ช่างทอฝัน?

ผู้หญิงคนนั้นโบกให้คนขับหยุดรถเพื่อหาคนมาช่วยลูกของเธอ ถ้าคนขับรถหยุดเพื่อช่วยเธอ เธอก็จะเข้าไปในรถแล้วตามพวกเขาไปจนกระทั่งพวกเขาไปถึงจุดที่ลูกชายของเธอตาย ขณะที่คนที่ไม่หยุดรถและจากไปทั้งอย่างนั้น เธอก็จะทิ้งบางอย่างที่พิเศษเอาไว้ในรถของพวกเขา เทียบกับเด็กชายที่เปลี่ยนไปเป็นสัตว์ประหลาดแล้ว เธอยังนับว่ามีเมตตา

ด้วยร่างกายของเขาที่ติดอยู่ และดวงตาของเขามองเห็นความตายที่คืบคลานเข้ามาช้า ๆ ร่างกายเล็ก ๆ นั้นถูกไฟกลืนกินไปทีละน้อย และความเจ็บปวดที่ติดตรึงอยู่ในใจของเขา มันเป็นสิ่งที่เขาลืมไม่ลง ดวงตากระจ่างของเขานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังและคั่งแค้น เปลวไฟเต้นยิบอยู่บนผิวของเขา ลามไปทั่วทุกตารางนิ้วบนร่างของเขา ค่อย ๆ เปลี่ยนเขาไปเป็นสิ่งอื่นอย่างช้า ๆ

ความเกลียดชังทำให้เขามืดบอด ทำให้เขาทำลายทุกอย่างที่มองเห็น ใช้ร่างกายของคนพวกนั้นเติมเต็มความหวาดหวั่นระแวงของเขา หากคนที่เข้ามาในอุโมงค์พบเจอกับผู้หญิงคนนี้ ถ้าพวกเขามีเมตตาพอ อย่างมากก็เพียงแค่ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ รถอาจจะพังเสียหาย แต่ส่วนมากแล้วพวกเขาก็หนีออกมาได้โดยยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่า หากเจอเข้ากับเด็กชาย ปลายทางเดียวก็คือความตาย

วิญญาณร้ายที่สุดแล้วก็คือวิญญาณร้าย ความแค้นถักทอเป็นม่านบดบังตาพวกเขา ปิดกั้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของพวกเขา และกลายมาเป็นเหตุผลในการดำรงอยู่ของพวกเขา เฉินเกอฟังเรื่องราวของผู้หญิงและลูกของเธออย่างมีน้ำอดน้ำทน นี่เป็นโศกนาฏกรรมหนึ่งอย่างปฏิเสธไม่ได้ ธรรมชาติของมนุษย์นั้นเป็นสีเทา เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างคนบาปและนักบุญ ในฐานะคนผ่านมาคนหนึ่ง เขาไม่มีสิทธิ์ตัดสินผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรับฟังเท่านั้น

เมื่อไม่มีใครหยุดเพื่อช่วยและลูกชายของเธอก็ติดอยู่ในรถ คนเป็นแม่ก็เลือกที่จะกลับมาอยู่กับลูกของเธอ รอคอยความตาย จากมุมมองของเฉินเกอ เด็กคนนี้เปลี่ยนไปเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง– ความแค้นของเขานั้นเหนือกว่าแม่ของเขามากนักเพราะความละอายและโทษตัวเอง บางทีเขาอาจจะคิดอยู่โดยไม่รู้ตัวว่าเป็นเขาที่ทำให้แม่ของเขาต้องตาย แม่ของเขาคงจะไม่ตายหากไม่เพราะเขา เขาต้องการวิธีการระบายอารมณ์เช่นนี้ออกไป และนั่นก็เปลี่ยนเขาให้ตกลงไปในนรกลึกขึ้น

มีเงาร่างใหญ่โตของแมงมุมปีนป่ายอยู่ด้านบน มันก็คงเป็นการโกหกแล้วหากจะบอกว่าเฉินเกอไม่รู้สึกเศร้า แต่ว่า หลังจากเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว อย่างน้อยที่สุด เขาก็สามารถเข้าใจผู้หญิงที่ในอุโมงค์และลูกชายของเธอที่เปลี่ยนไปเป็นแมงมุมยักษ์ได้ดีขึ้น

“งั้น พวกคุณก็ทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดอย่างนี้นี่เอง” น้ำเสียงของเฉินเกอนั้นราบเรียบ ไม่มีร่องรอยของความสงสาร– อย่างมากที่สุดก็เป็นความเศร้าเล็กน้อยเท่านั้น

