เหรียญตราเทวทูต
ในขณะที่ทุกคนกำลังกลับหลังจากจับกุมตัวกลุ่มโจรได้แล้วนั้น ซูจิ้งนั้นเบื่อๆ ไม่รู้จะทำอะไรเขานั้นจึงปิดตาเพื่อแกล้งทำเป็นหลับ พร้อมทั้งได้แอบหยิบเหรียญตราเทวทูตออกมากำไว้ในมือ เหรียญนั้นได้แส่งแสงสีขาวนวลดูศักดิ์สิทธ์ เขานั้นได้ทำการดูดกลืนพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นทันที แต่ซูจิ้งไม่รู้ตัวเลยว่าแสงนั้นจ้าจนทำให้หวังเซียว เจ้าหมิง เฉาเล่ย สังเกตุเห็นแสงที่ปล่อยออกมา มันทำให้ซูจิ้งมีแสงขาวนวลปกคลุมร่างกาย คนที่ไม่รู้จักซูจิ้งดีถ้าได้เห็นต้องคุกเข่าทำความเคารพอย่างไม่ต้องสงสัย แต่กับคนอื่นที่รู้จักซูจิ้งนั้นดีก็คงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ด้วยการที่ก่อนที่จะมีเหตุการณ์จี้ตัวประกันนั้น ซูจิ้งได้ทำการดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์เป็นประจำทำให้พลังงานในห้วงทะเลวิญญาณของเขาเพิ่มมากขึ้นและเข้าใจการทำงานของพลังงานศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นตาม ส่งผลให้เขาเข้าใจในวิธีการทำงานของเหรียญตราเทวทูตเช่นกัน ด้วยเหตุผลเหล่านั้นทำให้เหรียญมีพลังงานมากขึ้น แต่ถึงจะอย่างนั้นซูจิ้งก็ยังประเมินไม่ได้ว่าเหรียญตรามีพลังงานที่แท้จริงอยู่เท่าไหร่รู้แต่ว่าเพิ่มขึ้นมากพอดู
ด้วยการที่พลังงานศักดิ์สิทธ์(พลังวิญญาณ)นี้เป็นสิ่งที่ซูจิ้งต้องใช้เป็นประจำ การดูดซับพลังงานจากเหรียญสำหรับซูจิ้งจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งเหรียญตรามีพลังแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ พลังในห้วงทะเลวิญญาณของเขาก็จะแข็งแกร่งตาม ซึ่งสามารถบอกได้เลยว่าเป็นไพ่ตายของซูจิ้งแน่นอน
ซูจิ้งได้ดูดซับพลังงานจนกระทั่งตัวเหรียญตราได้มีการเปลี่ยนแปลง แสงที่ส่องออกมาค่อยๆสว่างมากขึ้น มากขึ้นจนมันทะลักเข้าไปในห้วงจิตใจของเขา เขารู้สึกได้ทันทีว่าทั่วทั้งร่างกายและจิตใจปลอดโปร่ง โล่งสบายเหมือนมีลมเย็นๆพัดผ่านในขณะที่อาบน้ำท่ามกลางแสงแดดยามเช้า
ในขณะเดียวกันเขาก็ได้มีความเข้าใจในห้วงทะเลวิญญาณของเขามากขึ้นแถมห้วงทะเลวิญญาณยังขยายตัวอย่างไม่คาดคิด ซึ่งปกติพลังศักดิ์สิทธิ์นี้แค่เหมือนแสงฉาบไว้บนผิวห้วงทะเลวิญญาณของเขาเท่านั้นนี่เป็นครั้งแรกที่มันทำให้ห้วงทะเลวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น
ซูจิ้งนั้นดีใจจนไม่ได้สังเกตุเลยว่าตอนนี้ร่างกายของเขาส่องแสงอ่อนๆออกมา เหมือนกับร่างกายของเขามีชั้นแสงเคลือบป้องกันผิวอีกที มันสว่างถึงแม้เล็กน้อยแต่มันก็สว่างพอจะทำให้คนในรถสังเกตุเห็นและจ้องมาที่เขาด้วยความโง่งมว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้บนรถมีคนอื่นอีกสามคนอยู่บนรถ มีเฉาเล่ยเป็นคนขับ ซูจิ้งกับหวังเซียวเป็นผู้โดยสาร และมีโจรอยู่หลังรถ โดยปกติแล้วการขนส่งผู้ร้ายจะไม่มีทางยอมให้คนทั่วไปนั่งรถคันที่ผู้ร้ายอยู่อย่างแน่นอนเพื่อป้องกันการเกิดเหตุไม่คาดฝันและป้องกันการเกิดอันตราย แต่ซูจิ้งไม่ใช่คนธรรมดา ดีไม่ดีคนร้ายซะอีกจะเป็นอันตรายด้วยซ้ำ ความสามารถของเขาเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งแน่นอนอยู่แล้ว
