บทที่ 408 แผนร้ายของปีศาจเงา

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 408 แผนร้ายของปีศาจเงา

ขณะนี้หลิงตู้ฉิงกำลังยืนอยู่ที่ริมสระโลหิตพร้อมกับจ้องมองไปที่ฟองเลือดที่ลอยขึ้นเหนือผิวสระโลหิตอย่างไม่กระพริบตา

เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงยืนอยู่เช่นนี้ ร่างของหลิงเทียนหยุนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็จางลง เนื่องจากในตอนนี้ร่างที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงได้กลายเป็นร่างเงาไปอีกรอบแล้ว ส่วนร่างจริงของเขานั้นได้เข้าไปสู่เงาของหลิงตู้ฉิงอีกรอบเช่นกัน

ในเวลานี้เขาต้องปกป้องความปลอดภัยของพ่อของเขาเอาไว้ก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจริงหรือเปล่าก็ตาม

หลิงตู้ฉิง ในขณะที่ยืนอยู่ริมสระโลหิตอยู่สักพักแล้ว เขาจ้องมองไปที่ผิวสระโลหิต ซึ่งมีฟองเลือดลอยขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา และทันใดนั้นเมื่อเขาเห็นฟองอากาศสองลูกที่เตะตาลอยขึ้นมา ร่างของเขาก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันที

ในระหว่างที่เขาพุ่งตัวบินเข้าไปหาฟองเลือดที่ลอยขึ้น เขาก็ได้ปล่อยกลุ่มควันสีเขียวให้ห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้และเมื่อเขาไปถึงเป้าหมาย เขาก็เอื้อมมือไปวักฟองเลือดที่เป็นเป้าหมายของเขามาไว้ในอุ้งมือ

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงขยับตัว มันก็มีเงาหนึ่งลอยเข้ามาหาเงาของหลิงตู้ฉิง ซึ่งมันก็คือปีศาจเงา

ช่วงเวลาที่ปีศาจเงาพุ่งเข้ามาถึงตัวของหลิงตู้ฉิง มันเป็นเวลาเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงวักฟองเลือดมาไว้ในอุ้งมือ

เมื่อเผชิญหน้ากับการถูกซุ่มโจมตีอย่างกะทันหันเช่นนี้ ปีศาจเงานั้นได้คำนวณไว้ในใจแล้วว่าทางเลือกของเป้าหมายมันในตอนนี้ก็มีอยู่สองทางเลือก ทางเลือกแรกก็คือถอดใจที่จะเก็บฟองเลือดต่อ หรือทางเลือกที่สองรับการโจมตีจากมันที่อยู่ข้างหลังเขาโดยตรง

ซึ่งถ้าหากเป้าหมายของมันรับการโจมตีของมันโดยตรง มันก็มีโอกาสสูงเป็นอย่างมากที่เป้าหมายของมันจะตกลงไปในสระโลหิต ซึ่งใครก็ตามที่ตกลงไปก็จะถูกหลอมละลายสลายหายไปในสระ

ดังนั้นปีศาจเงาจึงใช้โอกาสนี้กำจัดหลิงตู้ฉิง ที่ดูแล้วจะต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดา ซึ่งมันคงไม่สามารถเอาชนะเขาได้หากสู้กันตรง ๆ

ยังไงซะ เมื่อปีศาจเงามาถึงด้านหลังของหลิงตู้ฉิง เงาสามร่างก็พุ่งออกมาจากเงาของหลิงตู้ฉิง เงาทั้งสองได้โผเข้ากอดปีศาจเงารั้งมันเอาไว้แน่น จากนั้นอีกเงาก็ได้เข้ามาสมทบโดยการชกเข้าไปที่ปีศาจเงา จนมันถึงกับกระอักเลือดออกมา

