ตามหาคนร้าย
“พี่จิ้งนี่พึ่งพาได้จริงๆ ขอบคุณที่ช่วยปู่ของผมรวมถึงทุกคนบนเครื่องนั่น ไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนพี่ยังไงดี ในอนาคตถ้ามีโอกาสไม่ว่าพี่จิ้งจะให้ช่วยทำอะไรผมก็ยินดี…” หลิวฉิงบอกซูจิ้งด้วยความตื้นตันใจจนแทบไม่หยุดพูดด้วยซ้ำผ่านสายโทรศัพท์ ใจหนึ่งของเขารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก อีกใจหนึ่งของเขาตอนนี้เห็นซูจิ้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว
เขาเองก็ได้เห็นวิดีโอในอินเตอร์เนตแล้วแหมือนกัน เขาเข้าใจทันทีว่าทำไมถึงต้องเปลี่ยนเส้นทางการบินในตอนนั้น เขาต้องการรีบไปที่เครื่องบินให้เร็วที่สุดและได้เตรียมแผนการช่วยเหลือเครื่องบินไว้แต่ต้นอยู่แล้ว พอนึกถึงตอนที่ซูจิ้งขี่อินทรีย์ทองนั่นทำให้หลิวฉิงใจเต้นทุกครั้งที่นึกถึงจนอยากเลี้ยงบ้างเหมือนกัน
“เฮ้ออออ นายเองขอบคุณฉันเกินไปแล้ว อย่าว่าแต่นายเลยปู่ของนายก็ทำการขอบคุณไปแล้วเหมือนกัน ไม่ต้องใส่ใจมันหรอกน่า ปู่นายก็น่าจะเหนื่อยแล้ว รีบพาไปพักก่อนดีกว่า” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นก็มีใครบางคนโทรหาซูจิ้งเมื่อเห็นว่าเป็นหวังเซียวจึงบอกกับหลิวฉิงไปว่า “พี่เซียวตามตัวแล้วแค่นี้ก่อนแล้วกันไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
“ได้ๆ พี่ไปจัดการธุระต่อเถอะ” หลิวฉิงพูดพร้อมวางสายไป
“พี่เซียว ผมกำลังรอให้โทรหาอยู่เลย” ซูจิ้งรับสายพร้อมพูดตอบออกไป
“ในฐานะตัวแทนตำรวจและประชาชน ฉันต้องขอบใจนายเป็นอย่างมากที่ให้ความช่วยเหลือเราไว้ในครั้งนี้ ฉันเห็นวิดีโอที่นายขี่อินทรีย์ทองไปบนเครื่องบินแล้วนะ เรื่องในครั้งนี้ต้องสร้างความวุ่นวายให้นายมากแน่ๆ ” หวังเซี่ยวพูดออกมาแบบเซ็งๆ
“ก็ดีแล้วน่า ว่าแต่พี่ไม่ได้โทรหาผมด้วยเรื่องแค่นี้จริงๆ ใช่ไหม” ซูจิ้งพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่า รู้ทันฉันจริงๆ ฉันจะคุยเรื่องการติดตามโจรปล้นเครื่องบินนั่นหล่ะ ทางฉันเองได้ติดเครื่องติดตามไว้ในกระเป๋าสามใบนั้นเหมือนกัน แต่พวกมันก็รู้ทันและทำลายเครื่องส่งสัญญาณนั่นไปซะได้ ฉันจำได้ว่านายได้ทำบางอย่างกับกระเป๋าทั้งสามใบแถมยังเคยบอกว่ายังติดตามตัวพวกนั้นได้อีก ฉันก็เลยคิดว่าถ้าอยากจะรีบจัดการกลุ่มโจรนี่ก็คงต้องหวังพึ่งนายนี่หล่ะ พอเคลียเรื่องอื่นเสร็จแล้วก็เลยรีบโทรหานายเลย”
“ผมจะพยายามไม่ทำให้ผิดหวังละกัน” ซูจิ้งกล่าวออกมา
ทั้งสองได้คุยกันอีกนิดหน่อยแล้วได้สรุปกันว่าจะไปเจอกันที่จุดส่งเงินเมื่อตอนนั้น หวังเซียว เจ้าหมิง เฉาเล่ย และหน่วยพิเศษคนอื่นๆ ที่รู้จักซูจิ้งนั้น มารวมตัวกันที่จุดนัดพบ พวกเขาเมื่อเห็นซูจิ้งก็มีความรู้สึกชื่นชมในตัวซูจิ้งอยู่ลึกๆเก็บเอาไว้ในใจพยายามที่จะไม่แสดงออกมาโดยทำให้เหมือนปกติที่สุด เพราะพวกเขาทุกคนต่างเห็นวิดีโอบันทึกเหตุการณ์บนเครื่องบินแล้วทั้งสิ้น
