บทที่488
ผู้แปล : N.
เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอพูด ซูเสียวก็ถึงกับแสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาทันที “เขาเป็นอย่างไรบ้างค่ะ? แล้วการรักษาได้ผลดีไหม? และหลังจากนี้มีการรักษาอะไรบ้าง?”
“เอ่อ … ” หมอเซงหงได้ลังเลขึ้นมา ก่อนที่จะพูดว่า “หมอต้องขอพูดตรงๆว่าตอนนี้เซลล์มะเร็งของผู้ป่วยนั้นได้แพร่กระจายไปทั่วปอดแล้ว และถึงทางเราจะมีวิธีรักษาที่ทันสมัยที่สุดในจังหวัดนี้ แต่ทางเราเองก็ไม่อาจจะรับประกันได้ว่าอาการของผู้ป่วยจะดีขึ้น แต่การฉายรังสีก็ยังสามารถชะลอการขยายตัวของมะเร็งได้เล็กน้อย หมอคิดว่าถ้าผู้ป่วยยังรักษาด้วยวิธีนี้ต่อไป ตัวผู้ป่วยอาจจะอยู่ได้นานขึ้นเล็กน้อย “
ซูเสียวก็ไม่ได้ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย ดังนั้นเธอจึงเข้าใจสิ่งที่หมอต้องการจะสื่อถึง มันจึงทำให้ตอนนี้ร่างกายของเธอได้แข็งทื่อและเหมือนจะมีน้ำตาไหลออกมาได้ทุกเวลา
ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็ได้กำมือของเธอเบาๆ เพื่อที่จะทำให้เธอรู้สึกดีมากขึ้น ซูเสียวที่ได้รับการปลอบโยนจากแฟนหนุนแล้วก็มีกำลังใจมากขึ้น เธอจึงได้หายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะพูดออกมาว่า : “คุณหมอเซง! คุณหมอไม่จำเป็นต้องพูดจาอ้อมค้อมอีกแล้วค่ะ! ฉันพร้อมที่จะรับฟังความจริงแล้ว! คุณหมอช่วยบอกฉันได้ไหมว่าอาการของพ่อของฉันยังสามารถรักษาหายได้ไหม?”
“อ่า! ” เซงหงถึงกับถอนหายใจออกมา แม้ว่าเขาจะเป็นหมอมานานหลายสิบปีก็ตาม แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องแจ้งให้ครอบครัวของผู้ป่วยทราบว่าผู้ป่วยนั้นไม่มีทางรักษา เขาก็ยังรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก
“โชคไม่ดีที่ตอนนี้ทางเรายังไม่มีวิธีรักษาพ่อของคุณ แต่ในวงการแพทย์เราก็ยังมีวิธีที่จะยื้อชีวิตของผู้ป่วยได้นานขึ้น แต่หมอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ป่วยจะอยู่ได้นานขนาดไหน”
“ฉันเข้าใจแล้ว! ฉันต้องขอบคุณหมอมากจริงๆ!” ซูเสียวได้พูดออกมาอย่างสงบ แต่ลูชินรู้สึกได้ถึงการสั่นของมือของเธอตลอดเวลาที่เธอพูดประโยคนี้
เซี่ยโม ผู้อำนวยการแผนกก็ได้ยืนขึ้นหลังจากเรื่องนี้จบลง และเขายังได้พูดออกมาเพื่อให้ญาติคนไข้นั้นรู้สึกสบายใจว่า: “คุณซู! ฉันสัญญาว่าทางเราจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาอาการของพ่อคุณ!”
