บทที่ 47 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 47 เพื่อนเก่ากลับมา (2)

ลู่เยี่ยอิ่งหมุนปากกาในมืออย่างเบื่อหน่าย หลังจากที่เห็นอี้เป่ยซีก็แย้มยิ้ม จากนั้นลุกขึ้นแล้วยื่นมือออกไป อีกฝ่ายก็ยื่นมือของตัวเองออกมาอย่างจนปัญญา

“ดีใจมากที่ได้เจอเธออีกครั้ง อี้เป่ยซี” ลู่เยี่ยอิ่งทักทายด้วยภาษาประเทศ U ที่คล่องแคล่ว จับมือกันครู่หนึ่งก็ปล่อยตามมารยาท อี้เป่ยซีฝืนยิ้มให้

“ดีใจที่ได้เจอคุณค่ะ ลู่เยี่ยอิ่ง” อี้เป่ยซีพูดด้วยภาษา C เธอยืนอยู่ด้านข้างโต๊ะประชุม แม้จะรู้ว่าคือความตั้งใจของคนที่นั่งอยู่ อี้เป่ยซีก็ยังแปลด้วยความตั้งใจมาก เสียงที่สดใสสลับไปมาระหว่างสองภาษา

เธอก้มหน้ามองท่าทางมีส่วนร่วมของลู่เยี่ยอิ่งเป็นครั้งคราว เหม่อลอยเล็กน้อย จากนั้นค่อยกลับคืนสู่อาการปกติ แล้วทำหน้าที่แปลของตัวเองต่อไป

ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็เซ็นสัญญากัน ธุระปะปังเสร็จสิ้นแล้ว อี้เป่ยซีจึงถอนหายใจโล่งอก ขณะที่เดินผ่านลู่เยี่ยอิ่งไป จู่ๆ เธอก็เห็นกระดาษบนโต๊ะเขียนตัวเลขจำนวนหนึ่งไว้ชัดเจน ย่างก้าวที่กำลังจะจากไปอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้น

‘ลู่เยี่ยหวา ลู่เยี่ยหวา ฉันอยากให้ตัวเองมีความสามารถในการเรียกหาได้จังเลย’

‘ตอนนี้เธอก็เรียกได้แล้วไม่ใช่เหรอ เธอแค่พูดประโยคเดียว ฉันก็รีบมานี่เลยไม่ใช่เหรอ?’

‘นั่นสิ ไม่ได้หรอก แบบนี้ง่ายเกินไปแล้ว ฉันต้องคิดรหัสเรียกพิเศษ ต่อไปพอนายได้ยินรหัสนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ต้องโผล่มาหาฉันนะ’

‘ก็ได้ งั้นเป่ยซี ฉันก็อยากได้รหัสด้วยได้ไหม รหัสที่ไม่ต้องถูกเธอเรียกทุกครั้ง บางครั้งฉันก็ไม่อยากเห็นหน้าเธอไง’

‘งั้น…ก็ได้ นายอยากได้รหัสอะไร’

‘01080206’

‘เอ๋ หมายความว่าอะไรเหรอ’

‘คิดดูดีๆ’

เธอมองดูตัวเลขบนกระดาษ กำหมัดแน่นจนเจ็บ ลู่เยี่ยอิ่งทำเป็นมองไม่เห็น นั่งทำตัวตามสบายอยู่ตรงนั้น

“อี้เป่ยซี พาฉันเยี่ยมชมมหา’ลัยพวกเธอหน่อยได้ไหม?”

“ได้” เธอหยิบกระดาษจากบนโต๊ะเก็บใส่กระเป๋าตัวเอง

อี้เป่ยซีก้มหน้าเดินนำทางอยู่ด้านหน้า พูดแนะนำบริเวณมหาวิทยาลัยเป็นครั้งคราว ลู่เยี่ยอิ่งหมดความอดทนเล็กน้อย

“แปลกใจไหมว่าทำไมฉันถึงรู้ตัวเลขชุดนี้?”

