปมองอย่างไม่ใยดี “ซัวหาน เลิกเสียที! เจ้ากับข้ามันเป็นไปไม่ได้! ตอนนี้เราก็อยู่ในเขาแห่งถงเทียนแล้ว หวังว่าเจ้าคงไม่ได้คิดมากวนข้าฝึกตนหรอกนะ!”

สีหน้าของซัวหานเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินก่อนจะบอก “เจ้าเด็กเวรนั่นมันยังปีนเขาขึ้นมาไม่หยุด ข้าล่ะรอเห็นมันถูกยอดเต๋าบดขยี้ตายไม่ไหวแล้วจริงๆ”