TQF:บทที่ 671 พระโอรสสารภาพรัก (4)
“ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องหรอก อีกไม่กี่วันเจอกัน”
อานุภาพของนางมารน้อยแม่ทัพอ๋องคนนี้ก็ไม่กล้ายุ่งเช่นกัน มีโอกาสก็รีบออกไปทันทีโดยไม่ทักทายใครเลย
พระธิดาฉียวี่ก็ประสานมือให้กับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อย “แม่นางเฉิง อีกไม่กี่วันพวกเราค่อยเจอกันใหม่ ข้าลาไปก่อน”
“พระธิดาฉียวี่เดินทางดีๆ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวย่อตัวเป็นการทักทายคืน มองตามจนนางออกไป
ทันทีที่นางไปพระธิดาซีหลานก็มาอยู่ตรงหน้าหยูเฮงน้อย ไม่รู้ว่าในมือมีกำไลหยกเลือดอันสวยงามตั้งแต่เมื่อไหร่ นางมอบให้กับหยูเฮงน้อยด้วยรอยยิ้มหวาน “น้องหยูเฮง ข้ามีน้องสาวคนนึงที่ตายตั้งแต่ยังเด็ก ถ้านางยังอยู่ก็อายุเท่าเจ้านี่แหละ ข้าชอบเจ้า นี่คือของขวัญเล็กน้อยจากข้า หวังว่าเจ้าจะรับมันไว้และมาเล่นกับข้าที่ตำหนักองค์ชายใหญ่บ่อยๆดีมั้ย”
“หืม….”
หยูเฮงน้อยเหลือบมองคนข้างๆ เมื่อเห็นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้านางจึงรับกำไลมา “ไม่มีปัญหา วันหลังข้าจะไปเที่ยวเล่นกับเจ้าบ่อยๆ”
การกระทำเล็กๆนี้ของหยูเฮงน้อย พระธิดาซีหลานย่อมรู้สึกตัวได้ นางยิ้มอย่างขอโทษให้กับเฉิงเสี่ยวเสี่ยว “แม่นางเฉิง ขอโทษด้วยที่ไม่ขออนุญาตจากเจ้าก่อน ข้าชอบหยูเฮงน้อยจริงๆ เห็นนางเป็นน้องสาว”
“นั่นเป็นความโชคดีของนาง” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังคงมีท่าทีเรียบเฉยเมยเหมือนตอนแรก นางเหลือบมองเจ้าตัวเล็กและมีความเอ็นดูปรากฏอยู่ในแววตาทันที
พระธิดาซีหลานยิ้มอ่อนๆ “นี่ก็สายมากแล้ว ข้าลาไปก่อน จะรอทั้ง 2 ท่านมาเที่ยวเล่นที่ตำหนักองค์ชายใหญ่นะ “
“ได้เลย พระธิดาซีหลานเดินทางดีๆ”
ไปแล้ว 3 ท่านเหลือเพียงผู้ที่อยู่ในชุดขาวพลิ้วไหว หวงฝู่เส้าจวินไม่ได้รีบออกไปทันที แววตานิ่งสงบของเขาเป็นประกายแวววาว ใสสกาวราวกับกระจกเงา ความอ่อนโยนแทบจะทะลักออกมาจากดวงตา ร่างระหงส์ตรงหน้าเขาแทบจะครอบงำทั้งหมดจิตใจของเขา รอยยิ้มจางๆประดับอยู่ที่ริมฝีปากอย่างลับๆ เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดไม่จา
สายตาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวหันไปทางที่เขายืนอยู่พอดี ดวงตาของทั้ง 2 สบเข้าหากันและรอยยิ้มบนใบหน้าของหวงฝู่เส้าจวินก็ยิ่งกว้างขึ้น
เมื่อหยูเฮงน้อยเห็นดังนั้นก็หายตัวไปอย่างเงียบๆ
คนที่เตรียมตัวจะไปก่อนหน้านี้ไม่มีท่าทีเหมือนกำลังจะไป นางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจและยิ้มอย่างนุ่มนวล “พระโอรสจะอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันรึ”
“ข้าอยากจะอยู่กับเจ้าโดยไม่ต้องจากกัน แต่กลัวว่าคงจะไม่สมปรารถนา”
ในสายตาของหวงฝู่เส้าจวินมีเพียงนาง เขาก้าวเข้าไปหานางด้วยใจที่เต้นตึกตัก นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับจ้องมองพลางพูดเสียงอ่อนโยน “ข้าตามหาคนที่ข้ารักมาตลอด ตำแหน่งมเหสีพระโอรสว่างมานานแล้ว ไม่รู้ว่าข้าจะได้รับอนุญาตจากนางมั้ย”
