บทที่ 598 ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยเขาไปเถอะ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“เสี่ยวเย่ เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันรู้สึกว่านายไปที่ไหน ที่นั่นก็จะมีเรื่องมีราวล่ะ”

ใต้การนำของหยูเกาหมิง สิบกว่าคนที่เดินมาพากันเข้ามาหาเย่เทียนและตู้เฮิงฉุน

“ท่าปู่หยู ใช่ว่าคุณไม่รู้จักผมซะหน่อย ผมเป็นพวกเห็นความอยุติธรรมไม่ได้ ต้องเข้าไปยุ่งร่ำไป ที่ไหนมีความต้องการ ผมย่อมไปปรากฏตัวที่นั่น”

เย่เทียนยิ้มเล็กน้อย ทอดสายตาไปที่ตู้เฮิงฉุนด้วยสายตาเปี่ยมความหมาย

โดนเย่เทียนจ้องด้วยสายตาแบบนี้ ความดีใจบนใบหน้าตู้เฮิงฉุนมลายหายไปจนสิ้น อารมณ์ซับซ้อนเต็มหน้าเข้ามาแทนที่ คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนรู้จักกับหยูเกาหมิง

ถึงหยูเกาหมิงจะเป็นเพียงแพทย์แผนจีน แต่เขาไม่ใช่หมอธรรมดา เป็นถึงหนึ่งในสิบแพทย์มือพระกาฬของประเทศจีน ไม่รู้ว่าคนมีอำนาจมากมายขนาดไหนที่ติดหนี้บุญคุณเขา!

นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครทำด้วยเหล็ก ต้องมีช่วงเวลาที่ป่วยอยู่แล้ว ต่อให้จ่ายค่ารักษา ก็ต้องติดหนี้บุญคุณอยู่ดี

ยังไงซะนั่นก็บุญคุณช่วยชีวิตนะ!

อีกอย่าง ต่อให้ตัวเองไม่ป่วย ใครจะรับประกันได้ว่าครอบครัวคนรอบกายจะไม่ป่วย?

พูดง่ายๆก็คือ ต่อให้ไม่พูดถึงความสามารถส่วนตัวของเย่เทียน หากหยูเกาหมิงยืนหยัดจะอยู่ข้างเดียวกับเย่เทียน ตู้เฮิงฉุนไม่กล้าคิดเรื่องแก้แค้นจริงๆ

แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของที่สุดคือหยูเกาหมิงดันเป็นคนที่เขาเชิญมา ความตั้งใจเดิมคือมารักษาแขนขาของตู้เคอหลิน ขืนมีปัญหากับหยูเกาหมิง แล้วลูกชายจะทำยังไง

ต่อให้จะบาดหมาง ต่อให้จะแก้แค้น ก็ต้องรอให้หยูเกาหมิงรักษาลูกชายให้เสร็จก่อน!

“เถ้าแก่ตู้ ไม่ทราบว่าเพื่อนตัวน้อยของผมคนนี้ล่วงเกินอะไรคุณเหรอครับ”

หยูเกาหมิงไม่รู้ว่าตู้เฮิงฉุนคิดอะไรอยู่ เขาสังเกตเห็นสายตาของเย่เทียน นัยน์ตาขุ่นมัวคู่นั้นกวาดมอง รปภ โรงพยาบาลที่นอนหมอบอยู่บนพื้น แล้วจึงทอดไปที่ตัวตู้เฮิงฉุน

ตาของตู้เฮิงฉุนกระตุกเล็กน้อย ความโชคดีที่รู้สึกขึ้นในใจหายไปในทันที และรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาลางๆ พึมพำในใจว่าแย่แล้ว

“ท่านปู่หยู ดูพูดเข้าสิครับ หมายความว่ายังไงที่ผมไปล่วงเกินเขา!”

