ในขณะที่หญิงสาวสองคนกำลังพูดคุยเรื่องปัญญาหน้าอกอันหนักอกอย่างออกรสออกชาติ ตี้อู่เฮ่ออีก็กำลังถูกซย่าโหวฉิงเทียนพูดจาวกไปวนมาจนงงงวยไปหมด
“ท่านพี่ซย่าโหวท่านต้องการจะถามอะไรกันแน่”
มองดูซย่าโหวฉิงเทียนที่เอาแต่หน้าแดงแปร๊ด ตี้อู่เฮ่ออีก็เริ่มเหนื่อยใจ
“ท่านไม่ใช่มีเรื่องอยากจะถามข้าหรอกหรือ”
แล้วยังพิรี้พิไรอยู่เป็นนานไม่พูดอีกเล่านี่มันไม่ใช่วิสัยของท่านสักหน่อย!
“ก็เรื่อง ข้าต้องการถามเจ้าว่า เอ่อ…”
ซย่าโหวฉิงเทียนเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากเรื่องนี้ออกไปอย่างไร
อ้ำอึ้งอยู่นาน ในที่สุดซย่าโหวฉิงเทียนก็ควักภาพๆ หนึ่งออกมา
ตี้อู่เฮ่ออีเปิดภาพนั้นดู ฉับพลันใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ
โอ้โหสหายที่รัก! กลางวันแสกๆ ถือชุนกงถูเดินไปเดินมาไปจนทั่ว สมแล้วที่เป็นท่านพี่ซย่าโหว!
เรื่องการแต่งงานของซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียน ตี้อู่เฮ่ออีรับทราบแล้ว ดังนั้นการที่เขาพกชุนกงถูติดตัวไปทุกที่เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
เรื่องที่ควรรู้ก่อนแต่งงานสำคัญสำหรับชายหนุ่มทุกคนยิ่งนัก!
“ข้าเพียงแต่อยากรู้ว่า ในขณะที่ฝึกร่วมนั้น ฝ่ายหญิงจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่”
“ฝึกร่วม”
ตี้อู่เฮ่ออีงงงวยอยู่พักใหญ่กว่าจะเข้าใจว่าซย่าโหวฉิงเทียนต้องการจะซักถามเรื่องเกี่ยวกับการ่วมหอนั่นเอง ดังนั้นเขาจึงกลายร่างเป็นผู้เชี่ยวชาญในทันที
“ท่านพี่ซย่าโหว หากดำเนินการในรูปแบบปกติ ฝ่ายหญิงจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ท่านคิดดูสิ ผู้หญิงสามารถคลอดลูกทั้งคนออกมาได้ จึงจะต้องมีแรงยืดหยุ่นมากอยู่แล้ว ดังนั้นมันไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก”
“เด็กเปรต”
ซย่าโหวฉิงเทียนใช้มือวาดกลางอากาศเพื่อเทียบขนาด
เอาเถอะ เด็กทั้งคนย่อมต้องใหญ่กว่าของเขาอยู่แล้ว!
“แต่ว่าก็มีในกรณีพิเศษ!”
เมื่อได้ยินว่ามีกรณียกเว้น ซย่าโหวฉิงเทียนก็เริ่มจริงจังขึ้นมาทันที เขารับฟังความรู้ที่ตี้อู่เฮ่ออีจะถ่ายทอดให้อย่างตั้งใจ
แต่ทว่า หลังจากที่ฟังบรรยายจบ สีหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
เมื่อครู่ตี้อู่เฮ่ออียกตัวอย่างให้ซย่าโหวฉิงเทียนฟังว่าเคยมีเจ้าสาวคนหนึ่งถูกเจ้าบ่าวปฏิบัติต่อนางอย่างรุนแรง หลังจากที่กระทำจนเยื่อนั้นทะลุแล้วยังสอดใส่ซ้ำไปซ้ำมาหลายต่อหลายครั้ง จนสุดท้ายเจ้าสาวก็เสียเลือดมากจนตาย
ซึ่งหลังจากที่ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวจบก็พบว่าซย่าโหวฉิงเทียนตกอยู่ในภาวะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาจึงรีบปลุกปลอบให้กำลังใจว่า
‘กรณีเช่นนี้เป็นส่วนน้อยมาก! ทั้งแม่นางอวี้เองก็เป็นหมอ นางย่อมรู้ดีอยู่แล้ว’
เมื่อกล่าวจบ ตี้อู่เฮ่ออีเองก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาไม่น้อย
เขาเองก็เป็นชายบริสุทธิ์คนหนึ่ง การที่ต้องมาพูดเรื่องการร่วมหอให้ชายอีกคนหนึ่งฟัง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ดังนั้นการมีความสุขสมร่วมกันของชายหญิงแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรนั้น เขาก็ไม่ได้ล่วงรู้ชัดเจน เข้าใจไหม!
