บทที่ 6 บทที่ 18 เส้นปัญหาสามพันเส้น

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 18 เส้นปัญหาสามพันเส้น Ink Stone_Fantasy

 

ตอนเย็นลั่วชิวทำกับข้าวและนั่งดูทีวีอยู่ในห้องโถงเช่นเคย

ส่วนรองบรรณาธิการเริ่นของพวกเราก็เลิกงานเปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทางพ่ายแพ้

 “ฉันกลับมาแล้ว…”

เริ่นจื่อหลิงลากเสียงยาวเดินเข้ามาเหมือนกระดูกเอวหัก เพิ่งมาถึงหลังโซฟาก็ล้มลงไปพาดตัวจากหลังโซฟาไถลตัวลงไปบนโซฟา

เธอหันมองลั่วชิวด้วยสีหน้าซูบซีดเหมือนซากร่างที่แห้งเหี่ยว

นี่ทำให้ลั่วชิวรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะกับการฝึกยิมนาสติกมาก…เป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างยากต่อคนทั่วไป

 “ฉันกลับมาแล้ว…” เริ่นจื่อหลิงพึมพำออกมาอีก

 “อืม” ลั่วชิวพยักหน้า

 “แค่นี้เอง?” เริ่นจื่อหลิงผุดลุกขึ้นมา ก่อนนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม เบิกตาโตจ้องมอง “หมดแล้ว?”

 “หมดแล้ว” ลั่วชิว…เจ้าของสมาคมลั่วพูด

เริ่นจื่อหลิงรู้สึกเศร้าอยากจะร้องไห้ “เฮ้ ฉันสัมผัสไม่ได้ถึงความอบอุ่นของครอบครัวเลย…ฉันจะ ฉันจะหนีออกจากบ้าน!”

ลั่วชิวยกโทรศัพท์ขึ้นมา

เริ่นจื่อหลิงรู้สึกแปลกใจจึงพูดว่า “เธอจะทำอะไร?”

 “คุณจะหนีออกจากบ้านไม่ใช่เหรอ” ลั่วชิวพูดอย่างมีเหตุผลว่า “ถึงยังไงก็ไปกินฟรีอยู่ฟรีที่บ้านอาหม่าทุกครั้ง ผมจะโทรไปแจ้งสักหน่อย ให้อาซ้อจัดห้องไว้ให้คุณ ตอนไปถึงจะได้ไม่เสียเวลา”

 “…”

เริ่นจื่อหลิงรู้สึกสิ้นหวังไปชั่วขณะ ปิดปากล้มลงไปบนโซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยาก “เธอสร้างความเสียหายให้ฉันหมื่นจุดแล้ว ฉัน…ใกล้จะตายแล้ว…เทศกาลเชงเม้งปีหน้า…เธอคงต้องจุดธูปเพิ่มอีกหนึ่งดอก…อา”

ลั่วชิวดื่มน้ำอึกหนึ่งแล้วพูดว่า “กินเสร็จอย่าลืมล้างถ้วยก่อนตายด้วย”

เริ่นจื่อหลิงเบิกตากว้าง ถามอย่างกระตือรือร้นว่า “ทำอะไรกินงั้นหรือ?”

 “ซุปเกี้ยว”

 “ว้าว! อันนี้ดี!”

เริ่นจื่อหลิงยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นมาจากโซฟาพุ่งตัวไปหน้าโต๊ะกับข้าวเหมือนพวกป้าๆ วิ่งแข่งกันไปแย่งของในห้าง “หิวแทบตาย! ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน! หลีจื่อตัวดี ดันมาลากะทันหัน! ทำเอาฉันวุ่นวายไปหมด!”

