ตอนที่ 1673 ตีร่างใหม่ด้วยยอดเต๋า

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1673 ตีร่างใหม่ด้วยยอดเต๋า
หลังจากได้เห็นเรื่องสุดตื่นเต้นนั้นไปแล้ว เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าทั้งหลายก็เริ่มหาที่ของตัวเองเพื่อทำความเข้าใจยอดเต๋า

เย่หยวนนั้นเดินไปสามก้าวหยุด ห้าก้าวพัก แต่สมองของเขานั้นกำลังทำงานอย่างไม่มีหยุดพัก

เขาต้องเดินไปจนสุดทางให้ได้ก่อน ถึงจะสามารถสร้างวรยุทธบ่มเพาะที่สมบูรณ์ได้!

และเวลาก็ผ่านไปเช่นนั้น วันแล้ววันเล่า ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ในที่สุดเย่หยวนก็เดินมาจนถึงช่วงความสูง ห้า กิโลเมตร

ส่วนที่รอบๆ นั้นมักจะมีภาพของนักยุทธกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำความเข้าใจในวิชายุทธของตัวเองอยู่

ไม่มีใครสนใจและรู้ว่าเย่หยวนได้เดินผ่านหน้าพวกเขาไปแล้วจนขึ้นไปถึงจุดยอดของอาณาจักรราชันพระเจ้า

จู่ๆ ใจของเย่เยวนก็เต้นแรง เขามีความคิดที่อยากจะลองขึ้นไปดูที่ระดับต่อไป

ที่ด้านหน้าของเขาตอนนี้มันเป็นม่านหมอกหนา ต่อให้เย่หยวนจะยืนอยู่ตรงหน้ามันก็ยังไม่สามารถที่จะมองทะลุเข้าไปเห็นได้เลยว่าด้านบนนั้นมีอะไรบ้าง

แต่เย่หยวนก็ก้าวเข้าไปอย่างไม่คิดที่จะลังเลแม้แต่น้อยเช่นกัน เขาเดินหน้าเข้าไปในม่านหมอกหนานั้น

ครึก!

แรงกดดันมหาศาลจากยอดเต๋ากดลงบนร่างของเย่หยวนในทันที

ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของเขาแห่งถงเทียนอย่างแท้จริง

คลื่นกดดันจากยอดเต๋านั้นมันรุนแรงจนสามารถทำลายล้างโลกได้ทั้งใบ เพียงพอที่จะกดทำลายร่างกายของผู้คนได้สบายๆ

เรื่องนี้ทำให้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าที่อยู่บนยอดห้ากิโลเมตรนั้นตื่นตระหนกขึ้นทันที

เมื่อเล้งชิวหลิงเย่หยวนเดินเข้าไปในม่านหมอกเช่นนั้นนางก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที สายตาของนางเปี่ยมไปด้วยความตื่นตกใจอย่างที่ไม่อยากจะเชื่อภาพที่เห็น

หลังจากเริ่มตั้งสติได้ เล้งชิวหลิงก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนจะพูด “เขา… เขามาถึงยอดห้ากิโลเมตรได้! ไม่ เดี๋ยวนะ เขาคิดจะทำอะไรกัน?”

ซัวหานเองก็เห็นภาพตรงหน้านั้นและมีอาการไม่ต่างจากเล้งชิวหลิงสักเท่าไหร่

“เด็กคนนี้… เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับสามารถมาถึงยอดห้ากิโลเมตรได้! นี่… นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? ทำไม… เหตุใดยอดเต๋าถึงไม่ลงทัณฑ์มัน?” ซัวหานกล่าวออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

แต่ไม่นานนัก เขาเองก็ได้พบสิ่งผิดปกติด้วยเช่นกันก่อนจะยิ่งทำหน้าตาท่าทางตกใจหนักกว่าเก่าออกมา

“ฮ่าๆๆ … เด็กน้อย สวรรค์ท่านมีทางดีๆ ไว้ให้แต่เจ้ากลับเลือกที่จะไม่เดิน ประตูนรกท่านปิดไว้แน่นหนาเจ้ากลับคิดจะพังเข้าไป! แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับอยากเข้าอาณาเขตหมอก เจ้ามันช่างรนหาที่ตายเสียจริงๆ”

ซัวหานหัวเราะลั่นรอดูภาพของเย่หยวนถูกบนขยี้จนกลายเป็นผุยผง

แต่ตอนนั้นเองที่เย่หยวนผู้ที่ก้าวเข้าไปในหมอกได้ครึ่งตัวก็ยื่นหน้ากลับออกมา บอกซัวหานด้วยรอยยิ้ม “ไอ้โง่ เจ้านี่มันช่างน่ารำคาญเสียจริงๆ ถ้าแน่จริงก็อย่าหนีไปไหนก่อนล่ะ รอให้นายท่านผู้นี้กลับมาสั่งสอนวิธีการปฏิบัติตัวให้เจ้าดู!”