ท่านพี่ซย่าโหวอย่าทำให้ข้าลำบากใจอีกเลย!
มองดูชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสี่คนแล้ว ก็ทำให้เหลียนจิ่นทอดถอนใจออกมา
‘พวกเขาต่างก็มีคู่กันหมดแล้ว’
น้ำเสียงของเหลียนจิ่นเหงาหงอยเศร้าสร้อย นางจะแต่งงานแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่ใช่เขา…ความรู้สึกนี้ ช่างเจ็บปวดใจเหลือเกิน
ในตอนนั้นเอง มั่วซางก็ปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของเหลียนจิ่น แล้วตบที่ไหล่ของเขาเบาๆ
“เฮ้ย!”
พฤติกรรมนี้ ทำเอาเหลียนจิ่นกระอักกระอ่วนขึ้นมาทีเดียวเชียว
“เสี่ยวมั่ว ขอบคุณเจ้ามากนะ! เจ้าเป็นที่พึ่งของข้า รีบไปฝึกวิชาเร็วเข้า!”
“ได้!”
มั่วซางพยักหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา ยกดาบขึ้นมาแล้วรีบเร่งไปฝึกวิชาอีกด้าน
‘เขาจะปกป้องเหลียนจิ่น จึงต้องตั้งใจฝึกฝนให้มาก!’
ไม่เช่นนั้นเมื่อไปถึงที่เมืองอู๋โยว หญิงสาวที่แข็งแกร่งกว่าเขาจะแย่งเอาเหลียนจิ่นไป
เขาไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด!
หลังจากซย่าโหวฉิงเทียนและตี้อู่เฮ่ออีพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนก็เดินกลับมา
ซย่าโหวฉิงเทียนตรงเข้าไปสวมกอดอวี้เฟยเยียนก่อนเป็นอันดับแรก
“เป็นอะไรไป”
อวี้เฟยเยียนเกิดอาการงงงวยไม่น้อยกับอารมณ์ที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปของซย่าโหวฉิงเทียน
“พี่ไม่อยากให้เจ้าบาดเจ็บ…”
เมื่อหวนนึกถึงวันนั้น แววตาของอวี้เฟยเยียนตื่นตระหนก รวมกับเรื่องที่ตี้อู่เฮ่ออีเล่าให้ฟังในวันนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
ถึงแม้ตนจะไม่ใช่บุคคลในเรื่องที่ตี้อู่เฮ่ออีเล่ามา แต่แมวน้อยที่ตัวเล็กบอบบางเช่นนี้ หากนางบาดเจ็บขึ้นมาจะว่าอย่างไร
“เจ้าทึ่ม เจ้าพูดอะไรกับเขากันแน่”
แม้กระทั่งเชียนเยี่ยเสวี่ยเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ จึงกล่าวถามตี้อู่เฮ่ออีด้วยความร้อนใจ
แต่เรื่องเช่นนี้จะให้ตี้อู่เฮ่ออีอธิบายอย่างไรกัน!
