ตอนที่ 676 : ถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี

Virtual World – Peerless White Emperor

ตอนที่ 676 : ถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี

“เวทระเบิดเพลิง! เวทระเบิดเพลิง! ระเบิด! ระเบิด! ระเบิด!” ยิ่งหลินหลี่ขว้างขวดระ เบิดเพลิงระดับสูงมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

 

อลิสซ่าตกใจมาก “คนของฉันพ่ายแพ้เขาอย่างง่ายดาย นักดาบที่โจมตีโดยก ระบองที่เขาเรียกมันว่าคทา”

 

“เวทเพิ่มพลัง! ไอ้พวกชั่วตายไปซะ!” หลินหลี่กําลังไล่ล่าผู้ที่หนีไปพร้อมกับกระบองในมือ

 

ในทางกลับกันคนที่อยู่รอบๆจุดเกิดของเมืองไอรอนซอว์ทั้งงงวย เมื่อพวกเขาเห็นคนที่ออกมาเป็นคนของตัวเอง “เกิดอะไรขึ้น? พวกคุณเจอกับหายนะมางั้นหรอ?”

 

“พวกคุณไปโดนตัวอะไรฆ่ามา?”

 

“เราพบบอสที่รู้วิธีพูด มันมีความผิดปกติทางจิต มันยังสามารถเคลื่อนไหวและแสร้งเป็นมนุษย์ได้”

 

“หัวหน้ารีบไปกันเถอะ! คนๆนี้บ้าเกินไป! เราไม่สามารถสู้เขาได้เ การฟื้นฟูตัวเองของเขานั้นเร็วเกินไป! ความเสียหายเวทย์มนตร์ของเราไม่เพียงพอ!”

 

อลิสซ่าจ้องไปที่หลินหลีในเปลวไฟ และถอนหายใจ “ไปกันเถอะ ฉันจะแจ้งสํานัก งานใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

เมื่อเธอกําลังจะเดินกลับไป หลินหลี่ก็ตะโกน “จงลิ้มรสเวทดาวตกของฉันซะ!”

 

ทันใดนั้นก้อนหินยักษ์ก็บินลอยไปหาเธอ อลิสซ่าที่เดินอยู่เห็นเงาดําอยู่ใต้ฝ่าเท้าตัวเองเธอจึงเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เธอเห็นกลับไม่ใช่ก้อนหินยักษ์ แต่เป็นหลินหลี่ที่ถือหินไว้ลอยอยู่เหนือหัวเธอจากนั้นหลินหลีก็ทุ่มก้อนหินยักษ์ใส่เธอ หัวใจของอลิสซ่าดิ่งลงครู่หนึ่ง และวิสัยทัศน์ของเธอก็เป ลี่ยนเป็นสีดํา สิ่งที่เธอได้ยินคือ “หัวหน้า! ทุกคนวิ่ง!”

 

“เวทระเบิดเพลิง!”

 

“เวทอัญเชิญอาวุธโจมตี!”

 

“เวทดาวตก!”

 

“เวทกระบองหมุนวน!”

 

“เวทคลื่นกระแทก!”

 

เมื่อเห็นสนามรบที่เต็มไปด้วยเปลวไฟข้างหลังเขา หลินหลี่ถอนหายใจอย่างหนัก “การกลั่นแกล้งผู้อื่นนั้นมันไม่ดี โดยเฉพาะกลั่นแกล้งฉัน เอาล่ะ! ฉันควรไปพบพี่ใหญ่ขาวดีกว่าว่าแต่เมืองมังกรเงินอยู่ที่ไหน?”

 

ปอยผมของเขาหันไปทางซ้ายทันที หลินหลี่จึงเดินทางต่อไปอย่างสบายใจ

 

ตอนนี้นักบวชสาวน้อยเจย์ลิสรู้สึกอยากร้องไห้ขณะที่เดินทางกับเย่ฉาง เธอเลื่อนดูประกาศจับบนอินเทอร์เน็ต เงินค่าหัวของฉันคือ 100 เหรียญทอง ซึ่งเทียบเท่ากับอุปกรณ์ระดับ Dark Gold เลยทีเดียว แต่ฉันไม่ใช่พรรคพวกของหัตถ์พระเจ้านะ! และฉันไม่เคยเห็นอุปกรณ์ระดับ Dark Gold มาก่อนด้วยซ้ํา! ฉันควรรู้สึกภูมิใจหรือเหนื่อยหน่ายใจดี?”