แม้จะถูกเย่หยวนขู่แบบนั้น ซัวหานก็ไม่คิดจะใส่ใจและตอบไป “เจ้าสิโง่ เจ้าคิดว่าเขาแห่งถงเทียนนี้เป็นร้านขายของชำของบ้านเจ้าหรืออย่างไร? ถึงได้กล้าคิดจะเดินเข้าไปในอาณาเขตหมอกเช่นนี้ เจ้าต้องตายแน่นอน! นายน้อยคนนี้จะรออยู่ที่นี่เอง มีปัญญาก็กลับออกมาให้ได้เถอะ!”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “มีแน่ เจ้ารอก่อนเถอะ!”

พูดจบเย่หยวนก็หันหน้ากลับเข้าไปและก้าวท้าวเข้าไปอีกก้าว ส่งร่างของเขาจางหายไปในม่านหมอกทันที

เมื่อเล้งชิวหลิงได้เห็น นางก็หน้าซีดเผือดก่อนจะร้องตะโกนออกมา “เย่หยวนอย่าเข้าไป!”

เมื่อได้ยินเสียงร้องนั้นของเล้งชิวหลิง ซัวหานก็หนี้เสียทันที

เพราะความห่วงใยนี้มันอยู่เหนือการควบคุมของนาง!

ทำไมเจ้าหญิงแสนเย็นชาอย่างนางผู้ที่แสนจะเย็นชาต่อเขากลับแสดงท่าทางแบบนั้นออกมาเมื่อเป็นเรื่องของเจ้าหนุ่มนั่น?

ซัวหานยิ้มขึ้น “ไม่ต้องตะโกนแล้ว! ผู้ที่เข้าไปในม่านหมอกย่อมต้องตาย ต่อให้จะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้เจ้าก็ยังผ่านม่านหมอกไปไม่ได้! เรื่องนี้เจ้าเองน่าจะรู้ดีกว่าข้าเสียด้วยซ้ำจริงหรือไม่? มันตายลงแล้ว”

เล้งชิวหลิงนั้นไม่คิดที่จะหันไปสนใจซัวหานแม้แต่น้อย เพราะนางรู้สึกเกลียดชังคนผู้นี้อย่างถึงที่สุด

แต่นางเองก็รู้ว่าคำพูดนั้นของซัวหานมันไม่ผิด ต่อให้เป็นอัจฉริยะอาณาจักรนภาสวรรค์ก็ยังไม่กล้าผ่านม่านหมอกขึ้นไปเช่นนี้ พวกเขาต้องไปเข้าเขาแห่งถงเทียนที่ทางเข้าของอาณาจักรนภาสวรรค์ที่อีกเมืองแทน

แต่เย่หยวนกลับกล้าทำ!

หากจะบอกว่าการที่เย่หยวนที่อยู่แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเข้ามาในเขาแห่งถงเทียนแล้วไม่ตายนั้นมันเป็นปาฏิหาริย์ก็คงไม่ผิดนัก

แต่เรื่องในครานี้มันไม่มีทางใดเลยที่จะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นได้!

เมื่อใครก็ตามบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ที่ยอด ห้า กิโลเมตรนี้ พวกเขาจะถูกดีดออกจากเขาแห่งถงเทียนไปในไม่ช้า

และครั้งต่อไปพวกเขาก็จะต้องไปเข้าที่ทางเข้าของอาณาจักรนภาสวรรค์เพื่อจะไปยังส่วนที่สูงกว่า ห้า กิโลเมตร

แต่ทว่าเย่หยวนกลับเดินดุ่มๆ เข้าไปทั้งอย่างนั้น!

ไม่มีใครทราบว่าในม่านหมอกนั้นมีอะไร แต่มันเป็นสถานที่แสนอันตรายที่ไม่เคยมีใครกลับออกมาได้ แม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่สงสัยจนลองเข้าไปดูด้านใน

และก็อย่างที่พวกซัวหานว่า หลังเข้ามาในม่านหมอกแล้วเย่หยวนก็รู้สึกลำบากมากที่จะเดินหน้าต่อ

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

ในหมอกนั้นมีเส้นสายฟ้าลอยไปมาทั่วไปหมด

พลังงานอันน่าสยองนี้ ต่อให้เป็นเย่หยวนก็ยังใจเต้นรัวไม่น้อย

แต่ทว่าสายฟ้าเหล่านั้นแค่ลอยไปมา ไม่ได้เข้ามาหาเย่หยวนเลยแม้แต่เส้นเดียว

ตอนนี้เขาน้อยแห่งถงเทียนนั้นค่อยๆ ปล่อยพลังแห่งยอดเต๋าออกมาจากกลางหน้าผากของเย่หยวน

มันเป็นเพราะเจ้าเขาน้องแห่งถงเทียนนี้นี่เองที่ช่วยให้เย่หยวนสามารถเข้ามาในม่านหมอกนี้ได้

