TB: บทที่ 169 มนต์ตราผูกมัดหยิน

 

“น้องหวัง นี่ไม่ได้หมายความว่าการแพทย์แผนจีนจะรักษาโรคนี้ไม่ได้นะ ปู่และตัวผมเลยไม่ได้เรียนรู้วิธีรักษาโรคของนายมา หากปู่ได้เรียนรู้แล้ว การรักษาโรคนี้คงไม่เป็นปัญหา” ฮัวเทียนว่า

 

หากเขาได้ฝึกเทคนิคการฝังเข็มดีพอ เขาคงมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าจะช่วยรักษาโรคของหวังซือเหวินได้ด้วยเทคนิคฝังเข็ม และคงไม่ต้องถึงมือเฉินหลง

เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ฮัวเทียนจึงตัดสินใจได้ว่าหลังเขากลับไปแล้วเขาคงฝึกหนักกว่าเดิมเป็นสองเท่า

 

เฉินหลงตบบ่าฮัวเทียนและไม่ได้กล่าวอะไร จากนั้นเขาจึงเดินไปข้างเตียงและกล่าว “ไม่ต้องกังวลไป นายจะมีอนาคตที่สดใสแน่นอน”

เมื่อเขาได้เห็นสายตาของเฉินหลง หวังซือเหวิน ที่ตอนแรกอยากกล่าวอะไรอยู่ พลันมีความเชื่อมั่นก่อขึ้นมาว่าเขาจะหาย ความเชื่อมั่นที่ว่ามาจากคำพูดของเฉินหลงในตอนนี้

 

หลังจากหวังซือเหวินรู้สึกวางใจแล้ว เฉินหลงใช้เครื่องตรวจสอบเพื่อดูค่าข้อมูลของเขา

อย่างไรเสีย เมื่อเฉินหลงตรวจค่าต่างๆในร่างกายหวังซือเหวินแล้ว เขารู้สึกประหลาดใจและขมวดคิ้วแน่น

เรื่องน่าแปลกใจที่ว่าคือค่าต่างๆของหวังซือเหวินที่มีมากถึงระดับกำเนิดทว่าติดอยู่ในสถานะติดผนึก

 

“เกิดอะไรขึ้นกัน” นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินหลงเห็นพลังในสถานะติดผนึก

เขานิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วเฉินหลงก็เริ่มใช้เข็มกับหวังซือเหวิน แล้วก๊าซทางการแพทย์จำนวนเท่าหยิบมือก็เข้าสู่ร่างกายของเขา

ตอนที่ก๊าซทางการแพทย์จำนวนเล็กน้อยได้เข้าไปในร่างของหวังซือเหวินแล้ว เฉินหลงได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างของเขาได้อย่างชัดเจน

 

เส้นทางเดินพลังและโลหิตของหวังซือเหวินไม่ได้เสื่อมลงตามธรรมชาติ แต่กลับถูกพันธนาการไว้ด้วยพลังงานที่แปลกประหลาด และนั่นเองคือสาเหตุที่ทำให้เส้นทางเดินพลังและโลหิตในร่างของหวังซือเหวินฝ่อลงไป

และเมื่อก๊าซทางการแพทย์จะเข้าไปในร่างหวังซือเหวินอีกพลังงานนั้นก็เข้ามาขวางทันที

 

“นี่มันอะไรกันแน่” ก๊าซทางการแพทย์ของเขาพลันถูกพลังที่ไม่รู้ที่มาละลายไป สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น

ในขณะเดียวกันนั้นเอง เฉินหลงรู้สึกถึงความผิดปกติ

หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้ เฉินหลงเลิกใช้ยารักษาโดยตรงไป เนื่องจากนี่ไม่ใช่โรคร้ายอีกแล้ว เขาจะลองใช้พลังของเขาแทน

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเฉินหลงใช้พลังจากร่างของเขาที่เป็นระดับขอยเขตกำเนิดกับร่างของหวังซือเหวิน