ทันใดนั้นลั่วชิวก็ยืนขึ้นมา “ผมจะออกไปซื้อของสักหน่อย”

เริ่นจื่อหลิงชะงัก เห็นลั่วชิวไม่พูดอะไรเปลี่ยนรองเท้าเปิดประตูออกไป

 “ดึกขนาดนี้ยังออกไปอีก? ซื้ออะไรกัน? ฉันยังต้องรอเธอกลับมาไหม?” เริ่นจื่อหลิงถือชามเดินไปถึงหน้าประตู ได้ยินเพียงเสียงปิดประตูจึงอดพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “ท่าทางลับๆ ล่อๆ…รสชาตินี้ไม่เลว”

ซูดดด

เสียงดื่มน้ำซุป

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลั่วเพียนเซียนเห็นเจ้าของสมาคมสวมชุดลำลอง

ในตอนที่เงาร่างของเขาปรากฏขึ้นในห้องโถงของสมาคม ปีศาจผีเสื้อน้อยก็รู้สึกเหมือนภาพลวงตา…เขาดูเหมือนคนธรรมดาเลย

เงียบ แต่ไม่มีความรู้สึกลึกลับและแปลกประหลาดของการเป็นเจ้าของสมาคมแห่งนี้

แต่ลั่วเพียนเซียนก็คิดในทันทีว่านี่จะต้องเป็นภาพลวงตาของตนเองอย่างแน่นอน

เพราะในตอนที่เธอสบตากับเจ้าของสมาคมนั้น เธอก็รู้สึกชัดเจนอีกครั้งถึงความรู้สึกที่ไม่เป็นจริง…นี่เป็นโลกอีกโลกหนึ่ง

ไกล ห่างไกลมาก

เมื่อเห็นเจ้าของสมาคมปรากฏตัว คุณหนูสาวใช้ที่กำลังเสิร์ฟน้ำชาก็รีบวางถาดลง พยักหน้าเล็กน้อยให้กับลั่วชิว “นายท่าน คุณหนูเพียนเซียนพาลูกค้าท่านหนึ่งมา…ท่านนี้คือคุณหนูซูจื่อจวิน”

ลั่วชิวพิจารณาดูซูจื่อจวินที่นั่งอยู่อีกข้าง

เป็นเด็กสาวที่อายุไม่มากนักประมาณสิบห้าสิบหกปี สวมชุดกระโปรงยาวสีดำแดง

สำหรับสีผิวนั้นค่อนข้างผิดปกติ…เหมือนไม่ได้ถูกแสงอาทิตย์มาเป็นเวลานาน

เวลานี้ เมื่อลั่วเพียนเซียนเห็นลั่วชิวเดินมาก็รีบยืนขึ้น พูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิดว่า “ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย ฉันมารบกวนเจ้าของสมาคมอีกแล้ว!”

ลั่วชิวยิ้มเอื้อมมือไปแตะคางของตนเอง อมยิ้มเอ่ยว่า “ยังเจ็บปากอยู่ไหม?”

 “อา…” ลั่วเพียนเซียนหน้าแดงขึ้นชั่วขณะ ยื่นมือออกไปปิดปากของตนเอง พึมพำว่า “ไม่เจ็บแล้ว ไม่เจ็บแล้วค่ะ…”

เมื่อเห็นดังนี้ ซูจื่อจวินก็ขมวดคิ้วขึ้นทันควัน พูดว่า “เด็กน้อยนั่งลง พวกเราเป็นแขก ไม่ต้องขอโทษอะไรใคร ในเมื่อที่นี่เป็นสถานที่ทำการค้าขาย ก็ต้องให้พวกเขามาดูแลต้อนรับ”

ลั่วเพียนเซียนขยับริมฝีปาก…ไม่รู้ว่าจะต่อคำพูดของพี่จื่อจวินอย่างไรดี

 “นั่งลงเถอะ” ลั่วชิวยิ้มและพูดว่า “คุณหนูท่านนี้พูดไม่ผิด พวกเราควรเป็นผู้ดูแลต้อนรับจริงๆ”

ลั่วชิวนั่งลง “ไม่ทราบว่าทางร้านเรามีตรงไหนที่ดูแลไม่ทั่วถึงหรือไม่? คุณหนูซูจื่อจวิน”

ซูจื่อจวินหรี่ตาและหลุบตาลงทันที พูดขึ้นว่า “ชาเหล่านี้ก็เอามาต้อนรับคนได้อย่างนั้นหรือ? เป็นของอะไรกัน?”