“อาจิ้ง นายยยย…” หวังเซียวเริ่มรู้สึกว่าตัวของซูจิ้งเริ่มส่องแสง เขานั้นจ้องตาไม่กระพริบเพราะเขาทั้งตกใจและประหลาดใจ ทำอะไรไม่ถูก เขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออกเหมือนอยู่ๆเสียงของเขาก็หายไป เหมือนกับเขากำลังซาบซึ้งเมื่อจ้องมองแสงแห่งพระเจ้าก็ไม่ปาน
โจรที่เป็นชายวัยกลางคนเองเมื่อเห็นซูจิ้งในสภาพนั้นก็จ้องตาไม่กระพริบเหมือนกัน ตาของเขายิ่งพล่าเรือนด้วยน้ำตาที่ซึมจนเกือบจะเอ่อล้น เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอาบแสงแห่งดวงอาทิตญ์ที่แผดเผาความผิดบาปในใจจนหมดสิ้น
“อ้ะ”
เฉาเล่ยได้หยุดรถที่ข้างทางพร้อมกับลืมหายใจทันทีกับภาพทีเห็นจากกระจกหลัง ทันทีที่รถหยุดเขาหันไปจ้องซูจิ้งตาไม่กระพริบ เขากลัวซูจิ้งจะเป็นอะไรไปเหมือนกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
“ทำไมรถถึงหยุดหล่ะ” เจ้าหมิงถามผ่านวิทยุสื่อสารทันทีเมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านหน้าต่างมองหลัง
“อา อาจิ้ง” หวังเซียวและเฉาเล่ยไม่รู้ว่าพวกเขาจะอธิบายยังไง ทั้งสองต่างพูดถึงซูจิ้ง เฉาเล่ยเองเมื่อมองแล้วเขามองจนเผลอจ้องจนต้องสะบัดหัวไปมองทางอื่นเพราะคิดว่าตาฝาดไป
“เวรแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับอาจิ้งกัน” คนอื่นในทีมเริ่มสงสัยและรีบเข้าไปที่รถเมื่อได้ยินว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับซูจิ้ง
ทันทีที่พวกเขาเห็นทุกคนต่างตกใจอย่างถึงที่สุด พวกเขาทั้งรู้สึกตกใจ ประหลาดใจ เกรงกลัว จับจ้องไปที่ซูจิ้งอย่างไม่กล้าละสายตา
เหมือนมีอะไรบางอย่างในใจของพวกเขาพุดขึ้นมา
เหมือนมีอะไรบางอย่างพยายามที่จะเปลี่ยนคุณลักษณะบางอย่างในใจของพวกเขา
ไม่นานนักเหรียญตราเทวทูตก็เริ่มผ่อนแสงลงหลังจากที่ถูกดูดพลังงานไปพอสมควรแล้ว แสงบนตัวซูจิ้งเริ่มจางหายไป และกลับสู่สภาวะปกติ ซูจิ้งเองก็เริ่มฟื้นคืนสติทันทีเขาพบว่าตัวเองนั้นสติขาดหายไปชั่วระยะเวลหนึ่ง เขานั้นยินดีเป็นอย่างมากที่ค้นพบอีกความสามารถของเหรียญตรา ตราบใดที่เขาสามารถดูดซับพลังงานไปเรื่อยๆ เหรียญตราเองก็จะพัฒนาตัวเองให้สามารถปล่อยพลังงานได้มากขึ้น พร้อมทั้งมีคุณสมบัติมากขึ้นซึ่งตอนนี้เหรียญได้เพิ่มคุณสมบัติในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับสมองด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ คล้ายกับคุณสมบัติที่ได้จากการฝึกวิถีสู่ความสงบที่ต่างก็ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้พลังจิตของเขา แต่ต่างกันตรงที่วิถีแห่งความสุขสงบนั้นมีโอกาสโดนด้านมืดเข้าครอบงำ แต่เหรียญตราเทวฑูตกลับไม่ส่งผลเสียอะไรเลย
