ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
บทที่207: อย่าดูถูกสถานที่แห่งนี้
เจ้าอ้วนนั้นไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน นี่มันเวลากลางวันแสก ๆ รวมถึงเป็นการพูดต่อหน้าหญิงสาวของตนเอง ต้องเป็นคนแบบไหนกันจึงจะพูดมันออกมาได้? เขาไม่กลัวหญิงสาวข้างกายจะโกรธงั้นหรือ? เมื่อคิดเช่นนี้เจ้าอ้วนไม่เร่งรีบที่จะตอบกลับ เขามองไปที่ผู้ฝึกตนหญิงสาวผู้นั้นเพื่อดูปฏิกิริยาของนาง
เมื่อหญิงสาวเห็นสถานการณ์เช่นนี้ นางเอามือปิดปากพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นนางกล่าวออกมาอย่างเอาอกเอาใจ “ดูสิว่าเขาโง่แค่ไหน ราวกับมนุษย์เพิ่งออกมาจากถ้ำครั้งแรก เขาทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไรอย่างนั้นแหละ”
เจ้าอ้วนไม่เคยคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะให้อิสระกันถึงเพียงนี้ ราวกับว่าเรื่องบนเตียงของนางนั้นเป็นสิ่งที่เล็กน้อยเท่านั้น มันก็เป็นเพียงการกินอาหารจานหนึ่ง พฤติกรรมเช่นนี้นางมาจากหอเฉวียนจี้จริงงั้นหรือ? สิ่งที่นางกำลังทำอยู่นั้นราวกับว่านางมาจากสำนักพันปีศาจ!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เจ้าอ้วนคิดในใจกับตนเอง ‘เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้มาจากหอเฉวียนจี้แต่ว่ามาจากสำนักพันปีศาจจริงๆ?’
เพื่อยืนยันความคิดของตนเอง เจ้าอ้วนถามออกไปอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าขอถามอะไรสักอย่างได้หรือไม่ เจ้ามาจากหอเฉวียนจี้หรือว่าสำนักพันปีศาจ?”
“ฮ่าฮ่า!” เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น นางระเบิดเสียงหัวเราะก่อนจะตอบกลับ “หนุ่มน้อย เจ้าไม่รู้งั้นหรือว่าทะเลตะวันออกนั้นไร้กฏใด? แน่นอนว่าข้ามาจากหอเฉวียนจี้ แต่ข้าก็มีความต้องการไม่ต่างจากสตรีที่มาจากสำนักพันปีศาจ ทำไมหรือ? เจ้าดูเหมาะสมกับข้าดีนะ เราลองหาที่เงียบ ๆ เพื่อเล่นกันดูสักครั้งไหม?”
“อ๋อเป็นเช่นนี้!” เจ้าอ้วนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที เขาโบกมือพร้อมตอบกลับ “ข้าขอโทษด้วย ข้าไม่ชอบเล่นกับอีตัว!”
แท้จริงแล้วที่เขากล่าวออกไปเช่นนั้น เพียงเพราะเขาโกรธ แม้ว่ามู่ซื่อหรงจะทำตัวเหมือนพวกนาง แต่แน่นอนว่านางเป็นภรรยาของเขา สองคนนี้ต้องการให้เขานอกใจนาง แล้วเขาจะทำเช่นนั้นเพื่ออะไรกัน? ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกไปอย่างไร้ความปราณี
เมื่อเจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของทั้งสองเปลี่ยนทันที โดยเฉพาะผู้ฝึกตนหญิงสาว นางคำรามออกมา “ไอ้บัดซบ เจ้ากล้ามากที่หักหน้าข้า!”
“มันถือเป็นความอัปยศงั้นหรือ? หรือว่าข้าไม่สามารถทำได้?” เจ้าอ้วนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“สารเลว แกมันคนไร้ยางอาย!” ผู้ฝึกตนปีศาจคนอื่นตะโกนออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นายน้อยของข้าต้องการที่จะแลกเปลี่ยนกับเจ้า ให้เกียรติเจ้า แต่เจ้ากลับทำเช่นนี้ แน่นอนว่ามันคือการท้าทาย! บัดซบ นี่เจ้ากำลังดูถูกข้างั้นหรือ?”
“ถูกต้อง!” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างเขร่งขรึม “ทุกคนที่มาจากลัทธิเต๋าจะดูถูกพวกเจ้า!”
