ตอนที่ 116-5 ปราสาทน้ำแข็งบนเขาหิมะ

จำนนรักชายาตัวร้าย

อวี้เฟยเยียนน้ำตารื้น โผเข้าสู่อ้อมกอดของซย่าโหวฉิงเทียนทันที

 

 

นางไม่เคยคาดคิดว่าก่อนเลยว่า ตนเองจะถูกคนขอแต่งงานในบรรยากาศและสถานที่แบบนี้

 

 

การขอแต่งงานที่นางเคยเห็นในโทรทัศน์ล้วนแต่มีช่อดอกไม้ แหวน และสุราอยู่ใต้แสงเทียน

 

 

การขอแต่งงานของเขากลับอยู่ในสถานที่ที่หนาวเย็นจับขั้วใจ แต่ใช้วิธีการที่แสนอบอุ่นหัวใจจนนางน้ำไหลออกมาด้วยความซาบซึ้ง

 

 

ร้ายกาจเกินไปแล้ว!

 

 

“แมวน้อย เจ้าพูดอีกครั้งสิ เจ้าพูดอีกครั้ง!”

 

 

มือของซย่าโหวฉิงเทียนที่กำลังโอบกอดอวี้เฟยเยียนเอาไว้สั่นระริก

 

 

“เจ้าเต็มใจแต่งงานกับพี่ หรือว่าเต็มใจกำให้กำเนิดเจ้าเด็กเปรตให้กับพี่”

 

 

สองข้อนี้ล้วนสำคัญกับซย่าโหวฉิงเทียนยิ่งนัก

 

 

อวี้เฟยเยียนยินยอมแต่งงานกับเขา ซย่าโหวฉิงเทียนพอใจ

 

 

แต่อวี้เฟยเยียนยินยอมให้กำเนิดเจ้าเด็กเปรตให้กับเขา ครองรักกับเขาต่างหากจึงเป็นสิ่งที่ซย่าโหวฉิงเทียนสนใจมากที่สุด

 

 

“ข้ายินดีทุกอย่าง!”

 

 

อวี้เฟยเยียนน้ำตาไหลอาบแก้ม

 

 

วินาทีถัดมา ซย่าโหวฉิงเทียนยกอวี้เฟยเยียนขึ้นด้วยสองมือ

 

 

“ดีจังเลย! ดีที่สุดเลย!”

 

 

เขาแสดงอาการผ่อนคลายออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาหัวเราะออกมาราวกับเด็กๆ รอยยิ้มที่แสนสดใสราวกับแสงอาทิตย์ยามฤดูหนาวประดับบนใบหน้าของเขา เพื่อแสดงให้อวี้เฟยเยียนได้เห็นถึงความสุข

 

 

“พี่ดีใจยิ่งนัก ดีใจจริงๆ!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนวางอวี้เฟยเยียนลง แล้วกอดนางเอาไว้แน่นราวกับจะรวมร่างของเขากับนางเอาไว้เป็นร่างเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น

 

 

“พี่รักเจ้า แมวน้อย!”

 

 

“คนโง่——”

 

 

รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นตื้นตันที่แล่นมากจุกที่ลำคอ อวี้เฟยเยียนยื่นมือออกไปกอดตอบซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

“ข้าก็รักท่าน!”

 

 

ข้าเต็มใจ เพียงประโยคเดียวของอวี้เฟยเยียน ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเองทำมานั้นล้วนแต่คุ้มค่า

 

 

เขารักนาง และนางรักเขาเช่นกัน

 

 

ที่เขาบอกกันว่า พบคนที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสม คงจะพูดถึงเขาและอวี้เฟยเยียนเป็นแน่!

 

 

“พี่แทบอยากจะแต่งงานกับเจ้าเดี๋ยวนี้!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนจ้องมองอวี้เฟยเยียนสายตาอ่อนโยน

 

 

“เพียงแค่คิดว่าในทุกวันที่พี่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็จะได้พบกับเจ้า! พี่ก็แทบรอไม่ไหวแล้ว”

 

 

“ตอนนี้ท่านก็พูดน่าฟัง ต่อไปท่านจะรังเกียจที่ข้าแก่ชราร่วงโรย ถีบข้าลงจากเตียงไหมนะ”

 

 

อวี้เฟยเยียนนั่งบนตักซย่าโหวฉิงเทียน หยอกล้อเขา

 

 

“ไม่มีทาง!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนส่ายหน้า

 

 

