ตอนที่ 782 ฉลาดเกินไปแล้ว / ตอนที่ 783 ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ตามใจรัก สาวนักแฮก

ตอนที่ 782 ฉลาดเกินไปแล้ว

 

 

ซิงเหอพยักหน้าเล็กน้อย

 

 

“แผนของเธอคืออะไรเหรอซิงเหอ” อาลิถามด้วยความตื่นเต้น พวกเธอต้องการที่จะฟังสิ่งที่ซิงเหอวางแผนเพราะแผนการของซิงเหอไม่เคยล้มเหลว ถ้าซิงเหอคิดอะไรออกแล้วละก็ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงแบบบ้าระห่ำ

 

 

แซมถึงขนาดเอ่ยคำสัญญา “ไม่ว่าแผนของคุณจะเป็นยังไง หรือต่อให้ต้องเอาชีวิตของพวกเราเข้าไปเกี่ยวพันด้วย พวกเราก็ยินดีที่จะทำ! ออกคำสั่งมาเลย แล้วพวกเราจะจัดการที่เหลือให้เอง”

 

 

“ใช่แล้ว ใช้งานพวกเราได้ตามใจเลย” วูลฟ์กล่าวเสริมอย่างหนักแน่น เมื่อซิงเหอได้เห็นความมีน้ำใจและความเลือดร้อนของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา เธอไม่มีใจคิดจะส่งพวกเขาให้ทำภารกิจเสี่ยงตายได้ และแน่นอนว่านั่นไม่ใช่แผนของเธออยู่แล้ว

 

 

ซิงเหอยิ้มมุมปากและกล่าว “แผนการของฉันไม่ต้องการอะไรแบบนั้นหรอก อย่าลืมสิว่าเฮ่อปินควบคุมตระกูลเฮ่อหลานเอาไว้หมดแล้ว”

 

 

เฮ่อปินชะงัก แต่เขาเองก็ยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะสั่งปิดการดำเนินการของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมดได้ ทุกคนต่างก็คิดเช่นนั้น ทันใดนั้นอีเฉินพูดขึ้น “คุณต้องการให้เฮ่อปินไล่ผู้จัดการของสถานเลี้ยงเด็กนั่นออกอย่างนั้นเหรอ”

 

 

“มันเป็นไปไม่ได้” เฮ่อปินปฏิเสธทันควัน “ตอนนี้ตระกูลหวงบริหารจัดการที่นั่นมาสองชั่วอายุคนแล้ว ความลับทุกอย่างของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นอยู่ในมือของพวกมัน ภายนอกพวกมันอาจจะดูภักดีกับผม แต่ถ้าผมทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเจตนารมณ์ของเรื่องนี้ พวกมันไม่ลังเลที่จะต่อต้านผมแน่ๆ”

 

 

“ไม่มีความจำเป็นต้องไล่เขา เราแค่ต้องทำให้เขาล้มป่วยเท่านั้น” ซิงเหอกล่าว

 

 

“ล้มป่วย ยังไง” เฮ่อปินซักถาม

 

 

หากแต่มู่ไป๋เข้าใจแผนของซิงเหอได้ในทันที เขามองหญิงสาวและเผยรอยยิ้มออกมา “แผนของคุณคือทำให้เขาป่วยเป็นไข้หวัด”

 

 

มู่ไป๋หัวเราะเบาๆ “มันก็แค่เป็นเรื่องบังเอิญที่เด็กผู้ชายคนนั้นล้มป่วย และนี่จะเป็นเครื่องปกปิดได้ดีที่สุด”

 

 

ซิงเหอยิ้มตอบ “ถูกต้อง นี่จะเป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบสำหรับพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้น เราสามารถใช้เรื่องนี้ช่วยเด็กทั้งหมดออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นได้ด้วย”

 

 

“นี่ไม่เพียงแต่จะช่วยไม่ให้หวงเต๋อชิงเกิดความสงสัยเท่านั้น แต่ยังแก้ปัญหาทุกอย่างได้โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย”

 

 

“แต่มันจะช่วยได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น”

 

 

“นั่นไม่ใช่ปัญหา เป้าหมายคือแค่ซื้อเวลาเท่านั้น อีกไม่นานปัญหาทั้งหมดจะถูกแก้ไขอย่างถาวร”

 

 

“ถูกต้องที่สุด!” ซิงเหอพยักพร้อมรอยยิ้ม

 

 

มู่ไปตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่แฝงความหมายแบบเดียวกัน “นี่เป็นแผนที่เยี่ยมมาก ผมสนับสนุนเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้น ลู่ฉียังอยู่ที่ประเทศ R ถึงเวลาที่เขาจะได้ออกโรงแล้ว”

 

 

“ฉันเห็นด้วย งั้นเราจะเริ่มดำเนินการตามแผนนี้”

 

 

“แผนอะไร!” อาลิมองดูคนทั้งสองด้วยความงุนงง พวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย

