หลังจากที่ประกาศเรื่องงานแต่งงานระหว่างซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนออกไป ซย่าโหวจวินอวี่ก็เริ่มตระเตรียมงานแต่งงานใหญ่ในครั้งนี้อย่างตั้งใจ
และในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ ก็ไม่รู้ว่า ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวหายตัวไปไหนกันอย่างไร้ร่องรอย
“ข้ารู้ พี่ใหญ่จะต้องไปหาสถานที่ ขอพี่อวี้แต่งงานเป็นแน่!”
หนานกงจื่อหลิงที่ถูกไปรับมายังเรือนอ้ายเหลียนร้องขึ้น หลังจากที่ลูบคางครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่
“จริงด้วย! ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!”
“ขอแต่งงาน”
เชียนเยี่ยเสวี่ยสนใจใคร่รู้ขึ้นมา กระทั่งหลังจากที่หนานกงจื่อหลิงอธิบายให้นางฟังว่าขอแต่งงานคืออะไรแล้ว เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ลากมือตี้อู่เฮ่ออีออกมาทันที
“เจ้าทึ่ม หากเจ้าจะแต่งงานกับข้า เจ้าจะต้องขอข้าแต่งงานด้วยนะ!”
เผชิญหน้ากับหญิงสาวที่เปิดกว้างเช่นเชียนเยี่ยเสวี่ย ตี้อู่เฮ่ออีก็ได้แต่แก้มแดงพยักหน้าไม่หยุด
“ได้!”
เมื่อได้ยินตี้อู่เฮ่ออีรับปากว่า ‘ได้’ นอกจากความดีใจแล้ว เชียนเยี่ยเสวี่ยยังได้ยินคำพูดของอวี้เฟยเยียนที่เคยพูดเอาไว้ลอยมาเข้าหู
ชนเผ่าตันแต่งงานได้แต่กับคนภายในชนเผ่าเท่านั้น อนาคตของเจ้ากับตี้อู่เฮ่ออีจะเป็นอย่างไรต่อไป เจ้าต้องวางแผนเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ …
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ เชียนเยี่ยเสวี่ยก็หรี่ตาอันเรียวเล็กที่แสนทรงเสน่ห์เหลือร้ายของนาง
สนใจทำไมว่าจะเป็นกฎบ้าบออะไร เจ้าทึ่มเป็นผู้ชายของนาง หากชาวตันขวาไม่ยอมตกลงละก็ นางก็จะบังคับให้เขาแต่งงานกับนางเสียเลย!
คิดจะพรากนางและเขาออกจากกันนะหรือ
ไม่มีทาง!
เผด็จศึกเฮ่ออีให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน! ดูสิว่าสุดท้ายแล้วใครต้องกลัวใครกันแน่!
อวี้เฟยเยียนหลับไปในอ้อมกอดของซย่าโหวฉิงเทียนจนตื่นมาแล้วก็หลับไปอีกครั้งเป็นเช่นนี้จนกระทั่งครั้งสุดท้าย ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นคนปลุกนางขึ้นมา
เมื่อนางลืมตาตื่นขึ้นก็พบปราสาทหิมะแกะสลักวาววับโปร่งใส่ที่สวยงามตระการตาตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าแล้ว
“สวยจัง! สวยมากๆ เลย!”
อวี้เฟยเยียนลุกยืนขึ้นมองภาพความสวยงามตรงหน้าด้วยอาการตื่นตะลึง
นี่คือประสาทน้ำแข็งเหมือนกันเจ้าหญิงในนิทานใช่หรือไม่
มีความแฟนตาซีสวยงามราวกับในเทพนิยาย!
สานฝันในวัยเด็กที่อยากจะเป็นเจ้าหญิงของอวี้เฟยเยียนให้สำเร็จเสียที!