“พี่อายุมากกว่าเจ้าตั้งมาก คนที่ต้องกังวลควรจะเป็นพี่มากกว่า หากว่าพี่มีริ้วรอย ผมเปลี่ยนเป็นสีขาว พุงย้อย ไม่แน่ว่าเจ้าต่างหากที่จะเป็นฝ่ายรังเกียจพี่”

 

 

“ท่านพูดได้ถูกต้องที่สุดเลย!”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวพร้อมกับพยักหน้า ขณะที่กอดแขนซย่าโหวฉิงเทียนและจับตาดูอากัปกริยาของเขาไปด้วย

 

 

“ข้านะสามารถคงไว้ซึ่งรูปโฉมอันงดงามได้ แต่ท่านเล่า หากว่าท่านแก่ชราไป พุงย้อย ข้าก็ไม่ต้องการท่านแล้ว!”

 

 

คราวนี้ทำเอาซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับหน้าเสีย

 

 

เขารู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าแมวน้อยเป็นหญิงที่ลุ่มหลงในชายหนุ่มพอตัว โดยเฉพาะชายหนุ่มรูปงาม!

 

 

หากว่าสักวันหนึ่งเขาไม่หล่อเหลาอีกต่อไป แล้วแมวน้อยยังคงงดงามราวหยกใส เขาจะต้องถูกแมวน้อยเฉดหัวทิ้งเป็นแน่!

 

 

‘ไม่ได้ เขาจะต้องรักษารูปร่าง คงความหล่อเหลาเอาไว้ ห้ามประมาทเลินเล่อเด็ดขาด!’

 

 

‘ไม่ได้เลย!’

 

 

อวี้เฟยเยียนหารู้ไม่ว่า คำพูดติดตลกของนางในวันนี้จะถูกซย่าโหวฉิงเทียนจดจำเอาไว้ขึ้นใจ

 

 

ต่อไปในภายภาคหน้าอีกหลายปีให้หลัง เมื่อซย่าโหวฉิงเทียนเข้าสู่วัยกลางคน ในทุกวันเมื่อเขาตื่นขึ้นมา ประโยคที่เขาจะถามนางเป็นประโยคแรกนั่นก็คือ

 

 

“แมวน้อย พี่หล่อไหม พี่รูปร่างดีหรือเปล่า”

 

 

หากว่าอวี้เฟยเยียนพยักหน้าแบบขอไปที ซย่าโหวฉิงเทียนก็จะใช้การปฏิบัติจริงเพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและเสน่ห์ในความแข็งแรงของตนเองทันที ทำให้นางต้องอ่อนปวกเปียกใต้ร่างของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า…

 

 

หลังจากกิจกรรมรักผ่านพ้นไป อวี้เฟยเยียนก็จะหอบเอาเอวน้อยๆ ที่แทบจะขาดของตนแล้วระลึกถึงเรื่องในวันนี้เสมอ ว่าในตอนนั้นมิน่าปากไว้ไปกระตุ้นเขาเช่นนั้นเลย

 

 

คนที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่นั้น จะทนถูกดูหมิ่นไม่ได้!

 

 

ส่วนผู้ชายที่ แค้นฝังลึก ก็ยิ่งหาเรื่องไม่ได้ใหญ่!

 

 

ซึ่งแน่นอนว่า นี่เป็นเรื่องในภายภาคหน้า

 

 

ภายหลังจากที่อวี้เฟยเยียนตกลงแต่งงานกับซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว คนทั้งสองก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ในปราสาทน้ำแข็งถึงสามวันสามคืน

 

 

เนื่องด้วยปราสาทน้ำแข็งสร้างขึ้นบนยอดเขา อวี้เฟยเยียนจึงชื่นชอบความรู้สึกที่ได้ยืนอยู่ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่จำนวนมากอย่างที่สุด มีหิมะสีขาวสะอาดล้อมรอบ มองเห็นแม่น้ำสายยาวอยู่ไกลๆ ทิวทัศน์เช่นนี้ทำให้คนมีความสุขจนแทบลืมวันลืมคืนทีเดียว

 

 

ส่วนเรื่องอาหารการกิน ซย่าโหวฉิงเทียนก็ลงมือล่าสัตว์ด้วยตัวเอง

 

 

คนหนึ่งล่าสัตว์ อีกคนลงครัว ยังไม่ทันที่จะแต่งงาน ก็กลายเป็นผัวรับเมียร้องเสียแล้ว เขากันอย่างกับอะไรดี

 

 

คนทั้งสองกำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอิสรเสรี แต่ซย่าโหวจวินอวี่ที่พำนักอยู่ที่เมืองหลวงแห่งต้าโจวกลับร้อนใจจนแทบจะบ้า

 

 

นี่มันเวลาอะไรกันแล้ว ยังมาเล่นหายไปแบบนี้อีก!