“วาสนาความรักถูกกำหนดโดยสวรรค์ ถ้าเป็นของเจ้าแล้วก็ย่อมเป็นของเจ้า หากไม่ใช่ของเจ้าฝืนไปก็ไม่มีประโยชน์ เชื่อว่าพระโอรสจะได้พบกับคนที่ท่านรักอย่างแน่นอน”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้ว่าเขาสารภาพรักหรือเปล่า แต่หัวใจนางให้คนอื่นไปแล้ว แม้ว่าคนๆนี้จะยอดเยี่ยมแค่ไหนนางก็ไม่เปลี่ยนใจ ได้แค่อวยพรให้เขาได้พบอีกครึ่งหนึ่งของชีวิต
เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของหวงฝู่เส้าจวินก็มืดหม่นลง บนใบหน้ามีความเศร้าโศกอยู่แว้บหนึ่ง ไม่ช้าเขาก็กลับมามีท่าทีสงบเยือกเย็นเหมือนเดิมพลางคลี่ยิ้ม “ข้าไม่ยอมแพ้หรอก เจ้าพูดถูก คนของข้าย่อมต้องกลายเป็นของข้า หวังว่ามเหสีของข้าจะแต่งเข้าตำหนักองค์ชาย 3 เร็วๆนี้”
“อื้ม…..” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบเรียบๆ
เขาคลี่ริมฝีปากออกและหัวเราะเบาๆ ลำธารในแววตาเปล่งประกายลึกล้ำ เขาจ้องมองนางด้วยรอยยิ้ม “เราจะได้พบกันเร็วๆนี้”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไป ชุดขาวราวหิมะปลิวไสวเย้ยลมเบาๆ เหลือไว้ให้นางเพียงแผ่นหลังที่สง่างาม
“อิอิ คุณหนู เขาชอบท่านน่ะ ทำไงดีล่ะ” หยูเฮงน้อยปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและมองนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ดี ความเปลี่ยนแปลงในจิตใจอีกฝ่ายเมื่อกี้นางรู้สึกได้ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ อดส่ายหัวและหัวเราะไม่ได้ “เขาไม่ได้รักข้าจริงๆหรอก เขาแค่รู้สึกดีก็เท่านั้น ถ้าไม่ได้พบกันไปสักพักใหญ่ๆเขาจะลืมข้าได้ในไม่ช้า และก็จะยังมีผู้หญิงคนอื่นที่ชนะใจของเขาได้อีกครั้ง”
“ก็ได้ ข้าเสียใจแทนหนอนหนังสือจริงๆ เขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องล้มเหลว” หยูเฮงน้อยหัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น ไม่เหมือนคนเสียใจเลยสักนิด
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกลับไปนั่งอยู่ในศาลา เทชาวิเศษให้ตัวเองก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ “ไม่มีปัญหาอะไรที่บ้านใช่มั้ย”
“ไม่มี ทุกคนทำได้ดีมาก นอกจากท่านปู่ทวดทุกคนล้วนใกล้จะบรรลุแล้ว”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบเบาๆ นางกระพริบตานิดหน่อยและถามขึ้น “แล้วคนในแต่ละบ้านเป็นไงบ้าง พวกเขาจะลงมือเมื่อไหร่”
“อิอิ คุณหนู เกรงว่าพวกเราไม่ต้องทำให้มันใหญ่โตหรอก อีกสักพักน่าจะมีอะไรเกิดขึ้น”
ถึงแม้ว่าหยูเฮงน้อยเองจะอยู่พูดคุยกับทุกคนในศาลา แต่จิตสำนึกของเธอครอบคลุมไปทั้งบ้านตระกูลฟาง ไม่ถึงขั้นเฝ้ามองทุกคนทุกการกระทำ แต่บางครั้งก็ได้ยินสิ่งที่คนในแต่ละบ้านพูดบ้าง ดังนั้นก็พอรู้สถานการณ์อยู่บ้าง
“หืม มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้ถามอะไรอีก และก็ไม่ได้สนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆของตระกูลฟางด้วย นางดื่มน้ำชาด้วยท่าทีสบายๆ
หยูเฮงน้อยยังคงเป็นโปรดปรานผลไม้มากที่สุดจึงเริ่มกินอีกครั้ง กินไปก็ถามไปว่า “คุณหนู พระโอรสและพระธิดานี่ก็ไว้ใจไม่ได้เลยนะ และพวกเขาก็ไม่คิดจะเลิกชักชวนท่านด้วย ทำอย่างไรดีล่ะ”
“ทำใจ”
ริมฝีปากสีแดงส่งเสียงออกมาแค่ 2 คำ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ยกตาขึ้นด้วยซ้ำ “เมื่อกี้ข้าแสดงจุดยืนของเราอย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาอยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ”
