บทที่ 599 ปัญหามาหาถึงท

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

รอจนว่านชิงเฟิงสั่งให้คนไปจัดการ รปภ โรงพยาบาลสิบกว่าคนเรียบร้อยแล้ว คนทั้งหมดก็ไม่เสียเวลาต่อ เดินลงไปที่ห้องคนไข้ของตู้เคอหลินชั้นล่าง

“ท่านปู่ว่าน คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ”

เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทำตัวนบนอบกับว่านชิงเฟิง เย่เทียนก็ทนสงสัยไม่ไหวจนเอ่ยถามออกไป

“ได้ดีตามพี่หยู ฉันก็ย้ายมาที่เมืองจินแล้ว”

ว่านชิงเฟิงหัวเราะและอธิบาย “หุ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของโรงพยาบาลนี้ก็คือพวกเราสมาคมแพทย์แผนจีน ผู้อำนวยการคนก่อนเกิดอุบัติเหตุก่อนหน้านี้ เลยให้พี่หยูมาดูแล”

“แต่นายน่าจะพอรู้นิสัยของพี่หยูอยู่ เขาจะดูแลโรงพยาบาลใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไงเล่า ก็เลยลากฉันมาจากเจียงหนัน”

เย่เทียนหัวเราะ ปกติหยูเกาหมิงจะร่อนเร่ไปทั่วประเทศ อิสระจนติดเป็นนิสัยแล้ว จู่ๆจะมากักขังเขาไว้ที่เมืองจิน ไม่มีคนช่วยคงไม่ได้จริงๆ

ทั้งสามคนเดินไปตามทางเดิน ทุกคนสังเกตเห็นภาพนี้หมด จึงอดคาดเดากันเองไม่ได้ว่าเย่เทียนเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงสนิทชิดเชื้อกับผู้ยิ่งใหญ่ทางการแพทย์อย่างหยูเกาหมิงและว่านชิงเฟิง

“ครั้งนี้เถ้าแก่ตู้โชคร้ายจริงๆ ถึงได้พานพบกับตัวเคราะห์ร้ายเช่นนี้”

“ถ้าให้ฉันพูดนะ เถ้าแก่ตู้มีลูกชายอย่างตู้เคอหลินต่างหากที่ถือว่าโชคร้ายจริงๆ”

“เดี่ยวสิ พูดกันมาตั้งเยอะแยะ เจ้านั่นเป็นใครกันแน่ พวกนายมีใครรู้จักมั้ย”

พอถามแบบนี้ ทุกคนมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครรู้ว่าเย่เทียนโผล่มาจากไหนกันแน่

ว่านชิงเฟิงไม่สนใจคำนินทาของคนพวกนี้หรอก เขาโอบไหล่เย่เทียนอย่างไม่แคร์สายตา และถามด้วยรอยยิ้มกริ่ม “ว่าแต่นายเนี่ย มาเมืองจินตั้งแต่เมื่อไหร่”

เย่เทียนยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้ปิดบัง เขาบอกไปตามตรง “เพิ่งมาเมื่อวันครับ มาจัดการอะไรนิดหน่อย อีกไม่กี่วันก็กลับแล้วครับ”

“เสี่ยวเย่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้นายว่างมั้ย”

ทันใดนั้นหยูเกาหมิงก็ส่งเสียงไถ่ถาม “พรุ่งนี้ฉันจะไปร่วมกิจกรรมทางทหารที่สำคัญมาก ถ้านายมีเวลาก็ไปกับฉัน ฉันจะแนะนำเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ให้นายรู้จัก”

“กิจกรรมทางทหารที่สำคัญมาก?”

เย่เทียนผงะ ก่อนจะตั้งสติได้ และเกาจมูกตามสัญชาตญาณ พูดด้วยน้ำเสียงประหลาด “ท่านปู่หยู กิจกรรมสำคัญที่คุณว่านี่คงไม่ใช่งานคัดเลือกสมาชิกทีมสายฟ้าหรอกนะครับ”

“หืม?!”