“เจ็บปวด? ผมคงพูดอย่างนั้นไม่ได้ ตอนแรก มันอาจจะเป็นความรู้สึกที่ไม่สบายนัก แต่ในที่สุดแล้ว ผมก็ตกหลุมรักความรู้สึกอย่างนั้น ทุกเส้นประสาทถูกมีดลับจนคม เห็นเลือดไหลพรูออกมาจากรอยมีดมากมาย จากนั้นก็แบ่งปันความสุขนี้กับคนมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมชอบสีหน้าของพวกเขาเพราะว่าผมรู้ว่าพวกเขาก็ชื่นชอบผมเหมือนกัน” ร่างกายท่อนบนของเด็กชายเติบโตอยู่บนร่างใหญ่มหึมาของแมงมุม และเขาก็มีรอยยิ้ม ‘ไร้เดียงสา’ อยู่บนหน้า

“ฉันเข้าใจ และอันที่จริง ฉันก็ชื่นชมเธอนะ” สีหน้าของเฉินเกอเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติ และร่องรอยของความไม่สบายใจบนใบหน้าของเขาก็หายไป ในด้านการใจเย็นอยู่ได้ในขณะเผชิญหน้ากับเรื่องกดดันขนาดนี้ ในจิ่วเจียงไม่มีใครเก่งกาจไปกว่าเฉินเกอแล้ว

“คุณชื่นชมผม? ขอโทษทีนะ แต่ว่านั่นมีแต่จะทำให้หนังหัวผมชาหนึบ ดังนั้นได้โปรดระวังคำพูดและการกระทำของคุณด้วย อย่าเข้ามาใกล้ผมเกินไป คุณทำให้ผมรู้สึกไม่ดี” เด็กชายปฏิเสธความตั้งใจดีของเฉินเกอ เขาต้องการกลับออกไปแล้ว “กลับไปที่ที่คุณมา แม่ของผมจะอยู่กับผมเท่านั้น และเธอก็จะไม่ไปไหน”

สัตว์ประหลาดพูดด้วยอารมณ์ร้ายกาจของเด็ก ขัดกับร่างกายน่ากลัวของเขา มันช่างเป็นประสบการณ์อันประหลาดจริง ๆ

“ในเมื่อเธอยืนยันจะให้แม่ของเธออยู่กับเธอ ฉันก็คงไม่บีบบังคับอะไรหรอก แต่เพราะอย่างนั้น เธอช่วยฉันตอบคำถามง่าย ๆ สักสองสามข้อได้ไหม?” เฉินเกอพูดต่อโดยไม่รอคำตอบรับ “ทำไมจู่ ๆ ถึงมีทางแยกอยู่ในอุโมงค์ถ้ำมังกรขาวล่ะ? อุโมงค์ที่ฉันเห็นตอนลืมตากับอุโมงค์ที่ฉันสัมผัสได้ตอนที่หลับตามันต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำไมเป็นอย่างนั้น? หลังจากหลับตา ฉันได้ยินเสียงคน เสียงแตรรถ และมือของฉันยังจับเจอโครงรถได้ แต่ทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงได้หายไปหลังจากฉันลืมตา?”

“คุณมีคำถามเยอะแยะเลยนะ” เด็กชายหมดความอดทน รยางค์หนา ๆ ของเขาเริ่มคืบคลานไปบนผนัง แต่ละการเคลื่อนไหวเกิดเสียงแสกสาก

“ฉันก็แค่อยากรู้”

“ที่นี่มีอุโมงค์สายเดียว ก่อนหน้านี้ ผมดึงคุณเข้าไปในความฝันของผม”

คำตอบของเด็กชายทำให้เฉินเกอประหลาดใจ “ความฝันของเธอ?”

“มันอธิบายยาก ไม่มีใครเคยถามผมอย่างนี้มาก่อน ดังนั้นสำหรับตอนนี้ ก็ใช้คำว่าความฝันมาอธิบายมันแล้วกัน มันเป็นคำที่ใกล้เคียงกับความจริงที่สุดแล้ว” เด็กชายมองมายังเฉินเกอและเขาก็ดูรำคาญ ถ้าไม่เพราะว่าเฉินเกอทำทุกอย่างได้ถูกต้องในการทดสอบของเขา เขาก็คงไล่เฉินเกอไปแล้ว

“ความฝันนั้นอยู่แต่ในใจของแต่ละคน และร่างกายยังอยู่แต่สิ่งที่ฉันเจอก่อนหน้านี้มันต่างไปจากความฝันโดยสิ้นเชิง ฉันไม่เห็น แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจริง นิ้วของฉันสัมผัสมันได้ และหูของฉันก็ยังได้ยิน” เฉินเกอไม่เชื่อว่าเด็กชายจะสามารถถักทอความฝันได้ และยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถดึงคนเข้าไปในความฝันที่ถักทอขึ้นนั้น