หลายวันมานี้ ซย่าโหวฉิงเทียนพานางเดินทางมุ่งหน้าขึ้นเหนือ จนมาถึงที่ชายแดนของอาณาจักรเสวี่ยที่นี่
เดิมทีอวี้เฟยเยียนนึกว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะมาหาเรื่องอาณาจักรเสวี่ยเสียอีก ใครจะรู้ว่า เขามาเนรมิตปราสาทแสนสวยอยู่ที่นี่
“สวรรค์! ท่านทำได้อย่างไรกัน”
อวี้เฟยเยียนเดินเข้าไปด้านในด้วยความตื่นเต้น
ปราสาทหิมะนี้มีขนาดเล็กใหญ่พอๆ กับตำหนักทั่วไปทว่า มีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา ทำให้ทั่วทั้งตำหนักกลายเป็นสีทองระยิบระยับราวกับสรวงสวรรค์!
อวี้เฟยเยียนตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก นางยื่นมือออกไปสัมผัสกับผนัง
เย็นสุดขั้วหัวใจ!
แม้ว่าเมื่อครั้งที่อยู่ที่ประเทศจีนในยุคปัจจุบันนางจะเคยได้เห็นการแกะสลักน้ำแข็งมาบ้าง แต่ผลงานแกะสลักที่ฝีมือประณีตงดงามเฉกเช่นปราสาทตรงหน้านี้ นางเพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรก
ด้านในห้องยังมีเก้าอี้ โต๊ะ เตียงแม้กระทั่งผ้าม่าน ล้วนแต่ทำจากน้ำแข็งทั้งสิ้น
แม้กระทั่งกาน้ำชาบนโต๊ะ จอกสุรา ก็ล้วนทำจากน้ำแข็งเช่นเดียวกัน
“ชอบไหม”
ซย่าโหวฉิงเทียนเดินตามมาที่ด้านหลัง มองดูอวี้เฟยเยียนมองนั่น จับนี่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ แววตาของเขาอ่อนโยนยิ่งนัก
“ชอบสิ!”
อวี้เฟยเยียนหยิบกาน้ำชาน้ำแข็งขึ้นมา บนตัวกาสลักลวดลายดอกไม้เอาไว้อย่างสวยงามชัดเจน
“ฉิงเทียน เจ้าทำได้อย่างไรกัน”
“ความลับ!”
เห็นแมวน้อยชอบ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ปลื้มใจเป็นอย่างมาก
ไม่เสียแรงที่เขาสู้อุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจตระเตรียมสิ่งเหล่านี้ ขอเพียงนางชอบก็พอ!
ซย่าโหวฉิงเทียนจูงมืออวี้เฟยเยียนสำรวจไปทุกห้องอย่างถ้วนทั่ว
ศาลาพัก สะพานน้อยมีทางน้ำไหลผ่าน ดอกไม้ในสวนดอกไม้ ล้วนแต่แกะสลักมาจากน้ำแข็งทั้งสิ้น
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ห้องหนังสือ ห้องนอน ห้องฝึกวรยุทธ์ สวนดอกไม้ มีครบครันทุกอย่าง เตียงนอนภายในห้องนอน โต๊ะเครื่องแป้ง ที่นอน โต๊ะเก้าอี้ไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
หากว่าที่นี่เป็นตำหนักขึ้นมาจริงๆ ละก็ สามารถเข้าอยู่ได้ทันทีเลยทีเดียว!
“สวยจริงๆ เลย! ข้าอยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดไปจังเลย”
อวี้เฟยเยียนเดินชมไป ปากก็เอ่ยชื่นชมไปด้วย เหตุใดถึงได้สมจริงถึงเพียงนี้นะ
“ฉิงเทียน นี่คืออะไรหรือ”
เดินจนครบหนึ่งรอบ สุดท้ายอวี้เฟยเยียนถึงได้ชี้ไปที่ห้องเล็กๆ ข้างห้องนอน พร้อมกับกล่าวถามขึ้นด้วยความสนใจใคร่รู้
“เจ้าเข้าไปดูก็จะรู้เอง!”