หยูเกาหมิงไม่คิดว่าเย่เทียนก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน เขาหัวเราะ “นายก็รู้เหรอ ที่มาเมืองจินคราวนี้ก็เพราะเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยล่ะสิ”

“ใช่แล้วครับท่านปู่หยู ที่ผมมาเมืองจินครั้งนี้ก็เพื่องานคัดเลือกในวันพรุ่งนี้จริงๆ”

เย่เทียนอมยิ้ม ไม่ได้บอกว่าตัวเองไปร่วมงานคัดเลือกในฐานะอะไร

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ พรุ่งนี้นายถึงแล้วมาหาฉันหน่อย ถึงตอนนั้นเดี๋ยวฉันแนะนำเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ให้รู้จัก”

หยูเกาหมิงพยักหน้าอย่างใช้ความคิด นึกว่าเย่เทียนเป็นเหมือนตัวเอง เข้าร่วมงานคัดเลือกเพราะถูกจัดให้เป็นเจ้าหน้าที่พยาบาล

นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เขากับว่านชิงเฟิงมาเมืองจินได้สักพักแล้ว ไม่ได้รับผิดชอบสมาคมแพทย์แผนจีนสาขาเจียงหนันแล้ว จึงคิดว่าหัวหน้าสมาคมคนปัจจุบันเป็นคนส่งเย่เทียนมา

ยังไงซะนอกจากเย่เทียนจะเป็นสมาชิกระดับไดมอนต์ของสมาคมแพทย์แผนจีนแล้ว ยังรู้วิชาควบคุมเข็มด้วยชี่ทิพย์ มีสิทธิ์เต็มร้อย!

เย่เทียนได้ฟังก็มองหยูเกาหมิงสูงขึ้นอย่างอดไม่ได้ เขาทำเช่นนี้ ตั้งใจจะปูทางให้ตัวเองชัดๆ

ยังไงซะถ้าได้รู้จักผู้ยิ่งใหญ่ในวงการแพทย์เยอะๆ ต้องเกิดประโยชน์ต่อเส้นทางในอนาคตของเขาแน่นอน

“ถ้าอย่างนั้นผมขอขอบคุณท่านปู่หยูล่วงหน้าเลยนะครับ”

คิดมาถึงตรงนี้ เย่เทียนยิ่งนับถือหยูเกาหมิงมากขึ้นไปอีก

“มาเกรงใจอะไรกับฉัน ตาแก่อย่างพวกเราอายุปูนนี้แล้ว สุดท้ายแล้วอนาคตเป็นของคนหนุ่มสาวอย่างพวกนาย!”

หยูเกาหมิงหัวเราะเสียงใส ก่อนจะเอื้อมมือไปตบไหล่เย่เทียน

“คุณ คุณเป็นอะไรมั้ยคะ”

ทันใดนั้น ไม่รอให้เย่เทียนได้ตอบอะไร เสียงผู้หญิงหวาดๆดังขึ้นด้านหน้า

พอหันไปตามเสียง ที่แท้ทั้งหมดเดินมาอยู่ตรงหน้าห้องคนไข้ของตู้เคอหลินตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ คนที่พูดเมื่อกี้นอกจากพยาบาลสาวที่เย่เทียนช่วยไว้แล้วจะมีใครอีก?!

“คุณดูแล้วผมเหมือนเป็นอะไรเหรอ?”

เย่เทียนอมยิ้ม กรอกตาไปมา หันไปพูดกับหยูเกาหมิง “ท่านปู่หยู สาวน้อยคนนี้เป็นเหยื่อที่โดนตู้เคอหลินรังแก ด้วยนิสัยของตู้เคอหลิน ไม่แน่ว่าหลังจากนี้….”

“นายวางใจเถอะ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”

หยูเกาหมิงจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเย่เทียนกังวลอะไร เขาพูดกับพยาบาลสาว “สาวน้อย ช่วงนี้ฉันกำลังอยากหาผู้ช่วยให้ตาว่าน เธอสนใจมั้ย”

ว่านชิงเฟิงรู้ตัวทันที เอ่ยขึ้นยิ้มๆ “ใช่ๆๆ! สาวน้อย ที่โรงพยาบาลมีเรื่องมากมาย แต่ตาแก่อย่างฉันรับมือไม่ไหวจริงๆ มาช่วยฉันเอามั้ย ฉันรับประกันว่าไม่มีใครกล้าหาเรื่องเธอ!”

