ภาคที่ 31 ขั้นอลวน ตอนที่ 11 วิถีของประมุขหอหมื่นโลกา

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 11 วิถีของประมุขหอหมื่นโลกา โดย Ink Stone_Fantasy

 

“ใช่แล้ว สำรวจทางเดินโลกาพิศวง ค้นพบรังแต่ละแห่งของพวกเขาแล้วก็ทลายรังโดยตรง จึงจะเป็นการตัดรากถอนโคนอย่างแท้จริง” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์พูด “เหล่าเทพจักรวาลโดยส่วนใหญ่ต่างก็ส่งร่างแปรเข้าไป ข้าก็จะส่งร่างแปรให้พวกเขาพาเข้าไปด้วย เมื่อใดที่ค้นพบรัง ข้าก็จะสามารถระบุตำแหน่งได้ ร่างจริงของเหล่าเทพจักรวาลก็จะสังหารได้โดยตรง”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

ทางเดินโลกาพิศวง… บ่มเพาะฝูงมารผลาญทำลายออกมาฝูงแล้วฝูงเล่า การไปทลายรังนั้นเป็นสิ่งที่ธรรมดาอย่างแท้จริง

แต่ยากเย็นเกินไปเสียแล้ว! เดิมทีทางเดินโลกาพิศวงก็อันตรายเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ประการที่สอง ยิ่งเป็นรังที่สำคัญ ฝูงมารผลาญทำลายก็ต้องส่งยอดฝีมือฝูงใหญ่มาประจำการ แล้วก็ต้องเป็นเหล่าเทพจักรวาลที่มีระดับขั้นสูงพอ ร่างแปรของพวกเขาไปสำรวจก็ยังสามารถได้สิ่งตอบแทนค่อนข้างมาก ร่างแปรของขั้นอลวนโดยทั่วไปไปสำรวจก็จะได้อะไรกลับมาน้อยนัก

“ตงป๋อ เจ้ามีการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ก็สามารถส่งร่างแปรจำนวนหนึ่งเข้าไปได้ ไม่แน่ว่าอาจโชคดีค้นพบรังที่สำคัญก็ได้นะ” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ก็พูดขึ้นเช่นกัน การที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้นั้นเป็นสิ่งที่เปิดเผยภายในวังทวีสูญ

“ทางเดินโลกาพิศวงนั้นหากไม่ระวังก็สามารถหลงทางได้ นอกจากนี้รังสำคัญจะต้องมีการเฝ้ายามอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า

“ใช่แล้ว ร่างแปรเทพจักรวาลต่างก็หลงทางกันอยู่เป็นประจำ” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ทอดถอนใจ “ผู้ที่เหมาะสมในการสำรวจที่สุดในอากาศอันสับสนอลหม่านก็คือประมุขหอหมื่นโลกาและ ‘จ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ ทางสายของเขาผู้นั้น ประมุขหอหมื่นโลกามีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังสามารถส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากร่างแยกของเขาเข้าไปในทางเดินโลกาพิศวง ต่อให้พบกับพื้นที่ที่หลงทาง ก็สามารถส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นออกไปได้ในทันที”

ประมุขตำหนักวารีสวรรค์และประมุขตำหนักเชียนอี้ต่างก็เห็นด้วย

ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็พยักหน้า

‘ทางเดินโลกาพิศวง’ มีความอันตรายอันใหญ่หลวงอยู่สองอย่าง หนึ่งคือเดิมทีก็หลงทางได้ง่ายมากอยู่แล้ว ส่วนอีกหนึ่งอย่างก็คือพื้นที่สำคัญภายในนั้นมีฝูงมารผลาญทำลายประจำการอยู่

หลงทางหรือ อาศัยการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นก็สามารถออกมาได้ในทันที

ประจำการหรือ อาศัยการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ก็สามารถข้ามผ่านการเฝ้ายาม เข้าไปในรังได้โดยตรง

แต่โดยทั่วไปแล้วที่เข้าไปเผชิญอันตรายล้วนเป็นเพียงแค่ร่างแปรเท่านั้น อย่างเช่นพวกประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ ต่างก็เป็นเคล็ดวิชาศาสตร์โบราณ ร่างจริงสามารถสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ แต่ร่างแปรนั้นไม่มีทางสำแดงได้เลย! ร่างแปรสามารถทำได้เพียงแค่ ‘ใช้เครื่องหมายมิติ’ เท่านั้นถึงแม้ว่าร่างจริงเคลื่อนที่ผ่านอุโมงค์เส้นหนึ่ง ก็เพียงแค่เชื่อมต่อร่างแปรกับโลกภายนอกเท่านั้น ไม่มีทางเคลื่อนที่ภายใน ‘ทางเดินโลกาพิศวง’ ตามอำเภอใจได้

กู่ฉีและบรรพชนห้วงอากาศในตอนนั้น หลังจากที่พวกเขาสองคนกลายเป็นเทพจักรวาลแล้ว สามารถทำการเคลื่อนย้ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ แต่นั่นคือการเคลื่อนย้ายผ่านมิติที่เป็นการฝืนบังคับ ต้องใช้พลังจิตในระดับสูง

ถ้าหากเป็นเพียงแค่ร่างแปร ร่างแปรก็ไม่มีทางสำแดงเคล็ดวิชาอย่าง ‘การเคลื่อนย้ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น’ ได้เลย

มีเพียงแค่วิถีของประมุขหอหมื่นโลกาเท่านั้น!