 

 

แม้แต่เฮ่อปินและคนที่เหลือยังมืดแปดด้าน

 

 

“เราพูดง่ายๆ แบบนี้พวกคุณยังไม่เข้าใจอีกอย่างงั้นเหรอ” มู่ไปพูดพลางสอดส่ายสายตามองไปยังทุกคน อาลิอยากจะกลอกตาใส่อีกฝ่าย การที่พวกเขาใช้ความฉลาดในการปลอบประโลมอีกฝ่ายด้วยความรักก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่ตอนนี้มู่ไป๋กำลังดูถูกพวกเขาอย่างงั้นเหรอ จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยหรือไง

 

 

กระนั้นพวกเขาบังเอิญมีพรสวรรค์ด้านสติปัญญาค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับทั้งสองคนตรงหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่พยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้

 

 

ซิงเหออธิบายทุกอย่างช้าๆ และชัดเจน “วันนี้มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งป่วยใช่ไหม เราจะหาทางทำให้เด็กคนนั้นป่วยเป็นไข้หวัดที่แพร่เชื้อได้และใช้มันเป็นเหตุผลให้เราต้องกักบริเวณทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดกับเขา อย่างเช่นหวงเต๋อชิง แพทย์คนอื่นๆ รวมถึงครูอีกหลายคนให้ออกห่างจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กกำพร้าทุกคน”

 

 

“แล้วจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น” อาลิถามต่อเนื่อง

 

 

ซิงเหอยิ้มและกล่าว “เมื่อคนพวกนั้นถูกกักบริเวณ ก็ไม่ต่างอะไรกับแพะที่อยู่ในโรงเชือดของพวกเรา เราจะจัดการกับคนที่เราต้องการจะจัดการและปล่อยคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป”

 

 

ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแผนการทุกอย่างแล้ว!

 

 

“ซิงเหอ แผนของเธอคือการจัดการกับหวงเต๋อชิงตอนที่มันถูกกักบริเวณสินะ ระหว่างนั้นพวกเด็กๆ ก็จะต้องแยกกับพวกผู้ใหญ่เพราะมันเป็นแนวทางที่ยอมรับได้และจะเป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถปกป้องเด็กๆ ไม่ให้บาดเจ็บระหว่างดำเนินการด้วย ใช่ไหม” อาลิถามเพื่อให้แน่ใจ

 

 

“ถูกต้อง” ซิงเหอพยักหน้า

 

 

“ถ้างั้นรีบติดต่อคุณหมอลู่เลย เราต้องเริ่มลงมือให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้” อาลิพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแทนความรู้สึกของทุกคนในที่นั้น

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 783 ไข้หวัดใหญ่ระบาด

 

 

แผนการนี้สมบูรณ์แบบเพราะมันไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย ซิงเหอได้คิดหาทางออกที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้อย่างที่พวกเขาคาด ไม่มีปัญหาใดที่ซิงเหอจะแก้ไม่ได้ เมื่อมีแผนการถูกจัดวางเรียบร้อย ซิงเหอไม่ยอมเสียเวลาและติดต่อลู่ฉีทันที

 

 

หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ลู่ฉียอมตกลงที่จะช่วยอย่างง่ายดาย การสร้างไข้หวัดใหญ่ที่แพร่ระบาดได้นั้นไม่ต่างอะไรกับการเดินเล่นในสวนสาธารณะสำหรับเขา ลู่ฉีเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องอยู่แล้ว ของสะสมของเขาจึงเป็นยาต่างๆ และพืชที่มีสรรพคุณทางการแพทย์แปลกๆ ที่แม้แต่แพทย์คนอื่นๆ ยังต้องอาย แน่นอนว่าโรคระบาดที่เขาสร้างนั้นไม่มีทางรักษาหายได้ด้วยฝีมือของหมอทั่วไปในระยะเวลาสั้นๆ

 

 

ด้วยความช่วยเหลือของเฮ่อปิน ลู่ฉีจัดการสกัดเอาตัวเชื้อออกมาจากสัตว์

 

 

“ไข้หวัดชนิดนี้จะมีอาการเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป มันอาจดูอาการหนักแต่ไม่ทำให้ถึงตาย และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับเชื้อไวรัสตัวนี้เผยแพร่มาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีทางสร้างยาต้านเชื้อขึ้นมาได้ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน” ลู่ฉีพูดด้วยน้ำเสียงฟังดูภาคภูมิใจก่อนเสริมอีกว่า “แต่ไม่ต้องห่วงเพราะผมรู้วิธีสร้างวัคซีนสำหรับเชื้อตัวนี้อยู่แล้ว”

 

 

“คุณเคยทดสอบมันมาก่อนหรือยัง” ซิงเหอถาม

 

 

