บทที่ 600 เขาคือคุณชายเย่ของเรา

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

แม้จะรู้อยู่แล้วว่ากลุ่มคนในโรงแรมมาหาตัวเอง แต่เย่เทียนเป็นคนมีความสามารถจึงใจกล้า มีอย่างที่ไหนจะยอมถอย เขาเดินเข้าไปช้าๆ

และก็จริง การปรากฏตัวของเย่เทียนดึงดูดความสนใจของทุกคนในล็อบบี้อย่างไม่ต้องสงสัย คนกลุ่มใหญ่ล้อมเข้ามาทันที นับดูแล้วไม่น้อยกว่าสี่สิบคนแน่นอน!

เชื่อว่าถ้าเป็นคนที่ขี้ขลาด โดนผู้คนจำนวนมากขนาดนี้ล้อมอาจจะตกใจจนฉี่ราดเลยก็ได้

“เย่เทียน! ในที่สุดนายก็กลับมา!”

เพียงครู่เดียว เงาของผางอานคางก็โผล่ออกมาจากฝูงชน กัดฟันกรอดขณะมองเย่เทียน

น่าเสียดาย ผางอานคางในเวลานี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผล สภาพดูไม่ได้ถึงขีดสุด

ข้างกายผางอานคาง มีชายฉกรรจ์ที่หน้าคล้ายๆกับผางอานคางยืนอยู่ เขาก็คือพี่ชายแท้ๆของผางอานคาง ผางติ้งกั๋ว!

ความจริงแล้ว หลังจากโดนเย่เทียนอัดที่ห้างสรรพสินค้าซินไท่หยาง ผางอานคางก็ใช้อำนาจของตระกูลผางเพื่อหาที่อยู่ของเย่เทียน

แต่เนื่องจากมีตระกูลเซวอยู่ เขาจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร

นี่ไงล่ะ อุตส่าห์รอจนรุ่งสาง ผางอานคางก็รีบไปไปเยี่ยมตระกูลเซว และรู้จากปากของเจ้าบ้านเซว เซวซิ่วเหวินว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของเย่เทียน เขาถึงได้ลากพี่ชายมาแก้แค้นเย่เทียนที่โรงแรม

“อ้าว นี่มันคุณชายผางของเราไม่ใช่เหรอ”

เย่เทียนทำเหมือนไม่เห็นชายฉกรรจ์รอบๆ และถามด้วยรอยยิ้มกว้าง “ทำไมเหรอ หรือรู้สึกว่าบทเรียนเบาเกินไป อยากไปนอนโรงพยาบาลสักครึ่งเดือน?”

“นายเองเหรอที่ทำร้ายน้องชายของฉันถึงสองครั้ง”

ไม่รอให้ผางอานคางตอบอะไร ผางติ้งกั๋วชิงออกตัวก่อน และจ้องมองเย่เทียนอย่างเย็นชา

“เขาเป็นน้องชายของนายเหรอ?”

เย่เทียนแกล้งทำเป็นประหลาดใจ ยื่นมือไปจิ้มผางอานคาง เบ้ปากพลางเอ่ย “มีน้องชายแบบนี้นายนี่ซวยไปแปดชาติจริงๆ!”

“แกพูดจาอะไรวะ ทำปากให้มันสะอาดหน่อย!”

“ไอ้หนุ่ม อย่าคิดว่ามีความสามารถนิดหน่อยแล้วจะโอหังได้ เชื่อมั้ยว่าฉันจะทำให้นายคุกเข่าร้องขอความเมตตา”

“ลองออกไปถามถึงชื่อเสียงของพวกเราโรงฝึกตระกูลผางดูสิ บังอาจว่าร้ายคุณชายรองของเราขนาดนี้ ฉันว่านายอยากตายใช่มั้ย”

สิ้นเสียงเย่เทียน ชายฉกรรจ์รอบๆก็สบถก่นด่าขึ้นมา

“เย่เทียน ไอ้…..”