“อาจิ้ง นายจะค้นหาโดยใช้สุนัขพวกนี้รึ ฉันนึกว่านายจะใช้หมาป่าสงคราม(นักรบ)ซะอีก” หวังเซียวดูที่สุนัขทั้งสามของซูจิ้งที่อยู่ข้าง ถึงเขาจะเคยเจอมันมาแล้วและมันก็ดูแข็งแกร่งขึ้นแต่ก็ยังไม่วางใจเพราะว่าตอนช่วยผู้อาวุโสของตระกูลหมาป่าสงครามมีบทบาทอย่างมากเขาเลยเชื่อในความสามารถของหมาป่าสงครามมากกว่า จึงกล่าวออกมาว่า
“ฉันได้ยินมาว่าตอนนายช่วยหวังซวนจี้นายใช้หมาป่าสงครามนี่ มันจะไม่ดีกว่าหรอกหรอ ฉันนึกว่าจมูกหมาป่าสงครามสามารถรับกลิ่นได้ดีกว่าซะอีก เวลาก็นานพอสมควรแล้วมันจะไม่ดีกว่าหรอกหรอ” เจ้าหมิงเอ่ยถามออกมา
“ฮ่าฮ่า อย่าห่วงไปเลยน่า ฉันใส่บางอย่างที่มีกลิ่นเฉพาะตัวไว้ในถุงแล้ว ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน สุนัขของฉันก็สามารถตามไปได้” ซูจิ้งพูดตอบออกมาแต่ความจริงแล้วเขาโกหกเพราะว่าไม่ว่าจะกลิ่นแรงหรือเฉพาะขนาดไหน สุนัขก็ไม่สามารถตามได้ดีขนาดนั้น ต่อให้เป็นหมาป่าสงครามก็ทำอะไรไม่ได้หรอก อย่างไรก็ตามเขาเลือกใช้สุนัขพวกนี้แทนหมาป่าสงครามเพราะมีเหตุผลดีๆอยู่
ทุกๆคนในที่นี้นอกจากซูจิ้งแล้วไม่มีใครสังเกตุเลยว่าบนฟ้ามีบางอย่างคล้ายแมลงตัวหนึ่งลอยอยู่ไม่ยอมบินไปไหน คอยฟังคำสั่งซูจิ้งอยู่เงียบๆ เหตุผลที่เข้าใช้หมาสามตัวนี้ออกมาเพื่อเอาไว้บังหน้าเพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ความสามารถของเจ้าหมาเขียว(แมลงปอ)ของเขาแถมเขาก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงด้วย
ก่อนหน้านี้ซูจิ้งได้แอบใส่ชิ้นส่วนขาของแม่มันไว้ในกระเป๋าทั้ง 3 ใบ มันเป็นวิธีการที่เขาคิดว่าเหมาะสมที่สุดแล้วในการแกะรอย ถึงแม้ว่าหยดเลือดแมลงปอนั้นจะได้ผลดีและสามารถนำเงินกลับมาได้โดยแทบไม่ต้องทำอะไรแต่ขั้นตอนต่างๆ ที่จะได้กลับคืนมานั้นคาดเดาไม่ได้ ซูจิ้งก็เลยฝึกให้แมลงปอในการค้นหาที่ๆ มีชิ้นส่วนของตัวแม่แทนเพราะควบคุมและหวังผลได้ง่ายกว่า
ตอนนี้แมลงปอมีปฏิกิริยาต่อชิ้นส่วนแม่ของมันแล้ว ซูจิ้งเลยรีบบอกทุกคนว่า
“ไปกันเถอะ” ซูจิ้งพูดพร้อมนำสุนัขของเขาขึ้นรถตู้ไป
เจ้าแมลงปอนั้นได้บินนำหน้าไป ส่วนพวกสุนัขก็ออกท่าทางตามคำสั่งพลังจิตของซูจิ้ง แล้วซูจิ้งทำท่าทีเหมือนอ่านปฏิกิริยาของสุนัขแล้วบอกคนอื่นต่ออีกทีว่าต้องไปทางไหนบ้าง ทุกคนที่รู้จักซูจิ้งต่างว่าง่ายไปตามเส้นทางที่ว่าอย่างไม่สงสัยอะไรแม้แต่น้อยเพราะพวกเขาต่างก็คิดว่าจมูกของสุนัขที่ซูจิ้งฝึกต้องดีกว่าสุนัขที่ถูกฝึกจากพวกเขาอยู่แล้ว
“นี่เรามาถูกทางแล้วใช่ไหมครับ เราวิ่งมาเป็นร้อยกิโลแล้วนะ” ตำรวจคนหนึ่งที่ไม่รู้จักซูจิ้งได้เอ่ยถามออกมา