ลู่ฉีพยักหน้า “แน่นอน ผมเคยทดลองมันหลายครั้งแล้ว ผมถึงขนาดเลยทดลองด้วยตัวเองมาก่อนด้วยนะ”

 

 

กลุ่มของอาลิอึ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ลู่ฉีพูด ที่เขาถูกว่าเรียกว่านักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องนี่มันมีที่มานี่เอง

 

 

“ถ้างั้นเราจะใช้มัน” ซิงเหอพูดก่อนหันไปทางเฮ่อปิน “คุณกล้ารับความเสี่ยงนี้ไหม”

 

 

เฮ่อปินเข้าใจสิ่งที่ซิงเหอกำลังสื่อ เธอต้องการให้เขาเป็นคนไข้คนแรก

 

 

“แน่นอน ผมเชื่อในตัวคุณหมอลู่” เฮ่อปินกล่าวโดยไม่ลังเล ลู่ฉีได้ทำเรื่องหลุดโลกอย่างการปลูกถ่ายความทรงจำของเขาลงในสมองของเฮ่อหลานฉีมาแล้ว ดังนั้นกับอีแค่ถูกฉีดด้วยเชื้อหวัดเล็กน้อยแค่นี้จะไปน่ากลัวอะไร ดังนั้นเขาจึงยินดีที่จะเสี่ยง ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเขาตั้งแต่แรกแล้วดังนั้นความเสี่ยงนี้จึงไม่มีผลอะไรกับเขา…

 

 

ด้วยเหตุนี้ แผนการของซิงเหอจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ไม่นานนักเฮ่อปินได้ติดเชื้อ เขาเริ่มไอและอุณหภูมิร่างกายเริ่มพุ่งสูงขึ้น หมอหลายคนเข้ามาทำการตรวจร่างกายของเขาและทุกคนต่างสรุปเหมือนกันว่าเขากำลังป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ที่สามารถแพร่ระบาดได้ และเขาติดเชื้อนี้มาจากเด็กชายตัวน้อยที่ป่วยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า!

 

 

เพื่อเป็นการรับมือการสถานการณ์นี้ให้ดียิ่งขึ้น พวกหมอต้องการให้เด็กคนที่ป่วยถูกแยกออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อกักบริเวณและวินิจฉัย

 

 

เมื่อเต๋อชิงได้รับข้อมูลดังกล่าว เขาตกใจมาก “มันจะเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้ยังไงกัน ไม่มีเด็กคนไหนป่วย หรือแม้แต่เด็กผู้ชายคนนั้นเองก็ไม่แสดงอาการของโรคไข้หวัดเลยนี่”

 

 

“ตัวไวรัสอาจจะยังแฝงอยู่ในร่างกายของเด็กคนนั้นก็ได้ ไม่ว่ายังไงเด็กๆ จะต้องถูกส่งตัวไปตรวจที่โรงพยาบาล ผู้จัดการหวง กรุณาให้ทุกคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กคนนี้ในระยะนี้ถูกส่งตัวมาที่นี่เพื่อเราจะได้ทำการตรวจพินิจอย่างคร่าวๆ ด้วยนะคะ รวมถึงตัวคุณด้วยค่ะผู้จัดการหวง” ซิงเหอที่สวมหน้ากากอนามัยกล่าว

 

 

เต๋อชิงไม่หลงเชื่อคำพูดของเธอง่ายๆ เขาไม่เชื่อว่าว่ามีเชื้อไข้หวัดตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับข้อมูลคร่าวๆ จากตระกูลเฮ่อหลานว่าเฮ่อหลานฉีล้มป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่จริง ในที่สุดเต๋อชิงก็เชื่อ อันที่จริงเขากำลังกลัวด้วยซ้ำว่าตัวเองจะติดเชื้อไปแล้ว

 

 

หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกัน เต๋อชิงเป็นคนแรกที่ถูกเจาะเลือดเพื่อตรวจวินิจฉัย ทุกคนต้องตรวจ…

 

 

ส่วนเด็กชายที่ป่วยนั้น ซิงเหอให้จัดคนของเธอมาพาตัวเขาไป เขาเป็นตัวตนเชื้อดังนั้นเขาจึงต้องถูกกักบริเวณ เพราะถึงอย่างไรสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เต็มไปด้วยเด็กจำนวนมาก ซึ่งหากเด็กชายยังอยู่ที่นั้น เชื้อไวรัสจะถูกแพร่กระจายได้ง่าย

 

 

เฮ่อปินโทรหาเต๋อชิงเป็นการส่วนตัวเพื่อย้ำเตื่อนว่าเขาไม่อนุญาตให้อะไรก็ตามเกิดขึ้นกับเด็กเหล่านั้นเพราะพวกเขาถือเป็นทรัพย์สินที่สำคัญของตระกูลเฮ่อหลาน เหล่าเมล็ดพันธุ์ที่สำคัญเหล่านั้นจะต้องถูกปกป้อง!