วิถีของประมุขหอหมื่นโลกา ว่ากันว่าการเข้าสำนักนั้นยากเย็นเป็นที่สุด ผู้ที่สามารถบำเพ็ญได้สำเร็จอย่างแท้จริง คนหนึ่งคือประมุขหอหมื่นโลกา ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือ ‘จ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ ผู้เป็นระดับชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาว

ประมุขหอหมื่นโลกามีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วน ก็สามารถปรากฏตัวที่สถานที่ใดๆ สักแห่งได้อย่างง่ายดาย

จ้าวภูเขาฉื้อเหมยอ่อนแอกว่าอยู่พอสมควร นอกจากร่างจริงแล้ว เขาก็มีเพียงแค่ร่างแยกร่างหนึ่งเท่านั้น! แต่ว่าร่างแปรของเขาก็สามารถสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้เช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าวิถีของพวกเขานี้…มิใช่ศาสตร์โบราณ หากแต่สำเร็จวิชาการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมิได้สิ้นเปลืองพลังจิตมากนักก็สามารถส่งร่างแปรไปได้แล้ว

“เหล่าเทพจักรวาลก็ขอให้ประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมยช่วยเหลือเช่นกัน ให้ช่วยสำรวจ ถึงขนาดเต็มใจจ่ายในราคาสูง” ประมุขตำหนักอลหม่านส่ายศีรษะ “น่าเสียดายที่ราคาที่พวกเขาสองคนเสนอนั้นต่างก็สูงลิบลิ่ว อันที่จริงแล้ว ว่ากันตามเหตุผล ผู้บำเพ็ญทุกคนที่มีพลังยุทธ์ก็ควรจะมาต้านทานฝูงมารผลาญทำลายกันทั้งนั้น ถึงอย่างไรนี่ก็คือการช่วยเหลือทั้งอากาศอันสับสนอลหม่าน ก็เป็นการช่วยตัวพวกเราเอง”

“แต่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์และจอมมารดาเป็นคนวิปลาส ส่วนประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมยก็รู้จักแต่หาผลประโยชน์ใส่ตัวเท่านั้น มิฉะนั้นก็จะไม่ช่วยเลย”

“ประมุขหอหมื่นโลกาต้องการราคาสูงจนเกินจริง เหล่าเทพจักรวาลก็มิอาจยอมรับได้”

“ถึงอย่างไรจ้าวภูเขาฉื้อเหมยก็เป็นเพียงแค่ขั้นอลวน เรียกราคาต่ำกว่าอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังสูงมากอยู่ดี เขาสำรวจ ‘หนึ่งร้อยล้านปี’ ก็ต้องการหนึ่งหมื่นศิลาปฐมโลกา ถ้าหากค้นพบ ‘รังของฝูงมารผลาญทำลายเกราะโลหิต’ ค้นพบแห่งหนึ่งก็ต้องการอีกหนึ่งหมื่นศิลาปฐมโลกา ถ้าหากค้นพบ ‘รังของฝูงมารผลาญทำลายเกราะทอง’ ค้นพบแห่งหนึ่งก็ต้องการอีกสองแสนศิลาปฐมโลกา ”ประมุขตำหนักอลหม่านทอดถอนใจ “ราคานี้สูงเกินไปแล้ว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถอนหายใจเช่นกัน

โหดร้ายเหลือเกิน

ไม่ได้ผลตอบแทนใดๆ หนึ่งร้อยล้านปีก็ต้องการหนึ่งหมื่นศิลาปฐมโลกา ถ้าหากเป็นสามพันล้านปีเล่า ต้องรู้ไว้ว่าสมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่ผู้อาวุโสกู่ฉีผู้เป็นถึงเทพจักรวาลทิ้งเอาไว้ให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง มูลค่าก็อยู่ราวๆสามแสนหกหมื่นศิลาปฐมโลกาเท่านั้น สมบัติล้ำค่าทั้งหมดทั้งมวลของเทพจักรวาลผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ได้แต่ทำให้จ้าวภูเขาฉื้อเหมยไปลำบากแค่เพียงสามพันหกร้อยล้านปีเท่านั้นน่ะหรือ