ผู้ฝึกตนจากสำนักปีศาจใบหน้ากลายเป็นสีเขียวพร้อมกับหยิบเอาดาบบินของตนเองออกมา ในขณะที่เขาเหวี่ยงมัน เขาคำรามออกมาว่า “ข้าผู้นี้จะทำให้เจ้ากลายเป็นง่อยไปเสียในวันนี้!”
ทว่าเด็กเหลือขอผู้นั้นที่กำลังเหวี่ยงดาบ แน่นอนว่าเขาต้องการให้เจ้าอ้วนตกใจเท่านั้น เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะต้องถูกโจมตีเพราะเจ้าอ้วนนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เจ้าอ้วนพุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับยกขาของเขาขึ้นเหมือนในครั้งที่เขาทำกับพี่รองยิน การเตะนั้นพุ่งเข้าที่กล่องดวงใจของผู้ฝึกตนปีศาจอย่างรุนแรง อีกฝ่ายไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลบเพราะไม่คาดคิดว่าเจ้าอ้วนจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นนี้ เขาไม่มีโอกาสป้องกันใดและรวมกับความเร็วที่เจ้าอ้วนมี แน่นอนว่าใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวพร้อมกับพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไป
เขาถูกส่งให้บินไปไกลหลายร้อยฟุต หลังจากนั้นเขาล่วงลงพื้นพร้อมกับกลิ้งไปอีกสองถึงสามตลบก่อนจะหยุดลง หลังจากนั้นเขาตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด “อา ไม่นะ อา! เจ้าบัดซบ ทำไมเจ้าต้องเตะตรงนี้?”
“ฮี่ฮี่ ข้าเพียงชอบตำแหน่งนี้ที่สุดเท่านั้น!” เจ้าอ้วนหัวเราะอย่างสบายใจ “ความรู้สึกที่ได้เป็นขันที มันดีหรือไม่?”
เมื่อผู้ฝึกตนปีศาจได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดทันที อย่างที่ฝูงชนได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เห็นได้ชัดว่ามีผู้คนมากมายที่ชื่นชอบความเจ็บปวดของผู้อื่น
การแสดงออกของหญิงสาวเปลี่ยนไปทันที นางตัดสินเจ้าอ้วนผ่านการเตะเมื่อครู่และท่าทีที่เย่อหยิ่ง นางจึงมั่นใจได้ว่าเจ้าอ้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดา ถ้าหากเขาไม่มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เขาจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร? นางเก็บความโกรธแค้นไว้ในใจพร้อมถามออกไปอย่างเรียบง่าย “เจ้าอ้วน จงบอกชื่อของเจ้ามาได้หรือไม่?”
“ซ่งจง!” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างไม่สนใจ “ข้าซ่งจงนักบวชแห่งเต๋าพร้อมที่จะส่งอีตัวอย่างพวกเจ้าไปสู่ความตาย!”
“ว่าอะไร?” เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้น นางถอนลมหายใจเย็นออกมาและกล่าวว่า “เจ้าเป็นผู้ฝึกตนสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักเสวียนเทียนใช่หรือไม่ กล่าวกันว่าเจ้าสามารถส่งสายฟ้าออกไปได้เพียงสะบัดนิ้วเท่านั้น?”
“นั่นแหละข้า!” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ทำไม? เจ้ายังโกรธข้าอยู่งั้นหรือ? เจ้าอยากจะเล่นกับข้าอยู่หรือไม่?”
“ข้าไม่กล้า!” เห็นได้ชัดว่านางตระหนักได้ถึงชื่อเสียงของเจ้าอ้วนเป็นอย่างดีและนางรีบกล่าวเสริมอย่างรวดเร็ว “ภายในหอเฉวียนจี้ เจ้าอยู่ในหัวข้อสนทนาเสมอ เจ้าต่อสู้กับผู้ฝึกตนปีศาจนับสิบเพียงคนเดียวตลอดทั้งคืนและปกป้องหานปิงเอ๋อจากพวกนั้น จากนั้นเจ้าสังหารผู้ฝึกตนระดับจินตัน และสร้างการบาดเจ็บสาหัสให้กับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกคนทราบดี! ข้ารู้ว่าข้าไม่อาจเทียบกับเจ้าได้และจะไม่ล่อลวงให้เจ้ามาร่วมการละเล่นกับข้าอีกต่อไป!”
ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น นางถอยหลังไปหาผู้ฝึกตนที่ได้รับบาดเจ็บและเริ่มช่วยเหลือเขา จากนั้นนางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “แต่เจ้าก็ไม่ควรจะได้ใจมากเกินไป ที่แห่งนี้คือทะเลตะวันออกและไม่ใช่สำนักเสวียนเทียน! บุคคลที่เจ้าสร้างความบาดเจ็บให้นี้เขามีพี่ชายอยู่ในระดับจินตัน! เหอะ รอเวลาที่เขาจะไล่ล่าเจ้าแล้วกัน!” ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น นางไม่ได้รอคำตอบใดจากเจ้าอ้วนพร้อมกับใช้ดาบบินเพื่อออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที
ในขณะนั้นผู้ฝึกตนนับร้อยจ้องมองมาที่เจ้าอ้วนเป็นสายตาเดียวกัน สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา แต่บางคนก็มองเขาด้วยสายตาที่ชื่นชม อย่างไรก็ตามยังมีคนจำนวนมากที่มองเขาด้วยแววตาสมเพช แน่นอนว่าทุกคนต่างคิดไปทางเดียวกันว่าเจ้าอ้วนจะไม่ได้มีช่วงเวลาที่สงบสุขในทะเลตะวันออก เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนระดับจินตันแล้วเจ้าอ้วนนั้นเทียบไม่ได้เลย
แต่เจ้าอ้วนไม่สามารถใส่ใจกับสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ได้ เขาเพียงแต่กล่าวออกมาเบา ๆ “เจ้าคิดว่าเพียงผู้ฝึกตนระดับจินตันจะสามารถทำให้ข้าหวาดกลัวได้งั้นหรือ? น่าขัน!” ในขณะที่เขากล่าวจบ เขาไม่พูดสิ่งใดต่อนอกจากเดินออกไปพร้อมกับมู่ซื่อหรง
ไม่กี่นาทีถัดมา เจ้าอ้วนและมู่ซื่อหรงมาหยุดอยู่ที่อาคารใหญ่ที่ยอดภูเขา สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ผู้ฝึกตนระดับจินตันนามว่าฮัวอาศัยอยู่
หลังจากที่พบกับยามหน้าประตูและรายงานตัวเพื่อเข้าพบ มู่ซื่อหรงและเจ้าอ้วนรีบเข้ามาด้านในทันที ทั้งสองมองเห็นลูกชายคนโตของนักบวชฮัวอวิ๋นนามว่าฮัวนั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่น
ฮัวนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่ดูสง่างาม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีบุคลิกที่ดื้อรั้นอย่างเช่นนักบวชฮัวอวิ๋น แต่เขาดูฉลาดและเจ้าเล่ห์อย่างมาก หลังจากที่ได้เห็นเจ้าอ้วนและมู่ซื่อหรงเข้ามา เขาทักทายทั้งสองอย่างอบอุ่นราวกับพี่น้อง ซึ่งทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างมาก
เจ้าอ้วนถึงกับอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาภายในใจ ‘ช่างเป็นบุคคลที่น่าเกรงขาม!’
หลังจากที่ส่งจดหมายที่นักบวชฮัวอวิ๋นเขียนมาให้ ฮัวอ่านอย่างรวดเร็วพร้อมกับเก็บมันไว้ จากนั้นเขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าศิษย์น้องซ่งจงจะดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่แท้จริงแล้วเจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่ง ต่อสู้กับผู้ฝึกตนสี่คนด้วยตัวคนเดียว อีกทั้งยังสังหารสามคนและสร้างการบาดเจ็บสาหัสหนึ่งคน! และหนึ่งในนั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับจินตันเสียด้วย สวรรค์! นานแล้วที่ไม่มีอัจฉริยะปรากฏตัวขึ้นในสำนักเสวียนเทียน!”
“ท่านเยินยอข้าเกินไปแล้ว!” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างถ่อมตัว “ข้าได้เปรียบตรงที่การจู่โจมอย่างรวดเร็วเท่านั้น!”
“ผลลัพธ์ของการต่อสู้นั้นถือว่าเป็นความสามารถของเจ้า! ด้วยความแข็งแกร่งที่เจ้ามี แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ที่เจ้าสามารถแสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่!” ฮัวกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะ “ข้ากล้าพูดได้เต็มปากว่าสถานที่แห่งนี้มันเหมาะกับเจ้าอย่างมาก!”