 

“พระเจ้า! ฉันเคยร่วมทีมกับนักบวชหญิงคนนี้มาก่อน! เธออ่อนแอมาก เธอดูไม่เหมือนคนที่แข็งแกร่งเลยสักนิด”

 

“โดยปกติแล้วคนประเภทนี้มักจะปกปิดตัวตนไว้ คุณอาจคิดว่าเขากระจอกเหมือนหมู แต่ใครจะรู้ว่าเขาอาจกลายเป็นเสือเมื่อคุณฉีกผิวหนังของเขาออกไป”

 

“อืม … มันก็จริง! มันเหมือนกับเหตุการณ์ของลอร์ดมาก้าในเรื่องเล่าปรัมปราเลย ฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนี้ และนักสู้ผมหางม้าสีดําเอาชนะสมาชิกทั้งหมดของหมาปาสงครามในปาหินแต่ฉัน รู้สึกโล่งใจมากจริงๆ”

 

“แน่นอน! หมาปาสงครามรังแกพวกเราที่อ่อนแอกว่าเสมอ ฮ่า ฮ่า แต่ตอนนี้พวกเขา กลับได้พบลอร์ดมาก้ากลับชาติมาเกิด และนักสู้ผมหางม้าสีดํา พวกเขาเหมือนกับไข่ที่กระทบหิน”

 

เจย์ลิสหันไปมองเผ่ฉาง “เราถูกประกาศจับ ฉันมีค่าหัว 100 เหรียญทอง และคุณมีค่าหัว 200 เหรียญทอง”

 

เย่ฉางพยักหน้าอย่างไม่แยแส ทันใดนั้นเขาก็หยุดคิดและตะโกน “ฉันถูกตั้งค่าหัวเท่าไหร่นะ!”

 

เจย์ลิสถอนหายใจ “ตอนนี้คุณรู้แล้วสิว่าคุณสมควรถูกตั้งค่าหัวมากขนาดนี้ มีหลายคนที่ต้อง การฆ่าคุณและฉันแต่ฉันไม่ได้ทําอะไรเลยนะ! ฮือ ฮือ” จากนั้นเธอก็สะอื้น “200 เหรียญทอง”

 

“200 ?! เชี่ยไรนี้! นี้เป็นการดูถูกความแข็งแกร่งของฉันมาก! ฉันรู้สึกเหมือนโดนดูถูก ฉันโกรธเคืองมาก!” เผ่ฉางเริ่มโกรธในขณะที่เขาพูด “200! ฉันมีค่าแค่ 200! พอฉันไม่ดุอย่างเสือพวกเขาจึงคิดว่าฉันเป็นแมวใช่มั้ย! เมื่อพวกเขาดูหมิ่นศักดิ์ศรีของฉันแบบนี้ ฉันก็จะไม่ออมมือให้ อีกแล้ว! สถานที่ใดที่มีผู้คนมากที่สุดในบริเวณนี้! ยิ่งมากยิ่งดี!

 

“คุณคิดจะทําอะไร?” เจย์ลิสตกตะลึงกับท่าทีที่เย่อหยิ่งของเย่ฉาง อย่าบอกฉันนะว่าเขาต้องการ … เฮ้ เฮ้ 200 มันก็มากแล้ว! นอกจากนี้คุณโกรธเพียงเพราะว่าเงินค่าหัวของ คุณน้อยเกินงั้นหรอ?”

 

“ฉันจะกวาดล้างพวกเขา!” เย่ฉางตะโกน

 

“ ” เจย์ลิสรู้สึกหมดหนทาง คุณได้ฆ่าพวกเขาไปหลายร้อยคนแล้ว แม้ว่าฉันจะไม่ ชอบพวกเขาเหมือนกันแต่ฉันก็ยังรู้ว่าอันไหนควรหรือไม่ควร

 

“อย่ามัวชักช้า! รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย!” เย่ฉางคว้าผมหางม้าสองอันของเธอแล้วยิ้มอย่างเลือดเย็น “ถ้าไม่พาไป..ฉันจะดึงหางม้าของคุณออก”

 

เจย์ลิสกลืนน้ําลายลงคอ ขณะที่เธอมองรอยยิ้มอันเลือดเย็นของเย่ฉาง ฮือ ฮือ ทําไมฉันต้องโชคร้ายอย่างนี้!”