ซย่าโหวฉิงเทียนยิ้มอย่างมีเลศนัย
กระทั่งอวี้เฟยเยียนเดินเข้าไปข้างใน แล้วพบกับเตียงเด็กเล็กที่แกะสลักจากน้ำแข็งตั้งอยู่กลางห้อง นางถึงกับตะลึงงัน
นอกจากเตียงเด็กแล้ว ที่ด้านข้างก็ยังมีของเล่นเด็กที่แกะสลักจากน้ำแข็งอยู่อีกมากมาย
สิ่งของเหล่านี้เหมือนกันกับสิ่งของที่อวี้เฟยเยียนเห็นเมื่อสักครู่นี้ทุกประการ แกะสลักจากน้ำแข็ง มีความเสมือนจริงเป็นอย่างมาก
หากมิใช่ตอนที่ใช้มือสัมผัสแล้วรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกถึงกระดูกนั้นอีกทั้งมองด้วยตาเปล่าเห็นว่ามันโปร่งแสงวาววับละก็ อวี้เฟยเยียนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าของเหล่านี้แกะสลักมาจากน้ำแข็งล้วนๆ
“พี่ไตร่ตรองอยู่เป็นนาน ในเมื่อเจ้าชอบเด็กเปรตมาก และหากว่าเจ้ายินยอมอยู่ที่นี่ ยินยอมที่จะให้กำเนิดเจ้าเด็กเปรตให้กับพี่…เช่นนั้นแล้ว ของใช้เด็กเล็กย่อมต้องตระเตรียมเอาไว้!”
ซย่าโหวฉิงเทียนใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอายโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่หยิบป๋องแป๋งน้อยที่สลักจากน้ำแข็งขึ้นมา
ป๋องแป๋งอันเล็กเพียงเท่านี้ แต่ก็ทำได้เสมือนของจริงยิ่งนัก ก้อนน้ำแข็งขนาดเล็กราวเมล็ดถั่วเมื่อกระทบกับป๋องแป๋ง ให้เสียงสดใสเจื้อยแจ้วนักแล
“เดี๋ยวก่อน!”
อวี้เฟยเยียนคว้าชายแขนเสื้อของซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้ เขามิใช่ไม่ชอบเด็กหรอกหรือ
“ท่านไม่ได้ไม่ชอบเด็กหรอกหรือ เปลี่ยนความคิดแล้ว”
“พี่ยินดีลองดูสักครั้ง หากว่าเจ้ายินยอมให้โอกาสพี่”
ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหูของเขาแดงซ่าน
“ที่นี่เป็นเพียงแบบจำลองเท่านั้น รอให้เดินทางไปถึงที่เมืองอู๋โยว พี่จะอิงตามแบบนี้ สร้างเป็นบ้านจริงขึ้นมาให้เจ้า”
ซย่าโหวฉิงเทียนค่อยๆ วางป๋องแป๋งน้อยลงบนฝ่ามือของอวี้เฟยเยียนแผ่วเบา
“ถึงแม้ว่าพี่จะมีข้อเสีย ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกอย่าง แต่พี่ก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะให้ความอบอุ่น ปกป้องดูแลเจ้าและเจ้าเด็กเปรต”
“แมวน้อย เจ้าจะยินดีแต่งงานกับพี่ เป็นภรรยาของพี่ ตื่นเช้าลืมตาและเข้านอนพร้อมกัน เป็นตายเคียงข้างได้หรือไม่”
ป๋องแป๋งน้อยในมือของอวี้เฟยเยียนเย็นเยียบ แต่คำพูดของซย่าโหวฉิงเทียนกับอบอุ่นยิ่งนัก
นี่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อสร้างปราสาทน้ำแข็งนี้ขึ้น ก็เพื่อจะขอนางแต่งงาน!
ตื่นเช้าลืมตาและเข้านอนพร้อมกัน เป็นตายเคียงข้างกัน…
ฟังแล้ว นางก็ซาบซึ้งใจยิ่งนัก!
หมอนี่เปลี่ยนไปเป็นคนโรแมนติกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทั้งยังรู้วิธีแสดงความรักอีกด้วย!
“ข้ายินดี”