“จริงหรือ?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะออกมาอย่างขื่นขม “แต่ข้ายังไม่เห็นอะไรดี ๆ ในสถานที่แห่งนี้เลย”
“ว่าอะไร? เจ้าพบกับคนที่สร้างปัญหาให้กับเจ้าแล้วหรือ?” ฮัวรีบถามออกมาอย่างรวดเร็ว
“มันก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก” เจ้าอ้วนลังเลก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อข้ามาถึง ข้าพบกับหนุ่มสาวคู่หนึ่งพยายามจะขอแลกเปลี่ยนคู่นอนกับข้า แล้วข้าจะยอมให้ไอ้สารเลวนั่นรังแกมู่ซื่อหรงได้เช่นไร? ดังนั้นข้าจึงสั่งสอนบทเรียนให้กับเขาเล็กน้อย ข้าไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะบอกว่าเขามีพี่ชายอยู่ในระดับจินตันก่อนที่ทั้งสองจะออกไป เขาขอให้ข้าทำความสะอาดร่างกายให้ดีเพื่อรอรับความตาย! ข้าไม่มีอะไรจะกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“มันสารเลวจริง ๆ บุคคลเช่นนี้มีมากขึ้นเรื่อย ๆ เกินกว่าจะรับมือไหว!” ฮัวคำรามออกมา “ไม่ต้องสนใจเขา ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าเอง!”
“ไม่เป็นไรมิได้ ให้เขาค้นพบตัวข้าก่อน เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับจินตันไม่ใช่หรือ? หรือว่ามันไม่เหมือนกับผู้ฝึกตนระดับจินตันทั่วไปที่ข้าเคยพบเจอ?” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างขมขื่น “ข้าสามารถใช้เขาเพื่อต่อสู้ให้ความยุติธรรมของตัวข้าเอง!”
เมื่อฮัวได้ยินเช่นนั้น เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างขมขื่น “ศิษย์น้อง เจ้าอย่าได้ดูถูกผู้คนที่นี่ ทะเลตะวันออกเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย ผู้ฝึกตนที่นี่ต่อสู้กันทุกวัน พวกเขามีคู่หูที่ยอดเยี่ยมและเข้าขากันได้อย่างดี เจ้าไม่สามารถนำพวกเขาไปเปรียบเทียบกับการต่อสู้ที่ยุติธรรมในเทือกเขาใหญ่ที่เคยอาศัยอยู่ได้ แม้ว่าเจ้าจะสามารถรับมือกับผู้ฝึกตนระดับจินตันภายในสำนักเสวียนเทียนได้ แต่ในสถานที่แห่งนี้นั้นไม่เหมือนกัน!”
“จริงหรือ?” เจ้าอ้วนถามออกไปด้วยความสับสน
“แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริง!” ฮัวตอบกลับด้วยความรู้สึกขื่นขม “หรือเจ้าคิดว่าข้าจะทำร้ายเจ้างั้นหรือ?”
“ฮี่ฮี่ ข้าขออภัย ศิษย์น้องคิดมากเกินไปเท่านั้น!” เจ้าอ้วนรีบขอโทษอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะเย่อหยิ่ง แต่อย่าลุ่มหลงในความยโสของเจ้ามากนัก เพราะเจ้ามีเพียงชีวิตเดียว มันจะไม่เหลืออะไรเลยถ้าหากเจ้าตายตกไป!” ฮัวเตือนอีกครั้ง
“ขอบคุณศิษย์พี่สำหรับคำสอน!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างน้อบน้อมหลังจากนั้นเขาถามว่า “ศิษย์พี่ ทำไมในสถานที่แห่งนี้ทุกคนดูแปลกประหลาด? แม้แต่สตรีจากหอเฉวียนจี้ยังทำตัวราวกับมาจากสำนักพันปีศาจ? ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?”
“เฮ้อ เรื่องมันยาว!” ฮัวถอนหายใจออกมาพร้อมกับเริ่มอธิบายให้เจ้าอ้วนฟัง
ภายในทะเลตะวันออก อันตรายนั้นเกิดขึ้นทุกวันและมากมายกว่าที่ตำนานได้กล่าวไว้ แม้ว่าตำนานจะกล่าวไว้ว่าเจ็ดในสิบจะต้องตายตกไปเมื่อมายังสถานที่แห่งนี้ หรือมายังสถานที่แห่งนี้สิบคนจะได้กลับมีชีวิตออกไปเพียงสาม แต่ความจริงก็คือสถิติเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องโกหกเท่านั้น เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดและได้กลับออกไป