 

เจย์ลิสที่น้ําตาคลอเบ้าพาเย่ฉางซึ่งยังคงจับหางม้าของเธอไว้ไปยังสถานที่ซึ่ง เป็นจุดรวมพลของกิลด์ๆหนึ่งแทนที่จะเดินทางไปยังเมืองมังกรเงิน เมื่อยืนอยู่บนที่สูงพวกเขาเห็นผู้คนนับพันกําลังโจมตีโกแลมยักษ์อยู่ เย่ฉางคิดคํานวณบางอย่าง “เวทมนต์ของฉันสามารถฆ่าคนได้มากที่สุดแค่หลายร้อยคนเท่านั้น ดูเหมือนว่าฉันต้องใช้การสู้รบแบบกองโจรที่นี่มีคนจํานวน มากเกินไป ฉันจะรอโอกาสเหมาะๆ เมื่อบอสเปิดใช้งานสกิลของมันฉันจะซุ่มโจมตี โดยฉันจะฆ่า ตัวแท้งค์และนักบวชก่อน” เย่ฉางลากเจย์ลิสเข้าไปในปาแล้วปีนขึ้นต้นสนระยะทางและวิสัย ทัศน์นั้นเหมาะที่จะซุ่มโจมตีมากเมื่อมองเจย์ลิสผู้ซึ่งกําลังสั่นไหว เย่ฉางก็ตะโกน “เชิดหัวขึ้น! ยืดอก! เอามือท้าวสะโพก! และยิ้มเข้าไว้! ถ้าไม่ทําตามที่บอก ฉันจะดึงหางม้าของเธอออก!”

 

เจย์ลิสฝืนยิ้มทั้งๆที่มีน้ําตาไหลอาบแก้ม คุณไม่รู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้เลย นี่คือสาขาของกิลด์ Knights of the Round Table เชียวนะ!” เมื่อเห็นเย่ฉางยิ้มอย่างชั่วร้ายเธอได้แต่ร้องไห้ข้างใน อาชีพเกมเมอร์ของฉันจบสิ้นแล้ว”

 

ในขณะที่โกแลมยักษ์กระโดดและยกขวานสงครามขึ้นสูง เย่ฉางก็ครุ่นคิด “ตอนนี้แหละ! มือของเขาส่องแสงขึ้นมาทันที [Light Strike Array]!

 

ตัวแท้งค์หลักที่กําลังคํานวณระยะรัศมีการโจมตีของบอสเพื่อที่จะหลบ แต่ทันใดนั้นเขาก็ เห็นพื้นดินร้อนขึ้น “มีเวทหมู่โจมตีเรา!”

 

ทันใดนั้นเปลวไฟที่กว้างหลายสิบเมตรก็ปกคลุมตัวแท้งค์หลัก ในขณะที่คนอื่นๆที่อยู่ข้างๆพยายามหลบการโจมตีของบอส เมื่อขวานสงครามถูกเหวี่ยงออกมาพร้อมกับการระเบิดของ [Light Strike Array] จึงทําให้หลายคนเสียชีวิตลง ผู้บัญชาการในแนวหน้าซึ่งเป็นหัวหน้าสาขาของกิลด์ Knights of the Round Table – อลูเจย์ตะโกน “เราถูกซุ่มโจมตี! ค้นหาตําแหน่งของพวกเขา! ตัวแท้งค์สํารองลงมือได้! เปลี่ยนตําแหน่ง! ทุกทีมเปลี่ยนตําแหน่งของคุณ!”

 

เย่ฉางตั้งใจใช้มานาทั้งหมดเพื่อเปิดใช้งานสกิลของเขา เวทวงแหวนน้ําแข็ง, คลื่นยักษ์ และฝนกรดทําให้ผู้คนรอบๆตัวบอสตายลง อลูเจย์โกรธมาก แต่ก็ทําให้เขารู้ตําแหน่งการซุ่มโจ มตีแล้ว เขาเห็นเงาสองร่างอยู่บนต้นสน อย่างไรก็ตามเพียงแค่พริบตาพวกเขาก็หายไปในปาทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อกล้องส่องเสมือนจริงซูมลงไป อลูเรย์ก็สามารถดูออกว่าพวกเขาเป็นใคร “นักสู้ผมหางม้าสีดํา? นักบวชผมหางม้าสองอัน? พวกเขาเป็นนักเวทงั้นหรือ? เดี๋ยวนะ!” 