ซูเสียวทำเพียงผงกหัวและไม่พูดอะไรตลอดทางเดินออกจากห้อง
ทันทีที่เธอออกจากห้องของหมอเซง และเดินมายังห้องนั่งเล่น ลูชินได้เข้าไปกอดเธอและกระซิบว่า “ร้องไห้ออกมาเถอะ! ผมรู้ว่าคุณอดทนมามากพอแล้ว”
หลังจากได้ยินประโยคนี้จากลูชิน ซูเสียวก็ไม่สามารถรั้งตัวเองได้อีกต่อไป เธอได้ร้องไห้ออกมายาวนาน ก่อนที่เธอจะเผลอหลับไป
……
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ทางพยาบาลก็มาแจ้งให้พวกเขาทราบว่าตอนนี้ซูหยานได้ตื่นขึ้นมาแล้ว และอารมณ์ของเขายังคงมั่นคงเป็นอย่างมาก ดังนั้นทางแพทย์จึงได้อนุญาตให้พวกเขาสามารถไปเยี่ยมได้
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ซูเสียวรีบไปที่ห้องน้ำเพื่อตรวจสอบตัวเองทันที เธอไม่ต้องการให้พ่อของเธอรู้สึกถึงการร้องไห้ครั้งนี้ของเธอ
ในวอร์ดผู้ป่วย ซูหยานได้ตื่นขึ้นมาไม่นานมานี้ สายตาของเขานั้นสามารถบอกได้ว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้แปลกใจอะไรที่เขาต้องมาอยู่ที่นี้
“ใช่แล้ว … อืม … ” ซูหยานกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่ แต่เสียงของเขานั้นเบาเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงมีเพียงผู้ป่วยแลพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆเท่านั้นที่ได้ยิน
“พ่อ! หนูมาแล้ว? นี้พ่อกำลังกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่เหรอ?” ซูเสียวได้แต่งหน้าใหม่ทั้งหมด เพราะการร้องไห้เมื่อไม่นานมานี้ มันทำให้เครื่องสำอางของเธอหลุดออกมาเกือบหมด
“ซูเสียวเหรอ?” ซูหยานได้พูดออกมาราวกับกระซิบ “ลูก! … ลูกต้องดูแลตัวเองมากๆนะ… เพราะอีกไม่นานพ่ออาจจะไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว…” เสียงของเขาเบาเป็นอย่างมาก แต่ลูชินกับได้ยินประโยคพวกนั้นอย่างชัดเจน
“พ่อกำลังพูดถึงอะไร? พ่อจะต้องอยู่กับหนูไปอีกนาน และโรคของพ่อเองก็จะต้องรักษาหาย ดังนั้นพ่ออย่าพูดอย่างนั้นอีก! ” ซูเสียวได้พูดตำหนิออกมา
ซูหยานที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “พ่อ … พ่อรู้อาการของตัวเองดี! แล้วนี้ลูกทิ้งงานมาแบบนี้มันจะไม่สงผลอะไรต่อบริษัทหรือไง?”
“พ่อไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น” ซูเสียวได้พูดต่อว่า “ก่อนมาที่นี้ หนูได้จัดการเรื่องบริษัทเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพ่อไม่ต้องกังวลไป!”
“ใช่แล้วครับ” ลูชินยังได้พูดเสริมขึ้นอีกว่า “คุณลุงไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับบริษัทเลย เพราะผมได้ช่วยจัดการเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้นซูเสียวสามารถอยู่กับคุณลุงได้ตลอดเวลา “
ซูหยานที่ได้ฟังแบบนั้นก็ถึงกับส่ายหัวออกมาอย่างขันแข็งและพูดว่า “ร่างกายของฉัน … ฉันรู้ดีกว่าพวกเธอ ที่จริงแล้วฉันก็ได้รู้เรื่องมะเร็งนี้มาตั้งหลายปีแล้วละ แต่ด้วยปัญหาในตอนนั้นมันเยอะเหลือเกิน ฉันจึงไม่ได้สนใจเกี่ยวกับมัน… “
น้ำเสียงของเขาดูสงบมากราวกับว่าเขาได้ทำใจเรื่องนี้เอาไว้นานแล้ว มีไม่มากที่ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะทำใจเรื่องแบบนี้ได้
ในช่วงวัยรุ่นตัวของซูหยานเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการทำงานหนักเกินไป และเมื่อรวมกับเข้ากับการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป มันจึงส่งผลให้ร่างกายของเขาทรุดตัวลงเร็วกว่าปกติหลายเท่า
เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อแบบนี้ ดวงตาของซูเสียวก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง ลูชินที่เห็นว่าแบบนั้นก็รีบเข้าไปปลอบเธอทันที พร้อมกับหันไปพูดกับซูหยานว่า “ คุณลุงมั่นใจได้เลยว่าอาการของคุณลุงนั้นไม่ได้ร้ายแรงอะไร และตอนนี้ผมได้เชิญผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในประเทศมารักษาคุณลุงแล้ว ผมคิดว่าอีกไม่นานพวกเขาก็มาถึงแล้วครับ “
“ส่วนซูเสียวนั้นคุณลุงไม่ต้องกังวลไปครับ ผมรับรองว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดี “
ซูหยานที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “เฮ้อ! … ฉันรู้ว่าเรื่องเงินนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเธอ แต่เธอก็ควรจะประหยัดเงินเอาไว้ เพราะยังไงโรคนี้มันก็ไม่มีวิธีรักษาหาย….ฉันรู้สึกแย่จริงๆที่ต้องรบกวนเธอแบบนี้”
ซูหยานได้พูดออกมาจนเหนื่อยอีกครั้ง และนั้นทำให้เขาต้องการหลับพักผ่อน ดังนั้นซูเสียวและลูชินจึงได้ขอตัวออกมาจากห้องทันที
“ลูชิน! ฉันต้องการอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูแลพ่อ แต่งานที่บริษัท … ” ก่อนที่ซูเสียวจะพูดจบ ลูชินก็ได้พูดขัดขึ้นว่า “คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับงานของบริษัท เดียวผมจะจัดคนอื่นมาดูแลมันเอง”
“ขอบคุณนะ!” ซูเสียวได้ตอบกลับมา
“ ไม่เป็นไร! ตอนนี้เราควรจะมุ้งความสนใจในการรักษาคุณลุงให้หายดีจะเป็นการดีที่สุด” ลูชินได้พูดออกมา
“ใช้! พ่อมีอายุเพียงห้าสิบปี พ่อยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายสิบปี!” ซูเสียวเองก็คิดแบบเดียวกัน แต่เธอก็ไม่มันใจว่าความปรารถนานี้ของเธอจะสัมฤทธิ์ผลไหม เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าเงินนั้นสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง แต่ถึงตอนนี้ตอนที่เธอนั้นรวยพอที่จะส่งพ่อของมายังโรงพยาบาลและแพทย์ที่ดีที่สุด แต่ยังไงก็ตาม มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย!
……
ไม่กี่วันต่อมา ลูชินได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาเป็นพิเศษ
ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคมะเร็งในกรุงปักกิ่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ชาวอเมริกัน และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงชาวฝรั่งเศส พวกเขาต่างก็ได้รับการเชิญจากลูชินทั้งหมด
ในบรรดาแพทย์ทั้งสามคนนี้ ไม่ใช้ว่าคนรวยคนไหนจะสามารถเชิญตัวพวกเขามาก็ได้ ถึงคุณจะให้เงินกับพวกเขามากขนาดไหน พวกเขาก็ไม่ต้องการ แต่ไม่ใช้สำหรับลูชิน เพราะลูชินนั้นได้ใช้อิทธิพลของเขาและเขายังสัญญาว่าจะบริจาคเงินจำนวนมากให้กับสถาบันทางการแพทย์ของพวกเขาทั้งสามอีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญและแพทย์ทั้งสามคนได้ทำงานร่วมกันเป็นเวลาหลายวัน ก่อนที่พวกเขาจะอธิบายผลลัพธ์ที่พวกเขาสรุปได้ให้กับลูชินฟัง
“พวกคุณคิดยังไงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในนี้?” ลูชินได้ถามออกมาทันทีที่ได้เจอ
บรูเออร์ ผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกันได้พูดออกมาโดยตรงว่า: “พระเจ้ากำลังเรียกหาเขา”
วูเต๋อชิง ผู้เชี่ยวชาญจากปักกิ่งเองก็ได้ถอนหายใจออกมา “เซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งปอดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยาจีนหรือยาตะวันตก ก็ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นสิ่งที่เราสามารถทำได้ตอนนี้คือการหาวิธีรักษาชีวิตของเขาให้นานขึ้นเท่านั้น “
คำพูดของเบอนัวต์ชาวฝรั่งเศสเองก็มีความคล้ายคลึงกับทั้งสองก่อนหน้านี้ เขาพูดว่า: “ทีมของผมเองก็กำลังพัฒนายาต้านมะเร็งขึ้น ถ้าคุณซูเต็มใจที่จะลองก็ไม่มีปัญหา แต่ผมไม่สามารถรับประกันผลกระทบของยาตัวนี้ได้ มันอาจจะทำให้เขาอาการดีขึ้นหรืออาการแย่ลงก็ไม่มีใครคาดเดาได้ “
“ไม่มีทางจริงๆเหรอ?” ลูชินที่ได้ฟังผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนพูดแบบนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“ไม่มีทางอื่นแล้วครับ” วูเต๋อชิงได้พูดต่อว่า “โรคมะเร็งเป็นปัญหาทางการแพทย์ระดับโลกมาโดยตลอด พวกเราได้ศึกษามาตลอดชีวิตแต่การพัฒนาของพวกเราในด้านมะเร็งนั้นกับไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควรอย่างโรคอื่นๆ แต่มันก็มีความเป็นไปได้ในการรักษาโรคมะเร็งในระยะแรกและระยะกลาง ซึ่งเป็นเรื่องแย่อย่างมากที่คุณซูนั้นได้เข้าสู่ขั้นสุดท้ายแล้ว ดังนั้นถึงพวกเราจะรักษาเขายังไง เขาก็จะไม่มีทางหายได้ “
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็พยักหน้าเป็นการขอบคุณเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พวกคุณโปรดอยู่อีกสองสามวัน ฉันขอลองทำอะไรบางอย่างอีกครั้ง”
“คุณลู! ผมต้องขอพูดตรงๆว่าผมนั้นสามารถอยู่ได้เพียงห้าวันเท่านั้น และหลังจากห้าวันผมจะกลับไปที่ประเทศของผมเพื่อรักษาผู้ป่วยรายสำคัญคนอื่นต่อ!” บรูเออร์ได้พูดขึ้นมา
“แค่นั้นก็ดีมากแล้ว”