“เป็นไปได้ยังไง? ทำไมเจ้าถึงมีปีศาจเงาติดตามเจ้าได้? แล้วเจ้า เจ้าเป็นบ้าอะไรทำไมถึงต้องช่วยคนนอก!?” ปีศาจเงาตะโกนโหวกเหวกขึ้นด้วยความเข้าใจว่า หลิงตู้ฉิงนั้นมีผู้ช่วยอีกคนเป็น เผ่าปีศาจเงา เช่นเดียวกับมัน

เมื่อตะโกนเสร็จ ปีศาจเงาก็เผยร่างที่แท้จริงของมันออกมาให้ได้เห็น จากนั้นมันก็ปะทุพลังวิญญาณขอบเขตในร่างของมันออกมาทันที และกระแทกร่างเงาทั้งสองของหลิงเทียนหยุนที่กอดมันอยู่ให้ตกลงไปในสระโลหิต

จากนั้นปีศาจเงาก็บินถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเพียงพริบตาที่ด้านหลังของหลิงตู้ฉิงก็มีร่างเงาอีกกว่าโหลปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าหาปีศาจเงา

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ปีศาจเงาถึงกับตกตะลึง ปีศาจเงาที่ติดตามคนผู้นี้มันเป็นใครกันแน่?

แม้แต่ปีศาจเงาระดับสูงก็ไม่มีความสามารถแบบนี้ ไอ้ปีศาจเงาที่ติดตามคนผู้นี้มันเป็นใครกัน ทำไมมันถึงได้มีความสามารถที่ทำได้ถึงขนาดนี้?

สิ่งที่ทำให้มันสบายใจได้สักหน่อยก็คือร่างเงาเหล่านี้ล้วนมีระดับการบ่มเพาะเพียงแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณ ซึ่งมันยังไม่สูงพอจะเป็นภัยคุกคามต่อมันถึงชีวิต

และตราบใดที่มันเห็นว่าร่างไหนถืออาวุธอยู่ มันก็จะรู้ได้ว่าร่างนั้นคือร่างจริง

จากนั้นในบรรดาร่างเงามากมายที่ปรากฏขึ้น ปีศาจเงาก็ได้เห็นว่ามีอยู่ร่างเงาหนึ่งที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตรวมแสงดารา

ความคิดของมันแล่นทันที ร่างเงานั้นต้องเป็นร่างจริงแน่นอน!

เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจ มันก็โคจรพลังวิญญาณของมันแทบทั้งหมด จากนั้นมันก็ยิงลำแสงพลังวิญญาณเข้าใส่ร่างเงาขอบเขตรวมแสงดาราทันที

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่มันมัวแต่สนใจกับร่างเงาขอบเขตรวมแสงดาราอยู่นั้น มันก็ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีร่างเงาอยู่ร่างหนึ่งที่ลอบเข้าไปอยู่ในเงาของมันแล้ว

เมื่อปีศาจเงาใช้พลังวิญญาณของมันจัดการกับร่างเงาขอบเขตรวมแสงดาราเสร็จ มันก็สังเกตเห็นว่าร่างเงาที่อยู่รอบ ๆ ได้สลายหายไปหมด ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมันได้เห็นภาพเช่นนี้ มันก็เข้าใจไปเองว่า ปีศาจเงาที่เป็นผู้ติดตามของหลิงตู้ฉิงได้ตายไปแล้ว มันจึงหัวเราะขึ้นอย่างสะใจ “ความสามารถของผู้ติดตามเจ้านั้นแปลกมาก แต่ต่อให้มันจะแปลกมากยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์! ถ้ามันอยู่ในขอบเขตนภาวันนี้ข้าคงตายไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่มันเป็นแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณ…”

ก่อนที่มันจะได้พูดจนจบประโยค ปีศาจเงาตนนั้นมันก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัว

ไม่เพียงแค่เจ็บที่หัวเท่านั้น มันยังเจ็บหน้าอก เจ็บช่องท้อง ทั้งสามจุดได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ส่งผลให้ร่างของมันค่อย ๆ ร่วงหล่นไปที่สระโลหิต และจากนั้นมันก็ถูกหลอมละลายหายไป