ตี้อู่เฮ่ออีนึกไม่ถึงเลยว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะคิดจริงจังถึงเพียงนี้
ที่เขาเลือกเล่าแบ่งปันกรณีตัวอย่างซึ่งมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้เพียงแค่หนึ่งในหมื่นให้ซย่าโหวฉิงเทียนฟังนั้นก็เพราะหวังให้ซย่าโหวฉิงเทียนจะอ่อนโยนกับนางให้มาก ใส่ใจนางสักหน่อย
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา ออกจะเกินความคาดหมายของตี้อู่เฮ่ออีไปเสียแล้ว
จริงจังเกินไปหน่อยแล้วกระมัง
จนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนกลับออกไป ตี้อู่เฮ่ออีก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
จากบทสนทนาเมื่อครู่ เขาสามารถตัดสินได้เลยว่า ซย่าโหวฉิงเทียนยังเป็นชายบริสุทธิ์อยู่
ครั้งแรกของชายบริสุทธิ์นั้นสำคัญมาก หากว่าเกิดมีบาดแผลในใจขึ้นมา ก็จะมีผลกระทบต่อความสุขในชีวิตคู่ของซย่าโหวฉิงเทียนทันที เช่นนั้นมิเท่ากับว่าเป็นความผิดของเขาหรอกหรือ
จะทำอย่างไรดีนะ
บนรถม้า
อวี้เฟยเยียนซุกกายอยู่ในอ้อมกอดของซย่าโหวฉิงเทียน นับตั้งแต่เมื่อครู่ที่ขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งซย่าโหวฉิงเทียนเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา จนอวี้เฟยเยียนทอดถอนใจ นางยื่นมือออกไปแตะคิ้วของเขาที่ขมวดพันจนเป็นปมอยู่เอ่ยถามว่า
“เป็นอะไรไป”
“เฮ่ออีบอกว่ามีหญิงที่ฝึกร่วมจนถึงแก่ความตาย”
ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวเสียงแผ่ว
“พี่ไม่อยากให้เจ้าต้องตาย! พี่ไม่ฝึกร่วมกับเจ้าแล้ว! พี่กอดเจ้าเพียงเท่านี้ก็รู้สึกดีแล้ว!”
“พวกท่าน…”
อวี้เฟยเยียนได้ยินเช่นนั้นถึงกับพูดไม่ออก มิน่าซย่าโหวฉิงเทียนถึงไปหาตี้อู่เฮ่ออี ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง
มองปราดเดียวก็รู้แล้ววว่าตี้อู่เฮ่ออีคือหนุ่มน้อยผู้บริสุทธิ์ไม่เคยแตะต้องเยื่อพรหมจรรย์และกลิ่นคาวเลือดของหญิงใดมาก่อน ซย่าโหวฉิงเทียนไปฟังเขาโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วจะได้รับประสบการณ์ที่ดีได้อย่างไรกัน
ตั้งแต่ที่รู้ว่าตี้อู่เยียนเอ๋อร์คือมารดาของตน อวี้เฟยเยียนก็รู้ได้ทันทีว่า ตี้อู่เฮ่ออีมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับนาง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนางก็เป็นได้
ตอนนี้พี่ชายของนางสอนซย่าโหวฉิงเทียนจนเป็นแบบนี้ ทำให้นางแทบอยากจะร้องไห้เลยทีเดียว
บัดนี้นางรู้ซึ้งแล้วว่า ขอเพียงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนาง ซย่าโหวฉิงเทียนล้วนแต่ตื่นตระหนกทั้งสิ้น
หากต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดเหล่านี้ของเขา มีเพียงแต่การได้ปฏิบัติจริงเท่านั้น
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่ดื้อดึงราวกับวัวป่าก็ไม่ปาน จำเป็นจะต้องใช้การปฏิบัติจริงมาพิสูจน์ พูดเรื่องเหตุผลกับเขา มันไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด !
เพียงแต่ จะต้องสัมผัสใกล้ชิดกับซย่าโหวฉิงเทียนจริงๆ หรือ
ขนาดที่ใหญ่โตถึงเพียงนั้น นางรับไม่ไหวจริงๆ นะ!
“เอ่อ…ถึงเวลาค่อยว่ากันเถอะ!”
อวี้เฟยเยียนกระอ้อมกระแอ้ม
วันที่แปดเดือนสิบสอง ยังมีเวลาอีกมากพอดู!