“ถึงแม้ว่าจะมีเงื่อนไขสูง แต่พวกบรรพชนทิพย์ก็เคยให้จ้าวภูเขาฉื้อเหมยช่วยเหลือมาก่อน” ประมุขตำหนักอลหม่านพูด “แต่เพียงแค่ร้อยล้านปีเท่านั้น จ้าวภูเขาฉื้อเหมยค้นพบ ‘รังของฝูงมารผลาญทำลายเกราะโลหิต’ เพียงแค่ห้าแห่งเท่านั้น แต่เหล่าเทพจักรวาลกลับจ่ายไปถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นศิลาปฐมโลกาเต็มๆ นับจากนั้นมา เหล่าเทพจักรวาลก็ไม่เคยไปเชิญให้จ้าวภูเขาฉื้อเหมยลงมืออีกเลย”

“ได้ยินว่าภายหลังจ้าวภูเขาฉื้อเหมยได้เต็มใจลดให้ครึ่งหนึ่ง แต่เหล่าเทพจักรวาลก็ยังมิได้ตอบรับ ราคาก็ยังสูงเกินไป ไม่คุ้มค่าเลย”

“ถึงแม้ว่าการสำรวจของบรรดาร่างแปรของเทพจักรวาลจะมีประสิทธิภาพต่ำ แต่ภายใต้ระยะเวลาอันยาวนาน พวกบรรพชนทิพย์แต่ละคนก็มีวิธีการที่แตกต่างกัน จนถึงตอนนี้ก็ค้นพบรังของฝูงมารผลาญทำลายเกราะโลหิตหลายสิบแห่ง รังของฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองก็เคยค้นพบอยู่สองครั้ง” ประมุขตำหนักอลหม่านพูด “น่าเสียดายที่ผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านการสำรวจที่สุดอย่างประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมยเรียกราคาสูงถึงเพียงนั้น ถ้าหากกองทัพฝูงมารผลาญทำลายโจมตีผ่านการป้องกันของพวกเราได้ ยามที่เดินกร่างไปทั่วอากาศอันสับสนอลหม่านตามอำเภอใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาสองคนจะยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แล้วจะมีความหมายอันใดเล่า ถ้าหากการคาดการณ์ของพวกเราถูกต้อง พอถึงเวลาอากาศอันสับสนอลหม่านก็จะสามารถสร้างโลกใหม่ขึ้นมาได้ พวกเขาก็ต้องสิ้นชีพไปเช่นเดียวกัน”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ

ใช่แล้ว

ขั้นอลวนคนอื่นๆ ที่อ่อนแอสักหน่อย ต่อให้ไม่มาช่วยก็แล้วไปเถิด แต่ผู้ที่สามารถรับบทบาทสำคัญได้จริงๆ อย่างเช่น ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งเป็นที่สุด และ ‘จอมมารดา’ ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งอีกคนหนึ่งต่างก็ไม่มาช่วยเหลือ

แม้กระทั่งประมุขหอหมื่นโลกาและ ‘จ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ ผู้เป็นวิถีเดียวกันกับเขา พวกเขามาช่วยก็ย่อมไม่มีอันตรายแต่อย่างใด แต่ราคาที่เรียกนั้นสูงจนเกินจริง

“น่าเสียดาย” ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ส่งเสียงเฮอะเยียบเย็น “ถ้าหากสังหารพวกเขาได้ เหล่าเทพจักรวาลก็คงกำจัดพวกเขาไปนานแล้ว”

“ร่างแปรของประมุขหอหมื่นโลกาจำนวนนับไม่ถ้วน และร่างแยกของจ้าวภูเขาฉื้อเหมย หากซ่อนเร้นขึ้นมาแล้วก็มิอาจหาพบได้” ประมุขตำหนักอลหม่านส่ายศีรษะ “วิถีนี้ของพวกเขามีความสามารถในการรักษาชีวิตอย่างล้ำเลิศโดยแท้”

ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นด้วย

ถึงแม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะรู้สึกว่าวิถีของประมุขหอหมื่นโลกากับศาสตร์ลับสี่ภาพวาดของจักรพรรดิเก้าเมฆามีส่วนที่คล้ายกันอยู่ก็ตาม

อย่างเช่น…การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ก็เป็นเคล็ดวิชาที่ตนสำเร็จได้ ตนเองเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งก็สามารถสำแดงได้แล้ว ตอนนี้ไปถึงขั้นอลวน แยกร่างแปรร่างหนึ่งออกมา ร่างแปรก็สามารถสำแดงได้เช่นกัน

เพียงแต่วิถีนั้นของพวกเขาดูเหมือนจะร้ายกาจยิ่งกว่า ถึงกับสามารถบำเพ็ญร่างแยกออกมาได้ ต้องรู้ไว้ว่านอกจากวิถีนี้ของพวกเขาแล้วก็มีแค่ผู้มีพรสวรรค์พิเศษของศาสตร์โบราณเท่านั้นที่สามารถมีร่างแยกได้