ทางด้านของหลิงเทียนหยุนที่ซ่อนอยู่ในเงาด้านหลังของหลิงตู้ฉิงนั้นก็กระอักเลือดออกมาคำโต

การต่อสู้ครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็ว

และในขณะเดียวกับที่การต่อสู้สิ้นสุดลง หลิงตู้ฉิงก็วักฟองเลือดออกมาได้สองกองจากสระโลหิต และใส่มันลงไปในขวดที่เขาสร้างขึ้นจากวัสดุที่เก็บมาก่อนหน้านี้เพื่อใช้เก็บเลือดเหล่านี้โดยเฉพาะ

จากนั้นเมื่อตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นข้างหลังเขา เขาจึงบินกลับไปที่ริมสระโลหิต จากนั้นจึงช่วยให้หลิงเทียนหยุนออกมาจากเงาด้านหลังของเขาพร้อมกับขมวดคิ้วและมองไปที่หลิงเทียนหยุนสักพักก่อนที่จะพูดว่า “พ่อบอกเจ้าก่อนหน้านี้แล้วว่าพ่อได้สำเร็จร่างเบญจธาตุแล้ว การโจมตีส่วนใหญ่ที่ต่ำกว่าระดับสวรรค์ไม่สามารถทำอันตรายพ่อได้หรอก”

หลิงเทียนหยุนยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อ ที่ผ่านมาท่านดูแลข้ามาเป็นอย่างดีตลอด วันนี้ในเมื่อข้ามีความสามารถพอและถึงแม้ว่าข้าจะรู้ว่าท่านจะไม่เป็นอะไร แต่ข้าก็ทนยืนเฉย ๆ เห็นท่านถูกโจมตีไม่ได้หรอก”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

หวงเซียะ เมื่อเห็นเช่นนี้นางจึงรีบวิ่งเข้ามาและหยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมาแล้วส่งให้หลิงตู้ฉิง “นี่คือโอสถช่วยชีวิตที่แม่ของข้าให้มา รีบเอาให้เขากินเร็ว!”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “อาการบาดเจ็บของเขานั้น ต่อให้เขากินโอสถชนิดนี้เข้าไปมันก็ไม่มีประโยชน์ มันเป็นอาการบาดเจ็บที่ร่างเงาของเขาไม่ใช่กับร่างกาย”

ในขณะที่พูด หลิงตู้ฉิงก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลิงเทียนหยุน เขาสามารถบอกได้ว่าอาการบาดเจ็บของหลิงเทียนหยุนนั้นเป็นผลมาจากร่างเงาที่ถูกทำลายมากเกินไป ร่างเงาเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งของหลิงเทียนหยุนเท่านั้น แต่ถ้าหากร่างเงาเหล่านี้ถูกทำลาย หลิงเทียนหยุนก็จะได้รับบาดเจ็บไปด้วย ซึ่งมันเป็นผลมาจากการที่หลิงเทียนหยุนฝึกฝนวิชาหมื่นเงามายายังไม่ถึงระดับที่เขาสามารถทำให้ร่างเงาของเขาแยกออกจากร่างกายของเขาได้อย่างสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บแบบนี้

หวงเซียะแนะนำว่า “มันไม่สำคัญหรอกว่ามันจะได้หรือไม่ได้ผล เอาเป็นว่าให้เขากินเข้าไปก่อน!”

หลิงตู้ฉิงมองไปที่หวงเซียะ แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่เพื่อไม่ให้นางเสียน้ำใจเขาจึงให้หลิงเทียนหยุนกินโอสถเม็ดนั้นซะ เพราะไม่ว่าจะยังไงมันก็ไม่มีผลเสียอะไรอยู่แล้ว

จากนั้นเขาก็อุ้มหลิงเทียนหยุนขึ้นและพูดกับหวงเซียะว่า “ไปหาที่ที่สงบเพื่อให้เจ้าได้ดูดซับเลือดที่ข้าเอาออกมาให้เจ้าก่อนกันดีกว่า”

