“ข้าว่า……แผนของอูจิ่วคงใกล้จะสำเร็จแล้ว” จู่ๆตู๋เถิงก็พูดขึ้น
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” จวินอู๋เสียจับได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆในคำพูดของตู๋เถิง
ตู๋เถิงเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงที่จวินอู๋เสียฝึกฝนอยู่ให้นางฟัง
มังกรเพลิงได้เชิญอูจิ่วมา และเชิญตู๋เถิงกับดาบตัดวิญญาณมาให้ถามอูจิ่วเรื่องหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่ อูจิ่วตอบทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาและอธิบายเหตุผลของหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่ โดยเปิดเผยว่าทั้งหมดเป็นความคิดของจ้าววิญญาณ
ตู๋เถิงรู้สึกว่าอูจิ่วอาจมีจุดประสงค์อื่นแฝงอยู่ เขาไม่ได้ไปขอคำยืนยันจากจ้าววิญญาณ และให้คำแนะนำมังกรเพลิงไว้ มังกรเพลิงเชื่อใจตู๋เถิง เขาจึงไม่ได้ไปหาจ้าววิญญาณ
แต่การเลือกของพวกเขาไม่ได้หมายความว่าดาบตัดวิญญาณจะทำเช่นเดียวกัน
ดาบตัดวิญญาณรีบไปที่วังจ้าววิญญาณในวันรุ่งขึ้นเพื่อขอคำยืนยันจากจ้าววิญญาณเกี่ยวกับคำพูดของอูจิ่ว ผลที่ได้ก็เหมือนที่อูจิ่วพูดไว้ เขาพูดความจริงที่ว่าทุกอย่างเป็นความคิดของจ้าววิญญาณ
หลังจากได้รับการยืนยันจากจ้าววิญญาณ ดาบตัดวิญญาณก็นำข่าวกลับไปถ่ายทอดให้วิญญาณอาวุธทุกตนรู้ ทำให้เหล่าวิญญาณอาวุธตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
พลังของหอคอยโยวหลิงทำให้เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหลายต้องการมันมานานแล้ว แต่เนื่องจากที่นั่นทำให้เกิดอันตรายกับวิญญาณที่ไม่ใช่มนุษย์ เหล่าวิญญาณจึงมีความระแวงเกี่ยวกับมัน แต่หลังจากได้รู้ว่าหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่สามารถปรับเปลี่ยนตามวิธีการฝึกฝนของเผ่าพันธุ์วิญญาณได้ มันก็ทำให้เลือดของเหล่าวิญญาณอาวุธเดือดพล่านทันที ต่างมุ่งมั่นที่จะต่อสู้แย่งชิงหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่มาให้ได้.novel-lucky.
แม้ว่ามังกรเพลิงจะไม่ได้ไปขอคำยืนยันและไม่ได้ทำอะไรมากมายในเรื่องนี้ แต่ตอนที่มังกรเพลิงและพวกผู้นำคนอื่นมาประชุมกันนอกถ้ำที่มังกรเพลิงอาศัยอยู่ เหล่าวิญญาณสัตว์อสูรได้ยินทุกคำพูดที่แลกเปลี่ยนกันในการประชุมครั้งนั้น และได้แพร่กระจายมันออกไปในเผ่าพันธุ์ของตนราวกับไฟป่า ทำให้วิญญาณสัตว์อสูรทุกตัวพากันตั้งตารอคอยผลหลังจากมังกรเพลิงไปขอคำยืนยันจากจ้าววิญญาณ แต่นานแล้วมังกรเพลิงก็ยังไม่ทำอะไรสักที ขณะที่คำตอบที่ดาบตัดวิญญาณได้รับจากจ้าววิญญาณได้กระจายออกจากเผ่าพันธุ์วิญญาณอาวุธอย่างรวดเร็ว
วิญญาณสัตว์อสูรไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป พวกมันต้องการแค่ตรวจสอบความถูกต้องของคำพูดพวกนั้น พวกมันไม่สนว่าใครจะเป็นคนไปขอคำยืนยัน
เมื่อได้รับการยืนยันเรื่องหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่ วิญญาณอาวุธและวิญญาณสัตว์อสูรก็เริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงมัน การทะเลาะวิวาทและการปะทะกันทั้งใหญ่และเล็กระหว่างสองเผ่าพันธุ์ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มังกรเพลิงออกมาปรามอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถระงับความปรารถนาในพลังอำนาจที่อยู่ในหัวใจของเหล่าวิญญาณสัตว์อสูรได้ และไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เลย สุดท้ายแม้แต่วิญญาณพืชก็ยังถูกปลุกเร้าจนเริ่มกระสับกระส่ายร้อนรน และมีจำนวนไม่น้อยที่กระโดดเข้าสู่การต่อสู้เช่นเดียวกัน
การต่อสู้แย่งชิงนี้ทำให้สถานะของมังกรเพลิงและตู๋เถิงในหมู่วิญญาณสัตว์อสูรและวิญญาณพืชลดลงอย่างมาก ในขณะที่ดาบตัดวิญญาณนำเหล่าวิญญาณอาวุธเข้ายึดหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่ มังกรเพลิงและตู๋เถิงไม่ได้ก้าวออกมาเลย ทำให้วิญญาณในเผ่าพันธุ์ของพวกเขาพากันต่อว่าที่พวกเขาไม่อยู่ ความพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมทุกคนก็สูญเปล่า
เมื่อไม่กี่วันก่อนได้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างสามเผ่าพันธุ์ หลังจากมีผู้เสียชีวิตนับไม่ถ้วน วิญญาณอาวุธที่นำโดยดาบตัดวิญญาณก็ได้รับชัยชนะครั้งสุดท้ายและยึดสิทธิครอบครองหอคอยโยวหลิงไว้ได้ จากนั้นพวกมันก็เริ่มพูดคุยกับอูจิ่วว่าจะปรับเปลี่ยนหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่ตามวิธีการฝึกฝนของวิญญาณอาวุธกันอย่างไร
วิญญาณสัตว์อสูรและวิญญาณพืชที่พ่ายแพ้ต่างรู้สึกคับแค้นใจ และบางตนก็เอาความโกรธมาลงที่มังกรเพลิงและตู๋เถิง โทษว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่ออกมานำเผ่าพันธุ์ของตนต่อสู้เพื่อหอคอยโยวหลิง ทันใดนั้น มังกรเพลิงและตู๋เถิงก็ถูกก่นด่าจนทำให้สถานะในเผ่าพันธุ์ของตนได้รับผลกระทบอย่างมาก