“อิอิ คุณหนู เมื่อเทียบกับเรื่องเล็กน้อยของพวกเขาแล้ว ข้าอยากเห็นพวกเขารู้สึกชอบท่านทุกคนมากกว่า แบบต้องแต่งกับท่านให้ได้ เมื่อท่านเขยกลับมาก็จะเห็นว่ามีศัตรูความรักรอเขาอยู่เต็มไปหมด ถึงตอนนั้นต้องสนุกแน่ๆ ฮ่าๆๆ…. “
พูดถึงตอนสุดท้ายหยูเฮงน้อยหัวเราะอย่างมีความสุข ดูยังไงก็รอสมน้ำหน้าชัดๆ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองบนใส่นางอย่างไม่สุภาพโดยไม่สนใจหัวข้อสนทนาไร้สาระของนางเลยสักนิด
“หยูเฮงน้อย มีอะไรให้หัวเราะขนาดนี้เหรอ”
เสียงของฟางหมิงเห้อดังมาจากอีกด้านหนึ่ง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองตามเสียงไป และได้เห็นท่านปู่เล็กกำลังเดินมาทางนี้
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวลุกขึ้นต้อนรับและเชิญเขาเข้ามาในศาลาด้วยรอยยิ้ม “ท่านปู่เล็ก ท่านออกมาทำไม”
“ข้าจะมาดูว่าพระโอรสและพระธิดากลับกันรึยัง เห็นพวกเจ้าหยอกเย้ากันอยู่ที่นี่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลับไปแล้วสินะ”
ฟางหมิงเห้อนั่งลง หยูเฮงน้อยเก็บของที่ใช้แล้วออกไปและเทชาวิเศษให้เขาพลางพูดยิ้มแย้ม “ท่านปู่เล็ก เมื่อกี้พระโอรสทั้ง 2 ไม่ยอมไปเลย จ้องคุณหนูไม่วางตาเลยล่ะ”
“ฮ่าๆๆ ยัยเด็กอย่างเจ้าเนี่ยนะ ทำไม อยากหาท่านเขยให้คุณหนูของเจ้ารึไง”
ฟางหมิงเห้อไม่รู้เรื่องของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ฟางซูหยุนก็ไม่ได้ชี้แจง และเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ่งไม่คิดจะพูดเรื่องแบบนี้
หยูเฮงน้อยเบ้ปากและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เฮอะ บ้านข้ามีท่านเขยตั้งนานแล้ว เพียงแต่ท่านเขยของเราไม่อยู่บ้านก็เท่านั้นแหละ ถ้าเขามาละก็พระโอรสอะไรนั่นไปยืนไกลๆเลย”
“หืม ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวเสี่ยวก็มีครอบครัวแล้วล่ะสิ” ฟางหมิงเห้อมองไปที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วยความประหลาดใจ ในใจเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้ชายประเภทไหนที่ผู้หญิงยอดเยี่ยมขนาดนี้มองหัวใจให้
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่คิดจะปัดบังเรื่องของเขา เอ่ยเสียงเบา “ถือว่าหมั้นหมายกันแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน”
“วันหลังพาเขากลับมาให้ปู่เล็กดูด้วย ถ้าเขาไม่มีคุณสมบัติพอปู่เล็กจะหาที่ดีกว่านี้ให้” ในที่สุดฟางหมิงเห้อก็วางมาดญาติผู้ใหญ่ในเรื่องนี้
หยูเฮงน้อยหัวเราะชั่วร้ายอยู่ข้างๆ ราวกับอยากเห็นท่านเขยถูกแกล้ง
เมื่อพูดถึงคนที่อยู่ในใจเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เริ่มพูดมากอย่างช่วยไม่ได้ “เขาเหรอ ไม่ได้เป็นคนดีเด่อะไรหรอก ขี้เหนียว ขี้บ่น ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น ทำอะไรตามใจตัวเองหมือนเด็กๆ วันหลังท่านปู่เล็กต้องสั่งสอนเขาดีๆ”
“อืม ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว ท่าทางเจ้าชอบเขามากนะ” ฟางหมิงเห้อเคยผ่านมาก่อน ย่อมมองเห็นความรักใคร่ที่อยู่ในแววตาของนาง
——————————–