อี้เป่ยซีไม่ได้พูดอะไร เดินนำหน้าต่อไป

“จะว่าไปฉันก็คิดว่ามันตลกดี เธอรู้ไหมว่าลู่เยี่ยหวามีไดอารี่เล่มหนึ่ง เป็นไดอารี่ที่เกี่ยวกับเขาและยัยเด็กที่เขาชอบ ยัยเด็กน้อย เอามาใช้กับเธอแล้วช่างเป็นการเหยียดหยามคำนี้จริงๆ”

คนที่อยู่เบื้องหน้ายังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ลู่เยี่ยอิ่งพูดต่อว่า “เธอรู้ไหมว่าตัวเลขหมายความว่าอะไร? เธอในตอนนั้นทายไม่ถูก ตอนนี้รับรองว่าเธอก็ทายไม่ถูกเหมือนกัน ใช่สิ หัวใจเธอไม่ได้อยู่ที่เขา จะไปเข้าใจความหมายมันได้ยังไง

เธอต้องไม่รู้อยู่แล้ว เขาเอาตัวเลขนี้สลักไว้บนของขวัญวันเกิดครบสิบแปดปีของเธอ รอจนเธออายุสิบแปด กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตอนนั้นเขาจะยี่สิบหก พวกเธอสองคนก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป

เจ้าโง่นั่น ทำไมถึงนึกว่าการเธอที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะได้อยู่กับเขาตลอดไป เขาไม่รู้เหรอว่าก่อนอายุสิบแปดหัวใจของเธอไม่ได้อยู่ที่เขา หลังอายุสิบแปดหัวใจของเธอจะอยู่ที่เขาได้ยังไง

อี้เป่ยซี เธอเป็นคนใจดำที่สุดที่ฉันเคยเจอมา แม้แต่งูพิษก็เทียบเธอไม่ได้

คนอย่างเธอไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป”

ทันใดนั้นอี้เป่ยซีหันไปร้องลั่นใส่เขา “นายพูดจบแล้วหรือยัง”

“เป็นอะไรไป รับไม่ได้เหรอ?”ทุกน้ำเสียงในคำพูดเต็มไปด้วยการดูหมิ่น

“ฉันไม่อยากร้องขอการให้อภัยจากนาย ลู่เยี่ยอิ่ง ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ฉันเป็นคนผิดตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันก็โทษตัวเอง ฉันก็เสียใจ ฉันก็อยากใช้ชีวิตตัวเองแลกชีวิตของลู่เยี่ยหวากลับมา ฉันถามตัวเองไม่หยุด ถามไม่หยุดเลยว่าทำไมฉันถึงมีชีวิตอยู่ต่อไป ทำไมลู่เยี่ยหวาจากไปแล้วฉันยังอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุข

ฉันเข้าใจได้ นายจะโทษฉันก็ดี เกลียดฉันก็ดี แก้แค้นฉันก็ดี แต่ขอร้องล่ะ ขอร้องนายอย่าว่าลู่เยี่ยหวาอีกได้หรือเปล่า เลิกพูดถึงเขาสักทีได้ไหม” เธอค่อยๆ ย่อตัวลง น้ำตาหยดใหญ่ร่วงลงบนพื้น ทำให้ละอองฝุ่นเล็กๆ เปียกชื้น

ลู่เยี่ยอิ่งก้มตัวลงข้างเธอ ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเช่นเมื่อครู่ “แค่นี้ก็รับไม่ได้เหรอ? แล้วฉันต้องทำยังไง ทุกคืนฉันฝันเห็นพี่ชายฉันนอนจมอยู่ในกองเลือด ทำไมตอนนี้เพิ่งมารู้สึกผิดรู้สึกเสียใจได้? ตอนนั้นที่เธอบอกเลิก ทำไมถึงไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ ตอนนั้นที่พวกเราขอร้องให้เธอมาดูใจเขา ทำไมถึงไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ ตอนนั้นที่เธออยากตายทำไมเธอไม่คิดถึงวันนี้

อี้เป่ยซี ถึงเธอจะไม่ใช่คนชนเขาตาย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เขาก็ไม่ต้องจากไปแบบนี้

เธออี้เป่ยซี ทั้งๆ ที่ในใจมีคนอื่นอยู่แล้ว ยังเอาเขามาเป็นตัวแทน มาเป็นของเล่นอยู่ในมือเธอ เป็นไงบ้าง ความรู้สึกแบบนี้มันสบายมากสินะ พอเบื่อแล้วก็ทิ้งขว้างเขาทันที แล้วผลักเขาไปหาความตายใช่ไหม?