แต่ไม่รอให้ตู้เฮิงฉุนพูดอะไร เย่เทียนกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน “คนบางคนทำเรื่องไม่ดีที่เขาโมโหกันทั้งบาง แล้วผมบังเอิญไปเห็นพอดีต่างหากครับ”

ตู้เฮิงฉุนแทบจะกระอักเลือดออกมา ด่าเย่เทียนในใจว่าต่ำช้า เขาตั้งใจมาหาตัวเองแท้ๆ แต่บังเอิญไปเห็นเรื่องไม่ดีของลูกชายตัวเองเท่านั้น

“ใช้คำว่าโมโหกันทั้งบางเลยเหรอ”

หยูเกาหมิงหัวเรา พูดกับเย่เทียน “งั้นนายลองบอกมาซิว่านายก่อเรื่องอะไรอีก”

“ท่านปู่หยู ผมยอมรับว่าโมโหกันทั้งบางออกจะเกินไปหน่อย”

เย่เทียนเกาจมูกและพูดเสียงเจื่อนๆ “จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ ก็แค่ลูกชายของเถ้าแก่ตู้ คุณชายตู้ลวนลามพยาบาลสาวของโรงพยาบาลกลางวันแสกๆ แล้วผมบังเอิญไปเห็นพอดี”

“คุณก็น่าจะรู้นิสัยผมว่าร้อนแค่ไหน ตอนนั้นก็เลยไม่พูดพร่ำทำเพลง อัดคุณชายตู้ไปอย่างหนักเลยครับ”

“คุณชายตู้อาจจะกินดีอยู่ดีมานาน ผมไม่ทันระวังจึงตีจนแขนขาของคุณชายตู้หัก เถ้าแก่ตู้ที่เป็นพ่อเลยมาหาผมเพื่อขอคำอธิบาย”

“นี่มัน……”

เย่เทียนพูดอย่างสงบ หยูเกาหมิงก็เข้าใจลับลมคมในในนี้ แต่ยังไงซะเย่เทียนก็หักแขนหักขาของตู้เคอหลิน จนเขาก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี

ยังไงซะไม่ว่าใคร ต่อให้ลูกชายของตัวเองเป็นฝ่ายผิดก่อน แต่โดนคนอื่นหักแขนหักขาแบบนี้ก็ลงโทษหนักเกินไป

ที่สำคัญกว่านั้น ตู้เฮิงฉุนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป หยูเกาหมิงชั่งใจได้ยากว่าการล่วงเกินตู้เฮิงฉุนเพื่อเย่เทียน​​จะคุ้มค่าหรือไม่

“มือพระกาฬหยู ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่นอนครับ”

แต่ไม่รอให้หยูเกาหมิงได้คิดอย่างถี่ถ้วน ตู้เฮิงฉุนที่ตัดสินใจได้นานแล้วก็ส่งเสียงขึ้นมาฉับพลัน “ตอนนี้อาการของลูกชายผมแปลกๆไปครับ ในเมื่อคุณมาแล้ว พวกเราก็รีบไปดูกันเถอะครับ!”

“แปลกๆไป?”

พอเห็นว่าตู้เฮิงฉุนไม่พูดเรื่องที่บาดหมางกับเย่เทียนเลยสักนิด หยูเกาหมิงก็รีบเออออตาม ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “แปลกยังไงครับ”

ตู้เฮิงฉุนมองกวาดสายตามองเย่เทียน ส่ายหัวและยิ้มเฝื่อนๆ “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ ตอนนี้ลูกชายของผมขยับตัวไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ อย่างกับเจ้าชายนิทราเลยครับ”

รู้ทั้งรู้ว่าตัวการอยู่ตรงหน้า แต่ก็จำต้องแกล้งโง่ ความรู้สึกแบบนี้แย่จริงๆ!

“เจ้าชายนิทรา?!”