คุณหนูสาวใช้ที่รับผิดชอบเรื่องชายืนนิ่งเงียบอยู่ข้างเจ้าของสมาคมลั่วเหมือนกับไม่ได้ยินก็ไม่ปาน

นายท่านไม่ได้โมโห เธอก็ไม่โมโหเช่นเดียวกัน

 “ถ้าอย่างนั้น…” ลั่วพยักหน้าแล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าชาแบบไหนถึงจะทำให้คุณชอบได้?”

 “เลือด” ซูจื่อจวินหรี่ตาลง ในดวงตามีสีแดงเข้มวาบผ่าน ยิ้มเยาะและพูดว่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือดของเด็กทารกหญิงที่อายุเพิ่งได้เดือนเต็มเกิดวันที่สิบสี่ยามจื่อตามปฏิทินจันทรคตินั้นดีที่สุด ที่นี่ของพวกนาย…”

เธอเบิกตาขึ้นเล็กน้อย มองตรงเข้าไปในดวงตาที่สงบนิ่งของลั่วชิวและพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “…มีไหม?”

ตอนนี้ลั่วเพียนเซียนลอบยื่นมือไปดึงมุมเสื้อของซูจื่อจวินที่ใต้โต๊ะ แต่ดูเหมือนสาวน้อยครึ่งผีดิบจะไม่รู้สึกอะไร ยังคงยิ้มเยาะพูดว่า “ทำไม? ไม่มีงั้นหรือ?”

 “คุณหนูจื่อจวิน วันที่สิบสี่เดือนเจ็ดตามปฏิทินจันทรคตินั้นผ่านมาได้สักระยะแล้ว” ลั่วชิวไม่ทั้งพยักหน้าและส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”

ซูจื่อจวินพูดอย่างเรียบเฉยว่า “เอ๋? งั้นหรือ? พูดกันว่าที่นี่สั่งอะไรก็ได้…ที่แท้ก็เป็นแค่พวกต้มตุ๋นหลอกลวง”

ลั่วชิวพูดว่า “เลือดที่คุณหนูจื่อจวินพูดถึงนี้ไม่ใช่ของที่ทางร้านเอาไว้รับรองแขก แต่หากคุณหนูจื่อจวินต้องการดื่มจริงๆ ก็สามารถซื้อได้ ผมขอแนะนำให้คุณซื้อ”

 “ขายเท่าไร?” ซูจื่อจวินหรี่ตาแล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้ราคา นายเสนอราคามา ฉันจะจ่ายให้เดี๋ยวนี้”

ลั่วชิวมองลั่วเพียนเซียนที่มีสีหน้าลำบากใจแวบหนึ่งแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นถึงได้มองซูจื่อจวินที่อยู่ตรงหน้า

ความรู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างลูบคลำทำให้ซูจื่อจวินขมวดคิ้วอย่างไม่สบายตัวขึ้นชั่วขณะ

แต่ในตอนนี้กลับได้ยินลั่วชิวพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นขอให้คุณหนูจื่อจวินดึงเส้นผมออกมาหนึ่งเส้นเป็นของแลกเปลี่ยนสำหรับเครื่องดื่มพิเศษแก้วหนึ่งแล้วกันครับ”

เส้นผม? ผมแค่หนึ่งเส้น?

ลั่วเพียนเซียนเบิกตากว้าง ดูเหมือนจะเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าเส้นผมก็สามารถใช้แลกเปลี่ยนได้?

ผีเสื้อน้อยมองเจ้าของสมาคมลั่วด้วยดวงตาเปล่งประกาย

เจ้าของสมาคมลั่วหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ผมของเธอซื้อตราหยกสีขาวอันนั้นของเธอคืนไม่ได้”

 “เอาเถอะ…”

ลั่วเพียนเซียนก้มหน้าลงอย่างผิดหวังไปชั่วขณะ…

รอเดี๋ยว ความคิดเล็กๆ น้อยๆ ก็ถูกเขามองออก!