ฉันจะบอกเธอให้นะอี้เป่ยซี ต่อให้เธอกลับไปอยู่ข้างอี้เป่ยเฉินแล้วยังไง เธอนึกว่าสองคนจะได้อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ ไม่มีวันหรอก ตราบใดที่ฉันลู่เยี่ยอิ่งยังอยู่ ฉันก็จะทำให้เธออี้เป่ยซีอยู่อย่างไม่สงบสุข” พูดจบเขาก็จากมหาวิทยาลัยไปด้วยความสง่างาม ปล่อยให้อี้เป่ยซีแอบสะอื้นอยู่ตรงนั้นตามลำพัง

“รั่วเข่อ ตรงนี้ก็คือ…” เพื่อนนักศึกษาข้างๆ ยังคงแนะนำเธออยู่ แต่ฉินรั่วเข่อกลับเขยิบไปข้างคนที่นั่งยองๆ อยู่ เธอยื่นทิชชูหนึ่งห่อให้อีกฝ่าย แต่กลับถูกอี้เป่ยซีปัดกระเด็นออกไป

ฉินรั่วเข่อนั่งยองอยู่ข้างเธอ “ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเสียใจขนาดนี้” เธอต้องการยื่นมือออกไปปลอบประโลมอีกฝ่าย แต่เมื่อมือค้างอยู่ครึ่งหนึ่งกลางอากาศก็ดึงกลับมา “ฉันก็จะอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนเธอ ถ้าเธอร้องไห้เสร็จแล้วยังไม่สบายใจ จะเล่าให้ฉันฟังก็ได้ ถ้าหากฉันทำได้จะช่วยเธอแก้ปัญหาแน่นอน”

อี้เป่ยซีไม่ได้สนใจเธอ ร้องไห้อยู่บนตักของตัวเองต่อไป ฉินรั่วเข่อจึงเอ่ยปากช้าๆ “ถ้างั้นฉันเล่านิทานให้เธอฟังเรื่องหนึ่งแล้วกัน

นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักที่น่าเบื่อ เรื่องราวของมันก็เริ่มต้นจากเรื่องน่าขันระหว่างซินเดอเรลลาผู้ต่ำต้อยกับเจ้าชายทองคำ

ซินเดอเรลล่าไม่ได้มีจิตใจงดงามเหมือนในนิทาน เธอวางแผนเล่นงานเจ้าชายร่วมกับคนอื่น ทำให้เจ้าชายตกเป็นเป้าหมายโจมตี อีกทั้งยังข่มขู่เจ้าชาย ถ้าหากเจ้าไม่รับปากเงื่อนไขของพวกเขา พวกเขาก็จะทำให้ชื่อเสียงเจ้าชายป่นปี้อยู่ในสถานที่ที่น่าขยะแขยงแห่งนั้น

แต่ว่ายังไงเจ้าชายก็คือเจ้าชาย เขาฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดด้วยรัศมีแห่งความเป็นพระเอกของตัวเอง สุดท้ายเขาก็เอาดาบจ่อที่คอของซินเดอเรลลากับคนชั่วพวกนั้น ซินเดอเรลล่าตกใจ ในขณะที่เธอคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย เจ้าชายก็ปล่อยเธอไป และยังช่วยซินเดอเรลลาแก้ไขปัญหาสุดท้ายที่เธอมี ซินเดอเรลลาหลงรักเจ้าชายคนนั้นซะแล้ว

นับตั้งแต่ที่ซินเดอเรลลากลายเป็นหญิงสาวธรรมดาอีกครั้ง ก็ขังเจ้าชายของเธอไว้ในความฝันของตัวเอง ในฝันของเธอจะมีนางฟ้าที่มอบชุดสวยๆ ให้เธอใส่ และได้เต้นรำกับเจ้าชายของเธออย่างสง่างาม”

…………………………..