 

 

เหลือบมองไปและเห็นว่าวันที่แปดเดือนสิบสองใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่รู้ว่าหายไปไหนเช่นนี้ ช่างน่าร้อนใจจริง

 

 

ในวันนี้เขาได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมสรรพแล้ว จะขาดก็แต่เพียงพระเอกนางเอกของงานเท่านั้น!

 

 

พระเอก นางเอกของงาน! พวกเจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน!

 

 

“ฝ่าบาท ท่านอ๋องและพระชายาคงจะมิได้หนีตามกันไปใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

เห็นความกลัดกลุ้มบนใบหน้าของซย่าโหวจิวนอวี่แล้ว เซี่ยงจิ้นก็พยายามคิดหาหนทางอย่างเต็มที่ จึงครุ่นคิดเหตุผลนี้ออกมา

 

 

“เหลวไหล!”

 

 

ได้ยินดังนั้น ซย่าโหวจวินอวี่ก็เหวี่ยงแท่นทับกระดาษจนกระเด็น

 

 

“ทางโน้นก็ยอมรับแล้ว พวกเขาจะหนีตามกันไปอีกทำไม”

 

 

“ไม่เช่นนั้นก็ไปผลิตซาลาเปาน้อยกัน!”

 

 

เซี่ยงจิ้นตระกองถือแท่นทับกระดาษเอาไว้ในมือแล้วค่อยๆ ขยับตัวไปนำมันไปวางลงที่ด้านข้างด้วยความระมัดระวัง

 

 

“ข้อนี้…เป็นไปได้หรือ”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่ขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะอยากอุ้มหลาน แต่ซย่าโหวฉิงเทียนเคยบอกเอาไว้แล้วว่าจะรอให้อวี้เฟยเยียนสำเร็จถึงขั้นจอมปราชญ์อาวุโสเสียก่อนนี่นา

 

 

ก่อนหน้านี้เขายังเคยถามย้ำด้วยซ้ำ ซึ่งซย่าโหวฉิงเทียนยังคงตอบว่าตอนนี้อวี้เฟยเยียนสำเร็จถึงปรมาจารย์ขั้นปลายแล้ว ยังห่างจากระดับจอมปราชญ์อาวุโสอีกระยะหนึ่งทีเดียว

 

 

“อะไรที่เป็นจะไปได้หรือ พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ในตอนนั้นเอง ซย่าโหวฉิงเทียนก็เดินเข้ามาพอดิบพอดี

 

 

เซี่ยงจิ้นที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงดีใจกับน้ำตาไหล

 

 

ท่านอ๋อง ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที!

 

 

สองสามวันนี้บ่าวถูกฝ่าบาททรมานจนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว!

 

 

“ยังรู้จักกลับมาอีกหรือ!”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่เก็บความโกรธเอาไว้อยู่นาน แต่ทว่าเมื่อเหลือบไปเห็นอวี้เฟยเยียนที่อยู่ด้านหลังของซย่าโหวฉิงเทียนเข้า เขาก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้ากลายเป็นยิ้มแย้มราวกับพระสังกัจจายนะทันที

 

 

“เฟยเยียนลูก เที่ยวสนุกไหม อากาศหนาวเย็น เจ้าสบายดีหรือเปล่า”

 

 

สั่งสอนลูกชายได้ แต่จะสั่งสอนลูกสะใภ้มิได้ นี่เป็นเรื่องของท่าที!

 

 

เพราะลูกสาวเขาแต่งเข้ามา ในฐานะที่เป็นพ่อสามีย่อมต้องรักเอ็นดูนางราวกับลูกสาวแท้ๆ!

 

 

“ขอประทานอภัยเพคะ ทำให้พระองค์ทรงเป็นห่วง!”

 

 

อวี้เฟยเยียนยิ้มออกมาด้วยความขัดเขินเล็กน้อย

 

 

“พวกเราไปอาณาจักรเสวี่ยมา”

 

 

“อาณาจักรเสวี่ย”

 

 

ซย่าโหจวินอวี่ถึงกับตกตะลึง

 

 

“พวกเจ้าจัดการเก็บอาณาจักรเสวี่ย”