จากระยะไกล กลุ่มคนสองกลุ่มที่ยืนดูสถานการณ์อยู่อย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นว่ากลุ่มของหลิงตู้ฉิงได้จากไปแล้ว พวกเขาก็รีบกลับมาที่ริมสระโลหิตกันอย่างรวดเร็ว

“ปีศาจเงานั่นทำไม่สำเร็จงั้นเหรอ?” มีคนถามด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

พวกเขาทุกคนต่างรู้ดีว่าปีศาจเงามีความแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เหตุไฉนที่ความสามารถในการลอบสังหารที่ทรงพลังขนาดนั้น ยังไม่สามารถฆ่าบุคคลประหลาดผู้นั้นได้

“ปีศาจเงาตนนั้นมันตายไปแล้วหรือว่ามันหนีไปกันแน่?” มีคนถามขึ้นอย่างสงสัย

ซึ่งก็ไม่มีใครที่สามารถตอบคำถามนี้ได้

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงปีศาจเงานั่น พวกเรามาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับสระโลหิต!” มีคนดึงความสนใจของทุกคนกลับมา

และเมื่อทุกคนเห็นว่าตอนนี้ที่สระโลหิตนั้นไม่มีฟองเลือดเดือดขึ้นมาอีกแล้ว ทุกคนก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ พวกเขาจะต้องรออีก 500 วันกว่าที่เหล่าฟองเลือดจะเดือดขึ้นอีกครั้ง

“ข้าคิดว่าถ้าพวกเรายังสู้กันเองอยู่แบบนี้ พวกเราทั้งหมดคงจะไม่ได้ประโยชน์อะไรกันหมดทุกคนแน่นอน” มีคนแนะนำว่า “งั้นเอาแบบนี้ ข้าขอแนะนำให้ทุกคนรอก่อน พวกเราทุกคนต้องรอจนกว่าฟองเลือดในสระโลหิตจะปรากฏขึ้นอีกรอบ แล้วเมื่อมันปรากฎขึ้นแล้วพวกเราทุกคนจะลงมือเก็บมันพร้อม ๆ กัน และถ้าหากใครได้ไปแล้วเป็นสายเลือดที่ตัวเองไม่ต้องการ คนผู้นั้นก็จงประกาศหาผู้ที่ต้องการมันและให้ผู้ที่ต้องการนำของล้ำค่าอย่างอื่นมาแลกมันไป แต่ถ้าหากของที่นำมาแลกนั้นไม่ถูกใจผู้ที่เป็นเจ้าของเลือด ข้าก็สามารถเชิญผู้คนจากขุมกำลังอื่นมาลองแลกเปลี่ยนกับเจ้าของเลือดได้ต่อ ซึ่งแบบนี้น่าจะยุติธรรมกับทุกคนมากที่สุด!”

เมื่อได้ยินกฎนี้ ก็มีบางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าล่ะกลัวจริง ๆ ว่าพอถึงเวลาจริง ๆ จะมีคนเล่นไม่ซื่อแอบโจมตีและผลักทุกคนตกลงไปในสระโลหิต”

ทุกคนต่างกลัวปัญหานี้เหมือนกันหมด เพราะว่าหากตกลงไปใน สระโลหิต โอกาสที่คนผู้นั้นจะรอดชีวิตก็เท่ากับศูนย์แน่นอน

“ปัญหานี้แก้ง่ายมาก วิธีการก็คือพวกเราทุกคนมาสาบานต่อเต๋าแห่งสวรรค์กันก่อน เมื่อสาบานกันแล้วหากมีใครกล้าฝ่าฝืน คนผู้นั้นมันจะถูกลงทัณฑ์โดยเต๋าสวรรค์แน่นอน!”

หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มสาบานกันและคุยกันเรื่องเกี่ยวกับการเก็บเลือด

ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงก็ได้นำหลิงเทียนหยุนและหวงเซียะไปถึงพื้นที่อื่นที่อยู่ห่างไกลแล้ว