บทที่487

ผู้แปล : N

วันนี้เธอได้สวมเสื้อคลุมรายดอกกุหลาบสุดเซ็กซี่ พร้อมกับสวมชุดเกราะรบสีทอง ด้านบนศีรษะยังใส่มงกุฎรูปนกฟีนิกซ์เอาไว้อีกด้วย

ถ้าลูชินคิดไม่ผิด ตอนนี้ซู่เสียวคงกำลังบันทึกวิดีโอโปรโมตเกมตัวใหม่ล่าสุดของบริษัทอยู่อย่างแน่นอน และมีความเป็นไปได้ว่าหลังจากที่เธอบันทึกคลิปโปรโมตจบ เธอไม่ได้เปลี่ยนชุดแต่เลือกที่จะวิ่งมาหาลเขาแทน แล้วเธอยังได้ตะโกนว่า “พี่ชาย!” ตลอดทางอีกด้วย

“เดี๋ยวก่อน! เธอกำลังพยายามที่จะกระตุ้นให้พี่ตายใช้ไหม?!” ลูชินได้รีบเอามือดันหน้าของซู่เสียวให้ออกห่าง

“ฮิฮิ! เมื่อจักรพรรดิ์ดินีอยู่ข้างหน้าของพี่ชายแล้ว! พี่ชายจะต้องกลัวอะไรอีก” ซู่เสี่ยวได้พูดพร้อมกับบอกสถานตัวเองให้ลูชินฟัง

“เอาละ! เอาละ! เธอเองก็อย่าเล่นมากนักละ ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะไปฟ้องพี่สาวของเธอก็ได้!” ลูชินได้พูดออกมาแบบทำอะไรไม่ได้ และนั้นทำให้ซู่เสียวยิ้มออกมาอย่างน่ารัก

“เลิกเล่นกันก่อน!” ลูชินได้เปลี่ยนมาแสดงท่าทางจริงจังและถามว่า “ตอนนี้ประธานซูอยู่ไหน?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซู่เสียวก็แสร้งทำเป็นโกรธทันที ก่อนที่เธอจะพูดออกมาอย่างน่าสงสารว่า “พี่ชาย! พี่เห็นหนูเป็นคนแรกแต่พี่กับไม่สนใจฉันเลย! หนูไม่ดีตรงไหน? ทำไมถึงต้องไปสนใจป้าซูด้วย! หนูไม่เข้าใจจริงๆ! “

“ ยังเล่นอยู่อีกนะ ” ลูชินอดไม่ได้ที่จะบีบจมูกเธอเบาๆ

หลังจากพวกเขาได้หยอกล้อกันอีกประโยคสองประโยค ซู่เสียวก็ได้ตอบกลับว่า : “เห็นว่าพี่สาวซูจะทำงานที่โรงพยาบาล และเธอคงจะไม่เข้ามาบริษัทในวันนี้”

“เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าเธอป่วย?!” ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา

“ไม่ใช่ว่าพี่สาวซูป่วย แต่เป็นพ่อของเธอตั้งหากที่ป่วย” ซู่เสียวยังได้ระซิบใกล้ๆกับหูของลูชินอีกว่า “เมื่อวานนี้หนูได้แอบเข้าไปเห็นพี่สาวซูร้องไห้ในสำนักงานของเธอด้วยละ!”

“จริงเหรอ?” ลูชินพบว่าเขาได้ละเลยในการเอาใจใส่ซูเสี่ยวเมื่อเร็วๆนี้ และนั้นทำให้เขานั้นละอายใจเป็นอย่างมาก

เขารีบกดโทรไปหาซูเสี่ยวทันที และเมื่อมีคนรับสายเขาก็ได้ถามขึ้นว่า “ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลไหน?”

“ใครบอกนายกัน! จริงๆแล้วฉันบอกพวกเขาไม่ให้บอกนาย … “ซูเสี่ยวได้พูดออกมาราวกับเสียงกระซิบ

“ตอนนี้ฉันอยู่ที่บริษัทของเธอ! เอาละ! เธอรีบบอกฉันมาว่าตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลไหน? ฉันจะได้รีบไปหา ” ลูชินได้ถามไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่กังวลเป็นอย่างมาก

ซูเสี่ยวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “โรงพยาบาลหัวจง”

โรงพยาบาลหัวจงเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ติดอันดับต้นๆในบริเวณใกล้เคียงนี้ และเมื่อลูชินได้มาถึงเขาก็ได้เตรียมพวกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมาพร้อมกับมีซู่เสียวติดมาด้วย

โรงพยาบาลหัวจงไม่ว่าเวลาไหน ก็มีผู้คนจำนวนมากที่เข้าออกที่นี้

เมื่อลูชินได้พบกับซูเสี่ยว เขาก็สังเกตเห็นว่าเธอดูผอมลงไปมาก อาจจะเพราะความกังวลที่เกิดขึ้นจึงทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้

“นายมาแล้ว!” เมื่อซูเสียวเห็นลูชินเดินเข้ามา เธอก็สามารถยิ้มขึ้นมาได้ในรอบหลายวัน

“ อืม” ลูชินได้พยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนถามว่า“ คุณลุงเป็นยังไงบ้าง? แล้ทำไม่เธอถึงบอกฉันเลยละ?”

“พี่สาวซู” ซู่เสียวเองก็ได้เข้ามาทักทายเช่นกัน

“ เราออกไปข้างนอกก่อนเถอะ! ” ซูเสียวได้พาพวกเขาไปที่เลานจ์ แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ :“ พ่อของฉันตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอด”

“มะเร็ง!” ซู่เสียวถึงกับอุทานออกมา

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของซูเสียวก็แสดงออกที่หนักหน่วงมากขึ้น ก่อนที่เธอจะพูดออกมาอย่างไร้หนทางว่า “กว่าเราจะพบมัน มันก็สายไปแล้ว”

ในปัจจุบันนี้ โรคมะเร็งถือว่าเป็นโรงอันดับหนึ่งที่ฆ่าชีวิตของคนจีนเลยก็ว่าได้!

ลูชินนั้นได้เข้าใจอารมณ์ของซูเสียวตอนนี้เป็นอย่างดี เพราะถ้าหากญาติของเขาได้รับแจ้งว่าพบโรคนี้ เขาก็คงจะมีอาการเดียวกับเธอในตอนนี้

ดังนั้นลูชินจึงได้ยื่นมือไปจับมือของซูเสียวเบาๆ และพูดขึ้นว่า: “เธอสามารถมั่นใจได้ว่าฉันจะต่อสู้ไปพร้อมๆกันกับเธอ และถ้าเกิดว่าแพทย์ที่นี้ไม่เก่งพอ ฉันจะไปหาผู้ผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดในโลกมารักษาคุณลุงเอง!”

ซูเสียวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง! เพราะหมอที่นี่เป็นหมอชั้นนำของประเทศเลยก็ว่าได้! และฉันก็ได้จัดให้เขาเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยพิเศษอีกด้วย และตอนนี้เขาเองก็เพิ่งได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสีมา หมอบอกว่าเราคงต้องเฝ้าดูต่ออีกระยะหนึ่งกว่าจะได้ข้อสรุป”

“เอาล่ะ! งั้นพวกเราเข้าไปดูคุณลุงกันเถอะ” ลูชินได้พูดขึ้นมา

หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้เดินเข้าไปยังห้องพักที่ซูเสียวจัดเตรียมเอาไว้ ก่อนที่ลูชินจะได้เห็นชายชราคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย

พ่อของซูเสียวนั้นมีชื่อว่าซูหยาง เขามีอายุเพียง 50 ปีในปีนี้ แต่ในตอนนี้เขาดูเหมือนชายแก่ที่กำลังจะตาย! ร่างกายของเขาได้ผอมเป็นอย่างมากและนั้นยิ่งทำให้เขาดูน่าสงสารมากขึ้น! ใบหน้าของเขาเองก็ขาวราวกับกระดาษ

“คุณซู!” พยาบาลส่วนตัวที่ซูเสียวจ้างมานั้นได้รีบลุกขึ้น ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาเบาๆว่า “ฉันเพิ่งป้อนข้าวเขาไป และตอนนี้เขาพึ่งจะหลับไปเอง ฉันขอแนะนำว่าเราไม่ควรจะไปปลุกผู้ป่วยให้ตื่นตอนนี้”

“ฉันเข้าใจ” ซูเสียวได้พยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนที่เธอจะมองพ่อของเธอที่นอนอยู่บนเตียง

ต้องบอกว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูชินได้พบกับพ่อของซูเสียว เมื่อก่อนเขาเองก็ได้ไปเยี่ยมว่าที่พ่อตาคนนี้อยู่บ่อยๆ และทุกครั้งพวกเขาทั้งสองจะต้องดื่นเหล้ากันอย่างหนักตลอดเวลาพร้อมกับบอกให้เขาปฏิบัติต่อซูเสียวเป็นอย่างดี เพราะสำหรับเขาแล้ว ซูเสียวนั้นเป็นแก้วตาดวงใจที่สุดของเขา!

ในห้องรับรองพิเศษสำหรับครอบครัว ซูเสียวได้พยายามกลั้นน้ำตาของเธอและพูดว่า “มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด ถ้าฉันไปเยี่ยมเขาบ่อยๆในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา มันก็คงไม่เป็นอย่างนี้!”

“พี่สาวซู! พี่ต้องเข้มแข็งเอาไว้นะค่ะ! ” ซู่เสี่ยวได้มอบผ้าเช็ดหน้าให้กับเธอและพูดปลอบโยนต่อว่า: “หนูมั่นใจได้ว่าคุณลุงจะต้องไม่เป็นอะไร”

“ฉันต้องขอบใจเธอมากนะ! ” ถึงแม้ว่าซูเสียวจะตอบกลับไปเช่นนั้น แต่อารมณ์ของเธอไม่ได้เป็นอย่างที่ออกมา เพราะเป็นที่รู้กันดีว่ามะเร็งนั้นเป็นโรคที่รักษาไม่หายในวงการแพทย์ และถึงแม้ว่าวงการแพทย์แผนปัจจุบันจะได้รับการพัฒนามานานหลายปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถหาวิธีรักษาโรคนี้ได้อย่างสมบูรณ์!

ในตอนเย็น ลูชินได้พักอยู่ที่กับซูเสียว เพราะเขารู้ว่านี้เป็นช่วงเวลาที่ซูเสียวต้องการกำลังใจที่สุด ดังนั้นจะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาจะค่อยเป็นกำลังให้เธอ

ระหว่างนั้นซูเสียวก็ได้พูดโทษตัวเองออกมาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น “ฉันบอกให้พ่อสูบบุหรี่น้อยลงและดื่มให้น้อยลงแล้ว ทำไมเขาถึงไม่ฟังฉันบ้างเลย”

“ฉันควรกลับบ้านให้บ่อยมากขึ้น ไม่อย่างนั้นเรื่องอย่างนี้คงไม่เกิดขึ้น”

“ถ้าเขาจากไปแล้ว ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร … “

ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบเข้าไปสวมกอดเธอทันที พร้อมกับพูดเบาๆว่า “เธอสามารถมั่นใจได้ว่าฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ และตอนนี้ฉันได้ติดต่อกับเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันไปแล้ว ฉันเชื่อว่าอีกไม่กี่วันมันจะต้องได้รับผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน “

“ขอบคุณนะ!”

“มันเป็นเรื่องที่ฉันควรทำอยู่แล้ว”

……

หลังจากที่ซูหยานได้ไปฉายรังสีมาแล้ว เขาก็ได้เข้าไปตรวจสภาพร่างกายอีกครั้ง หลังจากนั้นแพทย์จึงจะตัดสินใจเลือกแผนการรักษาต่อไป

“ผลการทดสอบออกมาแล้วเหรอ?” ซูเสียวได้รอคอยอย่างใจจดใจจ่อเกี่ยวกับผลตรวจนี้

“ ตอนนี้คุณหมอและผู้อำนวยการของเรากำลังคุยกันอยู่ คุณซูรออีกหน่อยนะค่ะ” พยาบาลได้พูดออกมาอย่างสงบ

“ฉันเข้าใจ” ซูเสียวได้คลายอารมณ์ของเธอลงเล็กน้อย

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หมอและผู้อำนวยการก็ได้ออกมาจากห้องตรวจโรค อาจจะเป็นเพราะพวกเขานั้นสวมหน้ากาก มันจึงทำให้เธอไม่สามารถคาดเดาใบหน้าของพวกเขาได้เลย

“ครอบครัวของผู้ป่วยโปรดเข้ามาในห้องครับ” หมอผู้ดูแลได้พูดขึ้นมาทันทีที่เขาออกจากห้องตรวจโรค

ในครั้งนี้ลูชินได้ไปฟังผลด้วย เพราะเขาไม่ต้องการให้ซูเสียวทนรับแรงกดดันอยู่คนเดียว

“คุณลู! คุณซู! สวัสดีทั้งสองคนครับ” ผู้อำนวยการแผนกได้เข้ามาและจับมือกับพวกเขา

“สวัสดีค่ะ. แล้วการทดสอบของพ่อฉันเป็นยังไงบ้าง” ซูเสียวไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคิดอะไรอีก เพราะตอนนี้เธอต้องการรู้ว่าผลลัพธ์เป็นยังไงเท่านั้น

ผู้อำนวยการและแพทย์ที่เข้าร่วมตรวจสอบต่างก็มองไปที่หมอคนหนึ่ง ก่อนที่หมอที่ชื่อว่าหมอเซงหงจะพูดขึ้นว่า: “ทั้งสองคนนั่งลงก่อนครับ! ผมต้องขอพูดตามตรงว่าสถานการณ์ของพ่อคุณตอนนี้ดูเหมือนจะยุ่งยากเป็นอย่างมาก”