 

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์นั้นยุ่งเหยิงไปหมด เย่ฉางก็อุ้มเจย์ลิสและวิ่งหนีไป เขาวิ่งไปที่หน้าผาด้านหลังกองทัพผู้เล่น ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ และดื่มน้ํายาฟื้นฟูมานาเพื่อรอสกิลต่อไปของบอส สิ่งที่ทําให้เจย์ลิสประหลาดใจก็คือความเร็วที่เหลือเชื่อของเย่ฉาง “หากเขาต้องการหนี ไม่มีใครสามารถตามเขาได้ทัน ฉันพนันได้เลยว่าคนเหล่านั้นยังคงคิดว่าเราอยู่ในปา” จากนั้นเจย์ลิสก็สังเกตเห็นสนามรบที่ยุ่งเหยิงเริ่มค่อยๆดีขึ้น “นั่นเป็นหนึ่งในสามตัวแท้งค์หลัก ของกิลด์ Knights of the Round Table – คาร์เบียน! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะมาช่วยได้เร็ว เช่นนี้ หรือบางทีเขาอาจจะอยู่ในทีมสํารอง? มันอาจเป็นเช่นนั้น บางทีพวกเขากําลังฝึกน้องใหม่อ ยู่ โดยมีเขาเฝ้าดูอยู่ข้างหลัง เราไปกันเถอะ ด้วยการมีคาร์เบียนแท้งค์บอสอยู่อย่างนี้ บอสจะต้อง ตายอย่างแน่นอน นอกจากนี้พวกเขารู้แล้วว่าตัวเองถูกซุ่มโจมตี พวกเขาจะระวังตัวมากยิ่งขึ้น”

 

“งั้นฉันจะฆ่าเขาก่อนแล้วกัน! ใครขอให้พวกเขาดูถูกฉัน!” เย่ฉางดึงอาวุธใหม่ของเขาออกมามันคือบาลิสต้าคริสตัลยักษ์ เมื่อเขาวางมันไว้ตรงตําเหน่งยิง เขาก็เริ่มชาร์ตพลังงานเตรียมพร้อมที่จะปลดปล่อย [Meteor Shot]! ด้วยการกระทืบเท้า เขาเรียกบาลิสต้าคริสตัลเล็กซึ่งเป็นอาวุธเงา ออกมา และเล็งไปที่พวกเขาเช่นกัน

 

ในสนามรบคาร์เปียนพยายามหลบขวานสงครามยักษ์ของบอส ทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงจากด้านข้าง แย่แล้ว! มันเป็นการโจมตีของมือปืน!” เขารีบใช้สกิลเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว – [Lightning Jump] เพื่อหลบศรยักษ์แต่ก่อนที่เขาจะร่อนลงบนพื้น เขาก็ถูกศรอีกอันเสียบอกปักลงที่พื้นราว กับว่าเขาถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน ทุกคนตกตะลึง เจย์ลิสเอามือปิดปากอย่างไม่เชื่อ เธอรู้ว่าเวทมนตร์ของเย่ฉางนั้นทรงพลังงแค่ไหน แต่เธอไม่รู้ว่าเขาจะมีฝีมือการยิงที่เฉียบขาดขนาดนี้ ศรแรกเป็นเหยื่อล่อ ส่วนศรที่สองเป็นศรเผด็จศึก!

 

เย่ฉางเก็บบาลิสต้าและผลักเจย์ลิส “เชิดหัวขึ้น! ยืดอก! เอามือท้าวสะโพก! และยิ้ม!”

 

จากนั้นพวกเขาสองคนปรากฏตัวบนหน้าผาและมองลงไปที่คนอื่น โดยมีแสงอาทิตย์ที่ส่องอยู่ด้านหลัง เย่ฉางดึงธนูออกมาแล้วยิง [Enchant Arrow – Flame Shot] เพื่อฆ่านักบวชจํานวน มาก จากนั้นเขาก็หันหลังกลับ และดึงเจย์ลิสที่กําลังสั่นสะท้าน “ไปกันเถอะ! ตอนนี้แค่บอสก็สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้แล้ว”

 

อาชีพเกมเมอร์ของฉันจบลงแล้วจริงๆ เจย์ลิสให้ในใจ ขณะที่เธอถูกดึงออกไป