พลังของเฉินหลงพุ่งเข้าสู่เส้นทางพลังและโลหิตได้ไม่ยาก แต่พลังงานประหลาดพวกนั้นก็โจมตีกลับไปในทันที พลังฉีของเฉินหลงมีเพียงฉีระดับสรวงสรรค์และพสุธาเท่านั้น หลังจากฝืนพลังไปสักพัก พลังที่ผูกมัดเหล่านั้นก็เริ่มจะสลายไปได้ด้วยพลังฉีของเฉินหลงทีละน้อย

ต่อมาพลังงานของเฉินหลงลดลงไปเล็กน้อยในขณะที่พลังงานของหวังซือเหวินลดลงไปอย่างมาก

 

“มีอะไรกันแน่” เฉินหลงแปลกใจ จิตสังหารเขาปะทุขึ้น แล้วพลังที่ผูกมัดอยู่ก็ฝืนกลับมา

หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินหลงจึงคิดจะใช้พลังต่อ ตอนแรกเฉินหลงไม่อยากจะใช้วิธีนี้แต่ในเมื่อพลังที่ผูกมัดอยู่น่าหงุดหงิดขนาดนี้ เฉินหลงคิดจะทำลายให้สิ้นซาก

 

พลังจอวเฉินหลงเป็นไฟระดับกำเนิด

ไฟประเภทนี้สามารถจุดแทบทุกพลังงานบนโลกให้ติดไฟได้ และนี่เองคือผลของการที่เฉินหลงพัฒนาผ่านไปถึงระดับกำเนิดได้ และไฟของพระเจ้านี้ยังผ่านพ้นระดับหกในทันทีอีกด้วย

“หวังซือเหวิน รอก่อนนะ นายอาจจะรู้สึกเจ็บ นายต้องทนนะ” เฉินหลงเตือนหวังซือเหวิน

 

หวังซือเหวินตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้ต่างไปจากตอนแรก “ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บมาหลายปีแล้ว หากผมจะรู้สึกเจ็บได้สักครั้ง ไม่ใช่ว่าเป็นความรื่นเริงหรือ เอาเถอะครับ”

 

“เพลิงปะทุ”

เฉินหลงท่องประโยคนี้ในใจ

ร่างของเฉินหลงเปลี่ยนไปเป็นสีแดงก่ำ พร้อมด้วยไฟจากพลัง ทำให้เฉินหลงจุด “ไฟดั้งเดิม” และ “ไฟกำเนิด” ติดทันทีในร่างหวังซือเหวิน

“ไฟดั้งเดิม” นี้ ละลายไปในทันใดที่โดนกับพลังที่ผูกมัดอยู่

ตอนที่ “ไฟกำเนิด” กำลังโชติช่วงอยู่นั้น ในที่สุดแล้วหวังซือเหวินได้รู้สึกเจ็บปวด ความรู้สึกที่เขาไม่ได้รับรู้มาเป็นเวลานาน แต่ความเจ็บนี้สาหัสเกินไป ราวกำว่าเส้นพลังและโลหิตของเขากำลังติดไฟ หวังซือเหวินกัดฟันและพยายามฝืนไม่ให้ร้องออกมา

 

อีกสิ่งหนึ่งคือพลังผูกมัดมีผลกับศูนย์กลางพลังงานของหวังซือเหวิน พลังที่ผูกมัดร่างทั้งร่างของเขาไว้ แผดเผาในทันที

และพลังในศูนย์กลางพลังงานคล้ายกับว่าจะรับรู้ได้ถึงพลังของ “ไฟกำเนิด” และกลัวว่าจะสลายไปด้วย

 

การที่เขาได้เห็นพลังของศูนย์กลางพลังงานของหวังซือเหวินที่ยังคงไม่สลายไป เฉินหลงจึงคิดได้ว่าเขาจะดับ “ไฟกำเนิด” ไปเสีย

และหลังเฉินหลงดับ “ไฟกำเนิด” ไปแล้ว พลังในศูนย์กลางพลังงานของหวังซือเหวินเริ่มที่จะกลับมาอีกครั้ง

 