ขนาดพวกเขายังเป็นแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงคู่กรณีอย่างผางอานคาง เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำ

แต่ไม่รอให้ผางอานคางได้ด่าอะไรด้วยความเกรี้ยวกราด ผางติ้งกั๋วข้างกายเขากลับยกมือห้าม กดสองมือลงเล็กน้อย ชายฉกรรจ์รอบๆหุบปากทันที

“ถึงแม้ฉันไม่รู้ว่าระหว่างนายกับน้องชายฉันเกิดอะไรขึ้น แต่…..”

“นายทำร้ายน้องชายฉันถึงสองครั้ง นี่คือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้!”

ผางติ้งกั๋วมองหน้าเย่เทียนอย่างไร้อารมณ์ พูดด้วยความเย็นชา “ถ้าเรื่องนี้นายอธิบายไม่ได้ ขืนแพร่ออกไปก็กลายเป็นว่าคนตระกูลผางของเรายอมโดนคนอื่นรังแกเอาง่ายๆ หลังจากนี้เราคงไม่มีที่ยืนในเมืองจิน”

“ตระกูลผางของพวกนายมีที่ยืนในเมืองจินหรือไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน!”

เย่เทียนยักไหล่ พูดอย่างดูแคลน “ฉันยอมรับว่าฉันอัดน้องชายนายสองรอบ แต่นายไม่ถามเขาดูล่ะว่ามีครั้งไหนบ้างที่ฉันเป็นฝ่ายลงมือก่อน จะให้ฉันยืนโดนอัดอยู่เฉยๆคงไม่ได้หรอกนะ”

“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่สนใจว่าระหว่างนายกับน้องชายของฉันเกิดอะไรขึ้น แต่นายทำร้ายน้องชายฉัน ก็ต้องชดใช้!”

ผางติ้งกั๋วส่ายหัวเล็กน้อย พูดด้วยใบหน้าหยิ่งยโส “อย่าหาว่าฉันรังแกเลย ขอแค่นายยอมคุกเข่ายอมรับผิดกับน้องชายฉันตอนนี้ ฉันจะปล่อยนายไป!”

“หัวนายโดนประตูหนีบมาเหรอ?”

เย่เทียนหลุดขำ กวาดสายตามองชายฉกรรจ์มากมายที่ล้อมรอบตัวเองอยู่ และพูดด้วยท่าทีเหมือนคนแก่ “เพื่อนเอ๋ย ใช้สมองหมาของนายคิดดีๆสิ คนของนายยืนอยู่ตรงนี้ตั้งเยอะแยะ ฉันเห็นตั้งแต่ไกลแต่ฉันยังเดินเข้ามา นายคิดว่าฉันจะกลัวเหรอ?”

“ฉันยอมรับว่าพวกนายมีกันเยอะ แต่แค่ขยะพวกนี้ทำให้ฉันคุกเข่าไม่ได้หรอก!”

คำพูดของเย่เทียนทำให้บรรดาชายฉกรรจ์รอบๆเดือดดาลขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย พากันตอบโต้อย่างจองหอง

“แกว่าใครเป็นขยะวะ อยากตายใช่มั้ย!”

“คุณชายผาง มัวพูดมากกับไอ้หนุ่มคนนี้อยู่ทำไมครับ กระทืบเลยก็จบ!”

“ใช่แล้วครับ ไอ้หนุ่มนี่โอหังเกินไป ดูก็รู้ว่าวอน”

หน้าตาผางติ้งกั๋วฉายแววโกรธเคืองอยู่แวบหนึ่ง แต่ไม่นานนักก็กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะกดมือลงอีกครั้ง เพื่อหยุดเสียงด่าของชายฉกรรจ์ทั้งหลาย

“ฉันรู้ว่านายาสอบคัดเลือกเข้าทีมสายฟ้าในนามตัวแทนของเจียงหนัน นายอาจจะยังไม่รู้ ตอนนี้ฉันผางติ้งกั๋วเป็นสมาชิกแก๊งมังกรฟ้าอย่างเป็นทางการแล้ว!”