หยูเกาหมิงผงะ ก่อนจะตั้งสติได้ทันควัน ตอนที่หันไปมองเย่เทียนสีหน้ากลับดีขึ้นมาราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิ

“เสี่ยวเย่ อาการของคุณชายตู้เกิดเพราะนายใช่มั้ย”

เย่เทียนจะยอมรับได้ยังไง เขาพูดด้วยท่าทางน้อยใจ “ท่านปู่หยู คุณปรักปรำผมนะครับ ผมจะไปมีความสามารถขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ หยูเกาหมิงจะไปเชื่อเย่เทียนได้ยังไง เขารู้ดีว่าเย่เทียนมีความสามารถในการฝังเข็มด้วยชี่ทิพย์ จะเปลี่ยนคนปกติให้เป็นเจ้าชายนิทราก็เป็นเรื่องเล็กๆเท่านั้น

แม้ว่าจะรู้ดีแก่ใจ แต่หยูเกาหมิงก็ไม่ได้เปิดโปงโดยตรง เขาส่ายหัว “เถ้าแก่ตู้ คุณลงไปดูลูกชายก่อนนะครับ ผมจัดการเรื่องตรงนี้เรียบร้อยแล้วจะรีบลงไป”

ตู้เฮิงฉุนพยักหน้าเบาๆ รู้ว่าหยูเกาหมิงคงมีเรื่องจะคุยกับเย่เทียน เขาไม่กลัวว่าหยูเกาหมิงจะไม่ตามมา จึงไม่อยู่ตรงนี้ต่อ

หยูเกาหมิงบอกให้ว่านชิงเฟิงไปจัดการ รปภ โรงพยาบาลสิบกว่าคนที่สลบไป ก่อนจะโบกมือใส่เย่เทียนและเดินไปที่มุมหนึ่ง

พอเห็นว่ารอบๆไม่มีใครแล้ว หยูเกาหมิงถึงถามเย่เทียนยิ้มๆ “เสี่ยวเย่ ถ้าฉันเดาไม่ผิด อาการของตู้เคอหลินเป็นฝีมือนายใช่มั้ย”

“ใช่ครับ ผมเป็นคนทำเอง”

เย่เทียนรู้ดีว่าปิดบังหยูเกาหมิงไม่อยู่ จึงพยักหน้าและบอก “แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ ผมแค่สกัดจุดเขา ต่อให้ไม่ไปทำอะไรเขา สักสิบวันถึงครึ่งเดือนเขาก็จะหายเอง”

“นายนี่นะ!”

หยูเกาหมิงหลุดหัวเราะ และเอ่ยเตือน “ตู้เฮิงฉุนไม่ใช่คนธรรมดานะ ถ้าทำให้เขาโมโหเรื่องคงไม่จบง่ายๆ”

“ผมรู้”

เย่เทียนอมยิ้ม “ผมแค่อยากให้บทเรียนกับตู้เคอหลิน เขาจะได้ไม่พึ่งบารมีตู้เฮิงฉุนแล้วทำอะไรตามอำเภอใจ”

“นายหักแขนหักขาของเขา ไม่มีสักสามถึงห้าเดือนเขาไม่มีทางลงจากเตียงได้ บทเรียนนี้ลึกพอแล้ว”

หยูเกาหมิงส่ายหัวอย่างอ่อนใจและเสนอ “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันขอเป็นคนกลาง นายคลายจุดให้ตู้เคอหลิน จะได้ไม่ทำให้ตู้เฮิงฉุนโมโห”

แม้ว่าเขาจะเป็นหนึ่งในสิบหมอมือพระกาฬของประเทศจีน แต่เขาก็ไม่ใช่นักบู๊ ต่อให้เขาคลายจุดได้ก็เปลืองแรงเกินไป สู้ให้เย่เทียนจะดีกว่า

“ในเมื่อท่านปู่หยูพูดแบบนี้แล้ว ครั้งนี้ผมจะปล่อยเขาไปครับ!”

ในเมื่อไต่สวนตู้เฮิงฉุนแล้ว เย่เทียนก็ไม่กัดตู้เคอหลินไม่ปล่อย สู้ให้เกียรติหยูเกาหมิงสักครั้ง เผื่อได้ใช้ประโยชน์ในอนาคต