“วิถีของพวกเขา ผู้ใดก็มิอาจจัดการพวกเขาได้ พวกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อยากเป็นอริกับพวกเขา พวกเราโลกทิพย์ทั้งสามก็ไม่อยากเป็นอริกับพวกเขาเช่นกัน” ประมุขตำหนักอลหม่านส่ายศีรษะ “ถึงอย่างไรศัตรูที่ฆ่าไม่ตาย อีกทั้งยังคุมขังไม่อยู่ก็ทำให้คนปวดหัวเป็นที่สุด”

“พวกเขา…”

ตงป๋อเสวี่ยอิงสงสัยเล็กน้อย

เมื่อเผชิญกับการคุกคามของฝูงมารผลาญทำลาย จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ จอมมารดา และวิถีของประมุขหอหมื่นโลกา เหตุใดจึงไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเล่า

ตงป๋อเสวี่ยอิงอดที่จะนึกถึงโลกระดับขั้นที่สูงขึ้นอีกอันลึกลับ ซึ่งตนสอดแนมผ่านโพรง ‘ทรงกลมหมอกดำ’ ที่เป็นพื้นฐานที่สุดในอากาศนั้นมิได้ “พวกเขาล่วงรู้ความลับมากกว่าหรือไม่ มิฉะนั้นก่อนที่จะตายก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย”

นี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น

ถึงแม้ว่าตนจะบำเพ็ญภาพวาดภาพที่สองและภาพวาดภาพที่สามแล้ว แต่ความเข้าใจในโลกระดับขั้นที่สูงขึ้นอีกนั้นกลับยังน้อยนิดเหลือเกิน ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าการบำเพ็ญวิถีของประมุขหอหมื่นโลกา กับศาสตร์ลับสี่ภาพวาดนั้นของตนมีส่วนคล้ายกันอยู่ บางทีพวกเขาอาจจะเข้าใจโลกระดับที่สูงขึ้นมากกว่าเสียอีก

“ผู้ที่เชี่ยวชาญในการสำรวจที่สุดก็ไม่ช่วยเหลือพวกเรา พวกเราก็ได้แต่อาศัยจำนวนไปชดเชยข้อบกพร่อง เหล่าเทพจักรวาลไปสำรวจ มีเวลา พวกเราระดับชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาวเหล่านี้ก็สามารถส่งร่างแปรไปสำรวจได้เช่นกัน” ประมุขตำหนักอลหม่านพูด

“อืม ข้าเองก็มีความคิดที่จะไปสำรวจดูสักหน่อยอยู่เหมือนกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

ในมหาโลกทิพย์ทั้งห้าแห่งอากาศอันสับสนอลหม่าน นอกจากสองคนของวิถีของประมุขหอหมื่นโลกาแล้ว ร่างแปรของตนก็สามารถสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้เช่นเดียวกัน

แต่ตนต้องรักษาความลับ

อย่างเช่น ‘จ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ นอกจากจะสามารถทำการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้แล้ว ก็ยังสามารถบำเพ็ญร่างแยกออกมาได้ด้วย อีกทั้งหากซ่อนเร้นร่างแยกเอาไว้ เหล่าเทพจักรวาลต่างก็หาไม่พบ ดังนั้นผู้ใดต่างก็ไม่สามารถจัดการเขาได้ เบื้องหลังของเขายังมีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วนของประมุขหอหมื่นโลกาอยู่อีกด้วย

แต่ตนไม่มีร่างแยก เมื่อใดที่เปิดเผย ร่างแปรของตนก็สามารถสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น เกรงว่าอาจจะยุ่งยากได้

“ไปสำรวจตามลำพัง สำรวจไปถึงรังระดับเกราะโลหิต ทิ้งเครื่องหมายมิติเอาไว้ ไม่เปิดเผยเป็นการชั่วคราว ถึงอย่างไรถ้าหากเปิดเผย… ค้นพบรังสำคัญแห่งแล้วแห่งเล่า เกรงว่าก็จะสามารถก่อให้เกิดความสงสัยขึ้นได้ รอให้ถึงตอนที่ค้นพบรังเกราะทอง ก็เปิดเผยรังเกราะทองโดยตรง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ ผู้ที่เขาป้องกันก็คือประมุขหอหมื่นโลกา คือพวกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์

ถึงอย่างไรเคล็ดการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ผู้ใดไม่นึกอยากครอบครองบ้างเล่า

จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จนใจที่ไม่ได้ครอบครองวิถีของประมุขหอหมื่นโลกา ทั้งยังทำอะไรตนมิได้อีกด้วย

……………………………………