หลังจากทุกคนเงียบ เขาถึงจ้องเย่เทียนและเอ่ยเสียงขรึม “ถ้านายสู้กับฉันโดยไม่เจียมตัว อย่าเบาก็แค่บาดเจ็บจนพลาดการสอบคัดเลือกในปีนี้ อย่างหนักก็เสียชีวิตคาที่!”

“ทีมมังกรฟ้า?!”

เย่เทียนได้ยินแล้วก็มองผางติ้งกั๋วสูงขึ้นในทันใด ไม่คิดว่าเขาจะมีสถานะนี้ด้วย

มังกรฟ้าก็เหมือนกับสายฟ้า เป็นหนึ่งในสามไพ่ตายของประเทศจีน ในเมื่อผางติ้งกั๋วเป็นสมาชิกของทีมมังกรฟ้า เป็นที่ชัดเจนว่าเขามีความสามารถไม่เบา!

“มีอะไรกัน พวกนายอยู่กันเยอะขนาดนี้เตรียมเปิดปาร์ตี้เหรอ?”

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงทุ้มต่ำเปี่ยมบารมีของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นกะทันหันจากหน้าประตู

ทุกคนมองไปตามเสียง ก็เห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งในชุดซุนยัดเซ็นเดินเบียดเข้ามา

ตอนที่พี่น้องตระกูลผางเห็นหน้าคนมาชัดแล้ว ก็อดตัวสั่นไม่ได้ สีหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ

ถ้าเย่ย่งเล่ออยู่ที่นี่ต้องจำได้แน่ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือคนระดับตัวแทนของคุณย่าตระกูลเย่–เย่หลิง

เดิมทีเย่หลิงไม่ได้แซ่เย่ แต่ในระยะเวลาหลายสิบปีที่เขาภักดีต่อตระกูลเย่ จึงได้รับอนุญาตจากคุณย่าตระกูลเย่ให้เปลี่ยนแซ่

ความจริงแล้ว การปรากฏตัวของเย่หลิงทำให้เย่เทียนขมวดคิ้วเป็นปมเช่นกัน แม้ว่าจะไม่เจอกันมาสิบกว่าปี แต่เขาพอจำคนที่ตามหลังคุณย่าอยู่ตลอดเวลาได้บ้าง

เย่หลิงเมินปฏิกิริยาของทุกคน เขาเดินไปอยู่ตรงหน้าเย่เทียนในไม่กี่ก้าว และพูดอย่างนอบน้อม “คุณชายเย่เทียน!”

“อา อาเย่หลิง เรียกเขาว่าอะไรนะครับ”

ภาพที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ส่งผลให้ทุกคนในที่นี้อึ้งกันหมด โดยเฉพาะผางอานคาง ตาเขาเบิกกว้างด้วยความตะลึง หน้าตาเหลือเชื่อ

แม้ว่าเย่เทียนจะแซ่เย่เหมือนกัน แต่เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเย่เทียนจะเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่แห่งเมืองจิน

ความจริง ถ้าเป็นคนที่มีอายุแล้วย่อมรู้ดีว่าเย่เทียนคือลูกที่ถูกตระกูลเย่เนรเทศออกมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน อย่างเช่นเซวซิ่วเหวินและคุณอารองเซว พวกเขารู้จักภูมิหลังของเย่เทียนดี

นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เรื่องเนรเทศลูกหลานไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้ว สมัยนั้นคนหนุ่มสาวยุคนี้ยังเด็ก บวกกับคนตระกูลเย่จงใจข่มเรื่องด้านนี้ลง พี่น้องตระกูลผางจะรู้ได้ยังไง?

“คุณชาย!”

เย่หลิงเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อมองผางอานคาง และกวาดสายตามองชายฉกรรจ์ทั้งหลายในนี้ด้วยท่าทีเกียจคร้าน พร้อมเอ่ยเสียงเย็น “เย่เทียนคือคุณชายตระกูลเย่ของเรา เจ้าหนูทั้งสองของตระกูลผาง พวกนายหาเรื่องคุณชายของเรา คิดจะเปิดศึกกับพวกเราตระกูลเย่หรือไง?!”