 “เส้นผม?” ดูเหมือนซูจื่อจวินก็คาดไม่ถึงว่าจะได้คำตอบเช่นนี้จึงขมวดคิ้วแน่นขึ้น “เหตุใดถึงเป็นเส้นผม?”

 “เส้นปัญหาสามพันเส้น หนึ่งเส้นก็หนึ่งปัญหา เส้นผมก็มีมูลค่าของมัน” ลั่วชิวพูด “เส้นผมเส้นหนึ่งของคุณหนูจื่อจวินทุ่มเทหนึ่งชีวิตให้ใครสักคน แน่นอนว่าเป็นสิ่งล้ำค่า แต่มันล้ำค่าเกินไป ดังนั้นหนึ่งเส้นก็พอแล้ว”

 “นาย…”

ซูจื่อจวินยืนขึ้นมาอย่างกะทันหัน เท้าเปลือยเปล่าของเธอลอยขึ้นจากพื้น เส้นผมตรงสยายออก พลังปีศาจสีแดงเข้มไหลวนรอบตัวเธอเหมือนน้ำปรอท แต่สีแดงในดวงตาของเธอกลับยิ่งเข้มขึ้น “นายกล้ามาก”

เมื่อเผชิญหน้ากับซูจื่อจวินที่กำลังโมโห ลั่วชิวเพียงโบกมือให้คุณหนูสาวใช้ที่ขยับตัวสงบลง จากนั้นถึงพูดขึ้นว่า “คุณหนูจื่อจวิน อย่าทำให้นางกลัวได้ไหมครับ?” ลั่วชิวมองไปยังลั่วเพียนเซียน

ซูจื่อจวินก็มองไปทางลั่วเพียนเซียนโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นลั่วเพียนเซียนที่เดิมทีก็หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งซีดจนน่ากลัวเข้าไปอีก ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย ดูเหมือนคิดจะพูดอะไร ท่าทางเจ็บปวดแต่ก็ยังกัดฟันอดทน

เธอถูกพลังปีศาจอันน่ากลัวบนร่างของซูจื่อจวินกดดัน

ซูจื่อจวินสูดหายใจเข้าลึกๆ เส้นผมตกลงอีกครั้ง เท้าตกลงพื้น กลับคืนสู่ภาพลักษณ์ตุ๊กตาจีนเหมือนเดิม พูดว่า “ฉันไม่ดื่มแล้ว ยุ่งวุ่นวาย”

 “ไม่ทราบว่าคุณหนูจื่อจวินยังต้องการอะไรอีกไหม?” ลั่วชิวถาม

ซูจื่อจวินมองลั่วชิวและพูดว่า “ได้ยินว่าที่นี่ไม่ใช้เงินทองของโลกปัจจุบันแลกเปลี่ยน นอกจากนั้นแล้วก็รับทุกอย่าง ใช่ไหม?”

 “ถูกต้อง”

ซูจื่อจวินพยักหน้า พูดทันควันว่า “เพียนเซียน ฉันกับเจ้าของสมาคมมีเรื่องจะคุยกันเป็นการส่วนตัว เธอไปหาที่รอก่อนเถอะ”

 “หือ?” ลั่วเพียนเซียนชะงัก แต่เมื่อมองเห็นท่าทางที่แน่วแน่ของซูจื่อจวินแล้วก็พยักหน้า

โยวเย่หัวเราะขึ้นในตอนนี้และพูดว่า “คุณหนูเพียนเซยน ไปห้องครัวเป็นเพื่อนฉันได้ไหม? ฉันจะทำของว่างให้ทาน”

ในที่สุดก็เหลือเพียงเจ้าของสมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ดคนใหม่กับสาวน้อยที่มีที่มาลึกลับคนนี้ตามลำพัง

ลั่วชิวและซูจื่อจวิน