“ฉันเต็มใจค่ะ! ฉันเต็มใจค่ะ!”

พยาบาลสาวจะเข้าใจความหวังดีของคนทั้งสองได้ยังไง รีบเอ่ยขึ้นด้วยเสียงขอบคุณ “ขอบคุณท่านปู่หยู ขอบคุณท่านปู่ว่าน”

“เอาล่ะ เธอกลับไปเก็บของใช้ส่วนตัวก่อน เดี๋ยวฉันจะแจ้งฝ่ายบุคลากร สายๆเธอค่อยไปหาตาว่านแล้วกัน”

หยูเกาหมิงโบกมือ เป็นการบอกให้ไป

พยาบาลสาวไม่กล้าว่าอะไรอยู่แล้ว เธอกระโดดโลดเต้นออกไปทันที

เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องดีที่ช่วยให้เธอได้ดีเพราะเคราะห์ร้ายแท้ๆ อีกหน่อยได้อยู่ข้างกายว่านชิงเฟิง เทียบกับพยาบาลสาวตัวเล็กๆของโรงพยาบาลนั้นดีกว่ามากโข!

เรื่องหลังจากนี้เป็นเรื่องง่ายอย่างไม่ต้องสงสัย เย่เทียนลงมือคลายจุดบนตัวตู้เคอหลินด้วยตัวเอง แล้วให้หยูเกาหมิงเป็นคนกลาง ความบาดหมางระหว่างเย่เทียนกับตระกูลตู้ถือว่าจบไป

แน่นอนว่าเป็นเพียงเบื้องหน้าเท่านั้น ส่วนลับหลังตู้เฮิงฉุนจะมีการแก้แค้นมั้ยยังไม่รู้เหมือนกัน

ส่วนตู้เคอหลินโดนเย่เทียนอัดจนกลัวไปหมด เชื่อว่าบทเรียนครั้งนี้หนักพอให้เขาจำ

ได้เวลาอาหารเที่ยง เย่เทียนปฏิเสธคำชวนร่วมทานข้าวของหยูเกาหมิง และออกจากโรงพยาบาล

ไม่ใช่ว่าเย่เทียนไม่ไว้หน้าหยูเกาหมิง แต่หยูเกาหมิงชวนตู้เฮิงฉุนมาด้วย

เขาเข้าใจสิ่งที่หยูเกาหมิงต้องการ คงอยากใช้อาหารมื้อนี้กระชับความสัมพันธ์ของตัวเองและตู้เฮิงฉุน

แต่เย่เทียนรู้ดีอยู่แก่ใจ สำนักกุยอีที่อยู่เบื้องหลังตู้เฮิงฉุนอยู่ภายใ้ต้อำนาจของหย่งเย่ เขาไม่มีวันฉี่ลงกระโถนใบเดียวกับตระกูลตู้หรอก พิธีการแบบนี้ไม่จำเป็นต้องสน

เขากินลวกๆจากข้างนอกพอให้อิ่มท้อง ตอนที่เย่เทียนกลับโรงแรมไปเตรียมงีบกลับพบว่าภายในโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน

ถ้าแค่นี้เย่เทียนไม่ถึงขั้นขมวดคิ้วหรอก โรงแรมมีคนพลุกพล่านเป็นเรื่องดี

แต่ประเด็นอยู่ที่คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นชายฉกรรจ์ตัวล่ำ และสวมเสื้อยืดแขนสั้นกันทั้งหมด ตรงหน้าอกเขียนคำว่า ‘ผาง’ ตัวใหญ่

เย่เทียนใช้นิ้วเท้าคิดยังรู้ว่าคนพวกนี้คงจะเป็นคนของผางอานคาง ที่มารอบนี้คงตั้งใจมาหาเขา…