“เด็กน้อย เจ้ามันบ้าอย่างไม่สิ้นสุดจริงๆ” หวู่เฉินบอกพร้อมถอนหายใจยาว

เขาย่อมรู้ดีว่าม่านหมอกนี้มันมีพลังแค่ไหน แต่เย่หยวนก็ยังเดินหน้าเข้ามาดุ่มๆ

เย่หยวนยิ้มตอบ “เขาน้อยแห่งถงเทียนและเขาแห่งถงเทียนนั้นเดิมทีก็มีที่มาเดียวกัน และในเมื่อเขาน้อยแห่งถงเทียนยอมรับข้าเป็นนาย ยอดเต๋าของเขาแห่งถงเทียนเองก็คงยอมรับในตัวตนของข้าเช่นกัน การเข้ามาด้านในนี้มันอาจจะฟังดูอันตราย แต่จริงๆ แล้วมันมิได้อันตรายอย่างที่ทุกคนกลัวหรอก”

หวู่เฉินได้แต่ยิ้มน้อยๆ ออกมา “เด็กน้อย เจ้ามันบ้าบิ่นแต่ก็ระมัดระวัง เจ้านั้นกล้าที่จะทำอะไรทุกอย่างจริงๆ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะคิดถูก!”

เย่หยวนยิ้มรับ “เหล่าเส้นสายฟ้าพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดเต๋าอย่างแท้จริง! พวกมันน่าจะเป็นสิ่งที่ควบคุมกฎของเขาแห่งถงเทียนใต้ระยะห้ากิโลเมตรนี้ใช่ไหม? ข้าว่า… หากข้าใช้พวกมันในการช่วยตีสร้างร่างกายใหม่มันน่าจะช่วยได้มากเลย”

หวู่เฉินที่ใจเย็นลงแล้วต้องกลับมาตื่นตระหนกอีกครั้งเพราะความคิดที่แสนบ้าคลั่งของเย่หยวน

“เจ้า… เจ้ามันบ้าไปแล้ว! สายฟ้าพวกนี้มันคือตัวตนของทัณฑ์สวรรค์เลยนะ!” หวู่เฉินบอก

จากนั้นเขาก็เปลี่ยนร่างกายตัวเองเป็นลูกวิญญาณก่อนจะหลบเข้าไปในไข่มุกสยบวิญญาณและไม่คิดจะออกมาอีก

เขารู้ดีว่าเรื่องราวต่อจากนี้ไปมันจะน่าหวาดหวั่นเพียงใด

แต่เขาเองก็เข้าใจว่าตัวเขาไม่สามารถหยุดเย่หยวนได้แน่ๆ

เพราะเด็กคนนี้มันบ้าขึ้นมาเป็นครั้งคราว!

มุมปากของเย่หยวนขยับขึ้น ก่อนจะส่งสัญญาณบอกเขาน้อยแห่งถงเทียนไปพร้อมๆ กัน

เขาน้อยแห่งถงเทียนหายไปและกลับออกมาปรากฏใหม่ที่กลางหน้าผากพร้อมปล่อยแสงเจิดจ้า

จากนั้นเย่หยวนก็ยื่นมือออกไปจับยังเส้นสายฟ้าเส้นหนึ่งที่ลอยมาใกล้ๆ

ชี่…

ในวินาทีนั้น ร่างของเย่หยวนทั้งร่างก็ต้องสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

พลังงานดิบอันมหาศาลนี้มันสามารถที่จะเผาไหม้ร่างของเย่หยวนให้เป็นจุลได้เลย

แต่ว่าแสงที่เขาน้องแห่งถงเทียนปล่อยออกมามันทำหน้าที่เหมือนเป็นเกราะให้กับเขา ช่วยปกป้องเย่หยวนไว้อย่างดี

พลังงานอันน่าเกรงขามทั้งสองเข้าปะทะค้ำยันกันไว้

จากนั้นคลื่นพลังงานที่เหลือก็ได้เข้ามายังร่างของเย่หยวน

ซู่!

ขนของเย่หยวนลุกตั้งไปทั้งร่าง

เย่หยวนจึงรีบใช้วรยุทธมังกรทรราชออกมาอย่างบ้าคลั่งจนคลื่นมังกรจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกมา

คลื่นพลังงานนั้นมันทำให้สายเลือดมังกรที่หลับไหลในตัวเย่หยวนตื่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน

เย่หยวนกัดฟันแน่น ตอนนี้ทั้งร่างของเขามันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างสาหัส

เวลากว่าสามร้อยปีมานี้ เขาได้ฝึกฝนร่างของตัวเองจนถึงขีดสุดระดับสาม

แต่การแปลงระดับสี่นั้น เย่หยวนกลับไม่สามารถหาเส้นทางที่จะทำมันได้เลย

วันนี้เขาจึงคิดที่จะใช้พลังของยอดเต๋าในการช่วยปลดปล่อยภาระนี้ให้เขาในคราเดียว!