“พวกโง่ คิดหรือว่าได้หอคอยโยวหลิงมาแล้วเป็นเรื่องที่ดีขนาดนั้นจริงๆ?” เฉียวฉู่ยิ้มเยาะเมื่อได้ฟัง สิ่งที่มังกรเพลิงและตู๋เถิงทำนั้นฉลาดแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของพวกเขาไม่ได้ฉลาดเหมือนพวกเขา
“หากไม่มีหมีวิญญาณ ก็เป็นไปไม่ได้ที่หอคอยโยวหลิงจะสร้างเสร็จ อูจิ่วทำได้แค่ถ่วงเวลาต่อไปเท่านั้น” ในสถานการณ์เช่นนี้จวินอู๋เสียกลับสงบนิ่ง ความปรารถนาที่จะไขว่คว้าพลังที่แข็งแกร่งมักทำให้เหล่าวิญญาณบ้าคลั่งและเดินออกนอกเส้นทางเดิมที่พวกเขาเคยก้าวเดิน
เมื่อเข้าใจวิชาเสริมวิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ จวินอู๋เสียก็แน่ใจว่าหากไม่มีหมีวิญญาณ ก็ไม่มีทางที่อูจิ่วจะทำให้หอคอยโยวหลิงเสร็จสมบูรณ์และเปิดใช้งานอักขระเสริมวิญญาณจำนวนมากนั้นได้ มันจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณในปริมาณที่มากเพียงพอและต้องมาจากแหล่งเดียว ไม่เช่นนั้นมันก็จะใช้งานไม่ได้ นอกจากนั้น ไฟวิญญาณในชั้นที่สิบสองยังต้องการจิตวิญญาณของวิญญาณที่ทรงพลังเพื่อจะก่อตัวขึ้น และวิญญาณที่สามารถให้พลังวิญญาณจำนวนมหาศาลขนาดนั้นได้ก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย และหมีวิญญาณคือหนึ่งในจำนวนที่หายากนั้น ไม่อย่างนั้นอูจิ่วจะทุ่มกำลังมากมายเพื่อตามจับหมีวิญญาณไปทำไม?
จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าวิญญาณที่ทรงพลังแบบไหนถูกสังเวยให้กับการสร้างหอคอยโยวหลิงอีกสามแห่ง แต่สำหรับหอคอยแห่งที่สี่นี้ ดูเหมือนอูจิ่วจะมีหมีวิญญาณเป็นตัวเลือกเดียวเท่านั้น
ที่ก่อนหน้านี้หมีวิญญาณอ่อนแอก็เป็นเพราะพลังวิญญาณของมันถูกเอาไปใส่ในหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่ และอูจิ่วไม่สามารถเปลี่ยนวิญญาณกลางคันได้ ทำให้หมีวิญญาณเป็นตัวเลือกเดียวของเขา.novel-lucky.
ตู๋เถิงพูดขึ้นว่า “ข้าแน่ใจว่าเจ้านายสันนิษฐานได้ถูกต้อง แต่เมื่อวานนี้อูจิ่วจับครูวิญญาณไปแล้ว”
“อะไรนะ?” จวินอู๋เสียตกใจเล็กน้อย
แม้ว่านางจะไม่เคยพบกับครูวิญญาณ แต่นางรู้ว่าเขาเคยเป็นผู้นำของวิญญาณมนุษย์ แต่เพราะใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง ทำให้ครูวิญญาณรู้สึกละอายใจต่อจ้าววิญญาณ และละทิ้งเกียรติยศความรุ่งโรจน์ที่เคยมีไปเก็บตัวอยู่อย่างสันโดษ แต่ถึงแม้ครูวิญญาณจะอยู่อย่างสันโดษ สถานะและอิทธิพลของเขาก็ไม่ได้จางหายไปจากใจของเหล่าวิญญาณมนุษย์ รวมกับเรื่องที่เขาคืออาจารย์ของอูจิ่วและน่าหลานเยว่ แล้วอูจิ่วกล้าจับครูวิญญาณไปดื้อๆเช่นนั้นได้อย่างไร?
“อูจิ่วป้ายความผิดที่ไม่มีมูลใส่ครูวิญญาณ และสั่งให้กักบริเวณครูวิญญาณเอาไว้ในบ้าน จากนั้นเขาก็ปล่อยข่าวว่าถ้าน่าหลานเยว่ไม่ปรากฏตัวพร้อมกับหมีสีน้ำตาลที่หลบหนี เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงโทษครูวิญญาณ” ตู๋เถิงไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการที่อูจิ่วใช้จับครูวิญญาณ หรือเรื่องที่เขาป้ายความผิดใส่จงจงและน่าหลานเยว่ แต่แค่คิดดูก็รู้แล้วว่าทั้งหมดนี้คือแผนการที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง
“เขาทำเช่นนี้เพื่อบังคับให้น่าหลานเยว่มอบหมีวิญญาณให้เขา” จวินอู๋เสียหรี่ตา อูจิ่วไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ จับอาจารย์ตัวเองกักบริเวณไว้ที่บ้านเพื่อบีบบังคับศิษย์น้องของตน ช่างเป็นการกระทำที่บ้าคลั่งต่ำทรามและน่ารังเกียจ แต่จากคำพูดของตู๋เถิง จวินอู๋เสียไม่ได้ยินว่ามีวิญญาณตนใดตั้งคำถามในเรื่องนี้เลย
“อูจิ่วดึงวิญญาณอาวุธมาอยู่ข้างเดียวกับเขา วิญญาณสัตว์อสูรได้รับความเสียหายครั้งใหญ่ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ยิ่งกว่านั้น สถานะของมังกรเพลิงก็ตกต่ำลง ไม่มีใครสามารถชักนำวิญญาณสัตว์อสูรให้สงสัยในสถานการณ์นี้ได้มากพอ วิญญาณพืชก็ไม่สนใจเรื่องของวิญญาณเผ่าพันธุ์อื่น ย่อมไม่ยื่นจมูกเข้ามายุ่งอยู่แล้ว ชื่อเสียงของอูจิ่วในหมู่วิญญาณมนุษย์นั้นเหนือกว่าครูวิญญาณไปมากแล้ว เพราะการสร้างหอคอยโยวหลิงทำให้วิญญาณมนุษย์เชื่อฟังคำพูดของเขาทุกคำ รวมกับการสนับสนุนของวิญญาณอาวุธ เรื่องทั้งหมดก็สำเร็จลงได้โดยที่แทบไม่มีการต่อต้านใดๆเลย” ตู๋เถิงขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่าการกระทำของอูจิ่วนั้นน่ารังเกียจ แต่ถึงจุดนี้ไม่มีใครสามารถหยุดอูจิ่วได้อีกแล้ว ไม่มีใครทำอะไรได้นอกจากรอให้น่าหลานเยว่ปรากฏตัวพร้อมกับหมีวิญญาณ ไม่มีหนทางพลิกสถานการณ์อีกแล้ว