เฉินหลงเตรียมใจไว้แล้ว แต่มีความคิดวาบหนึ่งขึ้นมา เมื่อ “ไฟกำเนิด” ปรากฏขึ้นและเผาผลาญพลังที่ผูกมัดไว้ทำให้ศูนย์กลางพลังงานเกิดขึ้นมาด้วย และไฟก็ลามไปสู่ศูนย์พลังงาน

ตอนที่พลังงานในศูนย์พลังงานมอดไหม้ไปแล้ว เฉินหลงก็มองได้อย่างชัดเจนว่านี่คือมนต์ประเภทใด

หลังจากที่เผาพลังของมนต์สะกดไปหมดแล้ว เฉินหลงรีบดับ “ไฟกำเนิด” ด้วย เพราะศูนย์พลังงานของหวังซือเหวินอาจทน “ไฟกำเนิด” นี่ไม่ได้

และตอนที่ “ไฟกำเนิด” ดับไปแล้ว สีหน้าของหวังซือเหวินพลันผ่อนคลายลง

ในขณะเดียวกันความรู้สึกสงบเงียบที่หายไปนานก็กลับมา และพลังของเขาเองได้ค่อยๆฟื้นคืน

 

“ไม่ต้องกังวลไป นอนไว้สักพัก ฉันจะรีดเค้นเส้นพลังและโลหิตของนาย” เฉินหลงยังไม่ปล่อยหวังซือเหวิน หวังซือเหวินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขากะจะลุกขึ้นทันที  เฉินหลงได้ส่งยาแห่งพลังฉีไปเพื่อกระตุ้นเส้นพลังและโลหิตของเขา

ในครั้งนี้หวังซือเหวินตื่นเต้นเกินกว่าจะกล่าวอะไร

หลังเฉินหลงเผาไหม้มนต์ตราไปแล้ว หญิงคนหนึ่งที่อายุราวสี่สิบปี ที่อยู่ในกลุ่มแปลกประหลาดกลางภูเขาลึก จู่ๆเธอก็สำรอกออกมาเป็นเลือด

 

“นายแม่ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน” ทันทีที่หญิงที่คนนั้นสำรอกเป็นเลือด ผู้คุ้มกันสองคนที่ข้างเธอก็สำรอกออกมาเช่นกัน หญิงสาวพร้อมรอยสักบนหน้ามีสายตาหวาดหวั่น

หญิงคนนั้นหน้าซีดขาว พลังฉีเธออ่อนแอลง “ใครมันทำลายคำสาปผูกมัดหยินกัน”

 

แม้เสียงของหญิงคนนั้นจะอ่อนล้านิดหน่อย แต่ก็เต็มไปด้วยความอาฆาต

ผู้คุ้มกันสองคนได้ยินดังนั้นแล้วจึงมองหน้ากัน ใครกันที่นายแม่ใช้ “มนต์ผูกมัดหยิน” ด้วย อีกอย่างมนต์นี่เชื่อมกับหัวใจและชีพจรของเธอ อีกคำถามคือใครกันที่ทำลาย“มนต์ผูกมัดหยิน”ได้

 

“ฉันคงต้องพักฟื้นสักเดือน หลังจากหนึ่งเดือนแล้ว ฉันจะออกไปจากภูเขานี่และตามหาไอ้คนที่ทำลาย “มนต์ผูกมัดหยิน” ของฉัน” เมื่อหญิงคนนั้นกล่าวจบ เธอหลับตาและเริ่มหายใจแปลกไปทั่วหัวและเท้า

“ขอรับ นายแม่”

 

หลังเฉินหลงรีดเค้นเส้นพลังงานและโลหิตของหวังซือเหวินแล้ว เขาดึงเข็มเงินออกจากร่างเขา

“เป็นอย่างไรบ้าง ท่านอาจารย์” เมื่อเห็นเฉินหลงดึงเข็มเงินออก ฮัวหมิงเหรินรีบถามเขา

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำตอบจากเฉินหลง แต่แล้วเขาก็เห็นหวังซือเหวินที่สั่นเทาบนเตียง เขารู้ได้ว่าเฉินหลงรักษาหวังซือเหวินได้แล้ว