“พวกนายจ้องฉันทำไมเนี่ย” ซูจิ้งเปิดตาขึ้นมาและเห็นว่าตอนนี้ทุกคนกำลังจ้องเขาแบบตาไม่กระพริบจนทำให้เขาเริ่มสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นกับนายกัน” หวังเซียวอดใจไม่ได้จนต้องถามออกมา
“อะไรหล่ะนั่น” ซูจิ้งถึงกับงงกับคำถามนี้
“ตัวนายเหมือนจะส่องแสง เหมือนแสงศักดิ์…” เฉาเล่ยพยายามอธิบายเหตุการณ์
“อ้ออออ เนี่ยน่ะหรอ” สมองของซูจิ้งแล่นทันทีเพื่อหาเหตุผลที่จะอธิบายเขาไม่คิดว่าตอนที่กำลังดูดซับเหรียญจะส่งผลมากขนาดนี้ เขาทำเพียงยิ้มแล้วบอกว่า
“ฮ่าฮ่ามันก็แค่การฝึกตนธรรมดาเอง”
“แค่ฝึกตนธรรมดาก็บ้าแล้ว” ทุกคนอึ้งในคำตอบจนหน้าหงายเงิบ
“พระเจ้า ให้อภัยลูกด้วยยย” โจรที่เป็นชายวัยกลางคนที่นั่งหลังเบาะได้คุกเข่าลงบนพื้นรถ พร้อมวิงวอนขอความเมตตาจากซูจิ้ง ทุกคนที่เห็นถึงกับทำหน้าโง่งมพูดอะไรไม่ออก
โจรคนนี้คือคนที่จี้เครื่องบินและเกือบแทงคนตายบนเครื่องด้วยมีด
จากการสืบสวนของตำรวจพบว่าเขานั้นเคยก่อคดีจนติดคุกและพ้นโทษออกมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาเป็นคนคุกอย่างแท้จริงถึงขั้นที่ว่าต่อให้สาบานว่ากลับตัวกลับใจแล้วก็ไม่มีคนเชื่ออย่างแน่นอน แต่ตอนนี้โจรคนนี้กลับแสดงสีหน้าสำนึกผิดแบบชนิดที่เหมือนคนเกรงกลัวความผิดบาปของตัวเองในขณะที่จะถูกตัดสินโทษจากบาปทั้งหลายในชีวิตจากพระเจ้า ถ้าเขาไม่ได้แสดงความสำนึกจริงๆ บอกได้เลยว่าเป็นนักแสดงชิงรางวัลออสก้าได้แน่นอน
“แกทำอะไรเนี่ย” แม้แต่ซูจิ้งก็ยังตกใจเหมือนกัน
“ผมรู้ว่าผมผิด ผมผิดไปแล้ว ผมจะกลับตัวกลับใจทำความดีละเว้นความชั่วและทำทุกอย่างตามที่ท่านชี้แนะ” โจรคนนั้นยังคงวิงวอนต่อซูจิ้ง
เป็นอีกครั้งที่ทุกคนต่างแสดงท่าทางโง่งมออกมา พอรู้ตัวพวกเขาเองก็คิดเหมือนกันว่าซูจิ้งเป็นนักบุญผู้กำราบมารร้ายกลับชาติลงมาเกิด ไม่เช่นนั้นจะอธิบายเหตุการณ์เมื่อกี้ได้ยังไง ซูจิ้งเองก็เริ่มที่จะทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน เขาได้รู้ความสามารถอีกอย่างของเหรียญตราเทวฑูตแล้ว
ถ้าเขาไม่พูดอะไรเลยเขาก็กลัวว่าโจรคนนี้จะไม่ยอมปล่อยเขาแน่นอน ถ้ามันได้ผลดีขนาดนี้เขาก็ควรจะส่งเสริมอะไรซักหน่อยจึงได้พูดว่า
“ถ้าเจ้าต้องการล้างบาป เจ้าก็ควรเริ่มต้นจากสิ่งพื้นๆอย่างการเข้าไปสำนึกผิดในคุก หลังจากนี้ห้ามทำเรื่องผิดบาปอีก มีโอกาสจงช่วยคนที่เดือดร้อน และหมั่นทำแต่ความดี วันหนึ่ง พระเจ้าจะเห็นใจและยกโทษให้เจ้า”
“ครับ ผมน้อมรับคำของท่าน” โจรในตอนนี้ดูดีขึ้นอย่างกับหลังมือเป็นหน้ามือ เขาซาบซึ้งในคำสอนที่ได้รับอย่างแท้จริง หวังเซียว เฉาเล่ย เจ้าหมิง และคนอื่นๆ ทำได้แค่อึ้งกิมกี่ พวกเขาต่างก็คิดว่าซูจิ้งในตอนนี้คือผู้วิเศษ เสกอะไรก็ได้อย่างนั้น