“เอาน่า…. ทำตามที่อาจิ้งบอกไปเถอะ ถึงแม้ว่าฉันจะการันตีไม่ได้แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรจะเสียนี่ ตอนนี้เราก็ยังไม่สามารถเริ่มกระบวนการติดตามแบบปกติได้อยู่แล้ว ถ้ามันได้ผลจริงถือว่าเร็วกว่าวิธีการค้นหาของตำรวจมากเลยนะ” หวังเซียวพูดโดยเจ้าหมิงและเฉาเล่ยเห็นด้วยอย่างแรงกล้าถึงแม้คนอื่นจะทำท่าไม่อยากเชื่อก็ตาม
เพื่อให้การติดตามมีประสิทธิภาพที่สุดเจ้าแมลงปอพยายามบินนำในเส้นทางที่มีถนนเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งขบวนดังกล่าวมีรถตำรวจตามมาด้วยอีกคัน พวกเขาติดตามไปในระยะทางที่นานขึ้นเรื่อยๆ 20 30 50 80 จนกระทั่ง 150 กม. ภายในเวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมง จนทุกคนเริ่มจะไม่ค่อยยากจะเชื่อเหมือนกันเพราะมันไกลจนทำให้เริ่มคิดว่าจมูกของสุนัขของซูจิ้งจะดีขนาดนี้เลยหรอ
“อาจิ้ง นายแน่ใจนะว่าสุนัขของนายดมกลิ่นมาถูกน่ะ มันไกลไม่น้อยเลยนะ” หวังเซี่ยวถามเพราะเริ่มหวั่นๆกลัวเสียหน้า
“อย่าห่วงเลยน่า… สุนัขของผมยังได้กลิ่นอยู่” ซูจิ้งพูดออกมาแบบชิลๆ
หวังเซียว เจ้าหมิง เฉาเล่ย และคนอื่นๆ ถึงแม้จะคิดว่าน่าจะพลาดแล้วแต่ก็ยังคงไปตามทางที่ซูจิ้งบอก พอติดตามแมลงปอไปได้อีกซักพัก ซูจิ้งก็สังเกตุว่าแมลงปอเริ่มลดระดับความสูงลงมาแล้วบินวันไปรอบโรงแรมเล็กแห่งหนึ่ง
“โรงแรมนั้นหล่ะ” ซูจิ้งชี้ไปที่โรงแรมที่อยู่ข้างหน้า
“แน่ใจนะ” หวังเซียวตาส่องเป็นประกายออกมา
“100%..” ซูจิ้งพูดยืนยัน ทุกคนได้ทำการหยุดรถห่างจากโรงแรม แล้วค่อยๆ แอบเข้าไปในโรงแรม
“เจ้าพวกโจรพวกนี้เป็นโจรมืออาชีพและมันพร้อมจะทำอะไรก็ได้ ขอให้ทุกคนระวังตัวอย่างที่สุด อย่าไปเสียท่าพวกมันเป็นอันขาด” หวังเซียวพูดออกมาเมื่อพวกเขาแอบเข้าไปหยุดที่มุมหนึ่งของโรงแรมและ พวกเขามีอาวุธครบมือ พอให้สัญญาณทุกคนรีบเข้าไปจับกลุ่มโจรอย่างรวดเร็วในขณะที่พวกมัน4คนกำลังนั่งกินข้าวอย่างสบายใจ ประกอบด้วยโจรสองคนที่ไปขนเงินมาจากสะพานกับอีกสองคนที่ทำการจี้เครื่องบินโดยมีคนหนึ่งบาดเจ็บในขณะกระโดดร่มลงมา พวกเขายังเจอเงินครบทั้ง 10 ล้านหยวนซึ่งพอตรวจสอบก็พบว่าตัวติดตามพังไปแล้ว
โจรทั้งสี่งงเป็นไก่ตาแตก พวกมันตกลงกันว่าจะแยกย้ายหายกันไปพร้อมเงินในอีกไม่ช้าแต่ไม่คิดว่าจะโดนเจอตัวเร็วขนาดนี้ หวังเซียว เชฉาเล่ย เจ้าหมิง และคนอื่นๆ ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน พวกเขาไม่รู้ว่าจะขอบคุณซูจิ้งยังไงแล้ว หากพวกเขามีทีมค้นหาแบบซูจิ้งรับรองเลยว่าทุกคดีต้องคลี่คลายแบบไม่ทันข้ามคืน ถ้าซูจิ้งไม่ช่วยพวกเขาครั้งนี้แทบไม่อยากจะนึกเลยว่าต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง