พอชูฮันพูดออกมาอารมณ์คุกกรุ่นในใจของทุกคนก็พลันสลายไปทันที ความกลัวเริ่มแผ่กระจายไปทั่วหัวใจของทุกคนในห้อง แผนการร้ายสมคบคิดยิ่งดูเข้าเค้าขึ้นไปเรื่อยๆ ผสมกับคำพูดของชูฮันก่อนหน้านี้เข้าไป ความหวังที่การสมคิดคบจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ยิ่งจางหายมากขึ้นไปทุกที
ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ว…บทลงโทษจากชูฮันสำหรับการที่พวกเขาเพิกเฉยต่อจุดสำคัญเช่นนี้มันน่ากลัวกว่าเยอะ!
สาเหตุที่ค่ายหนานตู้ไม่จัดรวมอยู่ในกลุ่มด้วยก็เพราะความจริงที่ชูฮันและฉางกวนยวีซินรู้จักกันเป็นเรื่องที่หลายคนรู้ดีและไม่ว่าความช่วยเหลือนี้จะถูกส่งมาจากฉางกวนยวีซินหรือฉางกวนหลงก็ตาม มันก็สมเหตุสมผลแล้วสำหรับการตอบแทนความช่วยเหลือจากชูฮัน
ส่วนอีกแปดค่ายที่ส่งความช่วยเหลือมาพร้อมกับกองกำลังทหารวิวัฒนาการยกเว้นแต่ค่ายตวนที่ไม่ส่งทหารมาเลย แต่กลับส่งเสบียงและอาวุธมาช่วยมากที่สุด มันจึงเดาไม่ยากว่าตวนเจียงเหว่ยไม่ได้วางแผนซ้อนสำหรับการกระทำครั้งนี้ดั่งค่ายอื่นๆ เพราะเหตุนั้นค่ายตวนจึงเป็นเพียงค่ายเดียวที่ไม่ได้ส่งทหารมาด้วย
อะไรคือความเชื่อมโยงระหว่างทั้งแปดค่าย?
แล้วข้อมูลแบบไหนที่พวกนั้นต้องการ?
ตอนนี้สายตาหลายคู่มีประกายเรืองแสงบางอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ตกอยู่ในสงครามเช่นนี้ พวกเขากลับมองมันไม่ออก ถ้าไม่ใช่เพราะพลเอกชูฮันเป็นคนชี้จุดให้เห็นอย่างจริงจังละก็…
ถ้ามันมีการสมคบคิดจริงๆโดยการแสร้งทำเป็นส่งทหารวิวัฒนาการมาช่วยเหลือค่ายเขี้ยวหมาป่ามีหรือที่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างตวนเจียงเหว่ยจะไม่รู้แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้มากกว่า เขาจึงไม่ส่งทหารมาเลย ทั้งที่ๆตวนเจียงเหว่ยส่งความช่วยเหลือมาถึงสองรอบ เห็นได้ชัดว่าตวนเจียงเหว่ยมีข้อห้ามกับตัวเองชัดเจน
เพราะความอับอายจึงไม่คิดจะเคลื่อนไหวอีก
เพราะกำลังอารมณ์ร้อนนอกเหนือจากส่งความช่วยเหลือ จึงไม่ลงมืออีกแต่รอดูสถานการณ์ต่อไปก่อน
”ขอแผนที่?”ชูฮันถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
เขารู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากนี้เพราะอดีตในชาติที่แล้วเขารู้ว่าการแบ่งสถานะของพวกค่ายใหญ่เหล่านี้จะขึ้นในอนาคตอันใกล้ แต่เขาก็รู้ดีอีกว่าเรื่องพวกนี้มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ และคนส่วนใหญ่ภายในห้องนี้เป็นเพียงแค่หมอกที่ไม่มีตัวตน ยกเว้นเพียงแค่…
เกาช้าวฮุ่ยที่ยืนเงียบทำเป็นไร้ตัวตนอยู่ในมุมห้อง แววตาสนใจของชูฮันถูกเบนไปที่เกาช้าวฮุ่ยมีความคิดมากมายเกิดขึ้นในหัวชูฮันเต็มไปหมด
สถานการณ์ในอนาคตสำหรับทั้งค่ายใหญ่ทั้งสิบค่ายนั้นจะตรงกันข้ามกับแนวโน้มที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ซึ่งนำโดยตระกูลป่ายและตระกูลเกา มันคือการแข่งขันระหว่างกำลังพลมนุษย์ที่มีในมือ ส่วนความต้องการที่แท้จริงของพวกตระกูลลึกลับนั้นชูฮันเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดเลย แต่ที่เขารู้ก็คือทั้งสองตระกูลนี้..ไม่มีตระกูลไหนบริสุทธิ์ทั้งนั้น
ขณะนี้ทั้งสิบค่ายใหญ่ในจีนต่างส่งความช่วยเหลือมายังค่ายเขี้ยวหมาป่ากันหมด ซึ่งทั้งสิบค่ายนี้จะสร้างความแตกต่างขึ้นต่อไปในอนาคต ที่จริงแล้วอำนาจที่หนุนหลังค่ายเหล่านี้อยู่คือตระกูลป่ายและตระกูลเกา ซึ่งชูฮันแน่ใจในเรื่องนี้ดี
ที่แปลกก็คือเหตุการณ์คราวนี้ซางจิงกลับไม่เข้าร่วมด้วย ซางจิงเป็นค่ายใหญ่ค่ายเดียวที่ไม่ส่งความช่วยเหลือมาให้ค่ายเขี้ยวหมาป่า ซึ่งซางจิงก็เป็นค่ายเดียวที่มีอำนาจหนุนหลังจากทั้งสองตระกูลอยู่ ความพิเศษนั้นก็คือความชัดเจนในตัวซางจิงเอง
ซางจิงไม่มีการส่งข่าวหรือการติดต่อช่วยเหลือใดๆมาเลยทั้งสิ้นซึ่งชูฮันก็เดาไว้แล้วว่านอกเหนือจากค่ายใหญ่ๆทั้งหลายแล้ว ซางจิงมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลายเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดทิ้งโดยไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
ถ้าไม่มีค่ายเขี้ยวหมาป่าในโลกาวินาศก็จะไม่มีพลเอกชูฮันและก็จะไม่มีกองทัพเขี้ยวหมาป่า…
เหล่าคนจากตระกูลลึกลับนั้นได้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อความซื่อตรงและบริสุทธิ์ของซางจิงที่เคยมีในอดีตอำนาจที่ถูกเปลี่ยนมือ รวมถึงการร่วมมือระหว่างตระกูลป่ายและพวกลูกผสม ที่จริงสถานการณ์ภายในโลกาวินาศนั้นเป็นอะไรที่ซับซ้อนอย่างมาก
อีกค่ายหนึ่งที่ต้องพูดถึงก็คือค่ายตวนซึ่งก็มีความพิเศษมากเหมือนกัน การกระทำล่าสุดของตวนเจียงเหว่ยนั้นไม่ต่างอะไรกับการยอมรับข้อกล่าวหาจากชูฮันเลย ประกอบกับการที่เขาไม่เข้าร่วมในการสมคบคิดกับค่ายใหญ่อื่นๆนั้น ในใจชูฮันก็แน่ชัดแล้วว่าค่ายตวนยังคงตกอยู่ในการนำของตวนเจียงเหว่ยเหมือนเดิม ไม่ได้ถูกอำนาจมืดคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับค่ายอื่นๆนั้นมันก็ไม่ได้ยากที่จะเดาเลยว่าทำไมจู่ๆพวกเขาถึงได้รีบส่งความช่วยเหลือมาให้เขาทันทีแบบนี้
ซางจิงค่ายตวน และอีก 9 ค่าย บวกค่ายเขี้ยวหมาป่าด้วย ทั้งหมดรวมเป็น 12 ค่ายกำลังถูกจับตามองอยู่ ซึ่งทั้ง 12 ค่ายนี้คืออนาคตแห่งยุคโลกาวินาศ
และตอนนี้ทุกอย่างมันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ…
”ท่านพลเอกค่ะ”ติงเซวกางแผนที่ปัจจุบันที่ครอบคลุมรายละเอียดในพื้นที่มากที่สุดของค่ายเขี้ยวหมาป่าขึ้นโต๊ะต่อหน้าชูฮัน ซึ่งมันคือแผนที่ที่ซูชิงและเจียงเทียนชิงช่วยกันสำรวจมาอย่างยากลำบาก
ชูฮันจ้องแผนที่ตรงหน้าตาไม่กระพริบที่จริงเขาค่อนข้างแปลกใจเมื่อได้เห็นแผนที่จากฝีมือซูชิง ซูชิงถึงกับวาดรายละเอียดลงลึกราวกับพวกเขายังอยู่ในยุคที่แล้วที่มีเครื่องทันสมัยคอยช่วยเหลือ
”ไม่ใช่อันนี้”ชูฮันเอ่ยขึ้น ในจังหวะที่เขาละสายตาจากเกาช้าวฮุ่ย มันมีประกายบางอย่างแวบผ่านนัยน์ตาชูฮันไปอย่างรวดเร็ว “ฉันต้องการแผนที่ทั้งจีน”
ทันทีที่ชูฮันเอ่ยออกไปทุกคนก็แทบหยุดหายใจกันหมดด้วยความตะลึง แม้แต่เกาช้าวฮุ่ยเองก็ยังอึ้งไปชั่วขณะ เขาชำเลืองมองชูฮันเล็กน้อยด้วยความสงสัยทันที
ชูฮันรับรู้ได้ถึงสายตาที่ทุกคนในห้องประชุมส่งมายังเขาดีรวมถึงการเคลื่อนไหวอันน้อยนิดของเกาช้าวฮุ่ยด้วย ที่จริงแล้วต้องบอกว่าตัวเกาช้าวฮุ่ยค่อนข้างขัดต่อแผนการของเขา
เขี้ยวหมาป่าในขณะนี้ไม่ควรรวมตัวกันได้ตอนนี้มันควรจะเป็นเวลาโชคลาภที่ตระกูลป่ายและตระกูลเกาจะเข้ามาเล่นเกม
อย่างไรก็ตามเกาช้าวฮุ่ยได้ปรากฏตัวต่อเขาก่อนเวลา โดยไม่สนใจว่าก่อนหน้านี้ครอบครัวของเกาช้าวฮุ่ยเองที่เป็นคนวางแผนกำจัดชูฮัน ทำให้ตอนนี้ชูฮันต้องเชื่อมโยงตระกูลลึกลับเข้ากับอนาคตของเขี้ยวหมาป่า
เพื่อที่จะอยู่รอดในช่องว่างเขายังมีกุญแจสำคัญอยู่…ป่ายหวีเนอ!
นานเท่าไหร่แล้วนะ?
นานเท่าไหร่แล้วที่ป่ายหวีเนอหายไป?
ตั้งแต่ที่ชูฮันตามหาแม่ของเขาเจอเมื่อปีที่แล้วชูฮันก็ไม่ได้เห็นป่ายหวีเนออีกเลย เขาตรวจสอบทุกอย่างหมดแล้ว ร่องรอยทุกอย่างมันหายไปหมด
ทำให้ชูฮันต้องวางความตั้งใจที่จะตามหาป่ายหวีเนอลงก่อนเขาต้องนำพาเขี้ยวหมาป่าก้าวผ่านปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นให้ได้ ชูฮันจึงยอมให้เกาช้าวฮุ่ยปรากฏตัวข้างกายและยังถึงกับยอมให้เข้าร่วมการประชุมที่มีแต่สมาชิกหลักของเขี้ยวหมาป่าเท่านั้นที่จะเข้ามาได้
เกาช้าวฮุ่ยอาจจะเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองแต่ชูฮันก็ได้วางแผนที่จะดึงทั้งตระกูลเกามาเป็นพันธมิตรกับเขาแล้ว ใช่…มันไม่ใช่ว่าเขาจะต้องตกเป็นทาสหรือเป็นรองตระกูลเกา แต่ชูฮันจะใช้ตระกูลเกาเพื่อสู้กับตระกูลป่ายต่างหาก!
เขาจะต้องรีบตามหาป่ายหวีเนอกลับมาให้ได้!
ใครสมคบคิดร้ายต่อเขาใครเข้าร่วมบ้าง…จะรู้ได้เมื่อได้เห็นว่าใครที่มีความกล้าทะเยอทะยานมากขึ้น!
ติงเซวตัวสั่นเมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีอันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวชูฮันเธอรีบกางแผนที่แผ่นใหญ่ลงบนโต๊ะกลางห้องประชุมด้วยความหวาดกลัว
ในจังหวะที่ทุกคนหันความสนใจไปที่แผนทีกันหมดเกาช้าวฮุ่ยก็ค่อยๆยืดตัวขึ้นและจ้องเขม็งไปที่แผนที่ตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกเช่นกัน รวมถึงมองชูฮันด้วยความสงสัย
ชูฮันต้องการจะทำอะไร?
”ปากกา”ชูฮันยื่นมือไปหาติงเซว เอ่ยน้ำเสียงนิ่งๆ
ติงเซวกลืนน้ำลายลงคอด้วยความตื่นตระหนกค่อยๆวางปากกาลงบนฝ่ามือชูฮัน จากนั้นก็รีบผละออกไปด้านข้างทันที ทั้งห้องประชุมเองก็สัมผัสได้ถึงรัศมีความอันตรายจากชูฮัน ทุกคนสังเกตเห็นชัดเจนถึงความผิดปกติของชูฮันในครั้งนี้
ในช่วงเวลานี้จิตใจของชูฮันคิดถึงแต่การทำสงคราม การที่เขาดูนิ่งเฉยทั้งๆที่มีกองทัพซอมบี้ 300,000 ตัวจ้องจะทำลายทั้งเมืองอันลูอยู่แท้ๆ ไม่ใช่เพราะไม่กลัวหรือเพราะคิดแผนการไว้เรียบร้อยหมดแล้ว แต่เพราะในหัวของชูฮันกำลังประมวลผลมากมายที่ตีกันยุ่งเหยิงไม่หยุด รวมถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังสงครามจบลง ชูฮันกำลังคิดว่าเขาควรจะข้ามขั้นแรกไปแล้วไปคิดขั้นที่สองและขั้นที่สามต่อดีมั้ย…
ข้อควรระวังคืออะไร?กลยุทธ์คืออะไร? สถานการณ์โดยรวมเป็นยังไง?
หรือตอนนี้เขาควรจะแสดงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดออกมาให้ทุกคนได้รับรู้และบอกทุกอย่างในสมองของเขา แสดงมันออกละเอียดให้ทุกคนได้เข้าใจดี?