“ทำไมคุณถึงมีคำถามมากมายไม่จบไม่สิ้น?” จิตสังหารของเด็กชายเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเห็นว่าเฉินเกอดื้อดึงเพียงไหน แต่เขาก็สามารถข่มมันเอาไว้ได้ “ผมบอกคุณแล้วไง ความฝันนั้นเป็นเพียงแค่ตั้งชื่อให้ ถ้าคุณต้องการ คุณก็สามารถมองว่ามันเป็นพลังในรูปแบบหนึ่งก็ได้ ตราบใดที่พวกเราอยู่ในอุโมงค์นี้ ผมก็สามารถลากทุกอย่างเข้ามาในความฝันของผมได้”

“มันจำกัดด้วยสถานที่ด้วยเหรอ? พลังนี่สามารถใช้ได้แค่ในอุโมงค์นี้เหรอ?” เฉินเกอพูดจุดอ่อนของเด็กชายออกมาต่อหน้า เขาเริ่มก้มหน้าลงคิดไม่สนใจสีหน้าของเด็กชายซึ่งเปลี่ยนเป็นสีเทา

เด็กชายนั้นต่างไปจากวิญญาณสีเลือดทั่วไป เทียบกับวิญญาณสีเลือดแล้ว เขาเหมือนสัตว์ประหลาดมากกว่า ความแตกต่างระหว่างร่างกายท่อนบนและท่อนล่างของเขานั้นดึงดูดความสนใจของเฉินเกอ เมื่อคิดกลับไปถึงก่อนหน้านี้ โลกที่เขาได้สัมผัส เด็กชายที่ติดอยู่ในรถโดยมีร่างกายท่อนบนโผล่ออกมาด้านนอกและท่อนล่างติดอยู่ด้านใน หลังจากเขาเปลี่ยนไปเป็นผีแล้ว ร่างกายท่อนบนของเขาก็ยังคงอยู่ แต่ว่าท่อนล่างนั้นหายไป

ร่างกายท่อนล่างของเขาหายไปไหน? เฉินเกอชะงัก และจากนั้นจู่ ๆ เขาก็นึกถึงบางอย่าง ในฉากระดับสามดาวทุกฉากที่โทรศัพท์เครื่องดำมอบให้ จะมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน– มีประตู! แล้ว ในอุโมงค์ถ้ำมังกรขาวนี่ ประตูอยู่ที่ไหน?

นี่เป็นอุโมงค์สายหนึ่ง และผู้สร้างก็คงไม่ได้สร้างประตูเอาไว้ที่กลางถนนโดยไม่มีเหตุผลใช่ไหม?

มีแค่เมื่อคนผู้หนึ่งจมอยู่กับความสิ้นหวังอย่างที่สุดพวกเขาจึงจะสามารถเปิด ‘ประตู’ ได้ เด็กชายใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของตนเองติดอยู่กับหน้าต่างรถ ร่างของเขาถูกหน้าต่างที่ผิดรูปบดขยี้

ดวงตาเฉินเกอเป็นประกายวาบขึ้น ‘ประตู’ ในอุโมงค์ถ้ำมังกรขาวน่าจะเป็นประตูรถแล้ว!

แต่นั่นก็นำไปซึ่งปัญหาอื่นอีก รถที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้นั้นถูกตำรวจนำไปนานแล้ว ดังนั้น ‘ประตู’ ที่ในอุโมงค์จะยังอยู่ได้อย่างไร?

ด้วยสายตาสงสัย เฉินเกอหันไปมองร่างกายที่ไม่เป็นสัดส่วนกันอย่างไม่น่าเชื่อของเด็กชาย

เป็นไปได้ไหมว่าประตูเติบโตอยู่บนร่างของเขา?

เฉินเกอนั้นตกใจกับความคิดนี้ที่ปรากฏขึ้นในใจเขา ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่างนั้นวิญญาณสีเลือดที่ตรงหน้าเขานั้นก็เป็นสิ่งที่พิเศษเหนือธรรมดา

ประตูสีเลือดที่เคลื่อนที่ได้…..

ถูกเฉินเกอจับจ้อง คิ้วเล็ก ๆ ของเด็กชายก็ขมวดเข้าหากัน เพราะอะไรไม่รู้ เขารู้สึกว่าในดวงตาของเฉินเกอนั้น เขาไม่ใช่สัตว์ประหลาดน่ากลัวแต่ว่าเป็นงานศิลปะหายากชิ้นหนึ่ง