ตูม!
พลังอันน่าทึ่งของคัมภีร์หวงแผ่ออกมาจากร่างกายของเย่เทียน ทำให้ระเบิดกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง
พนักงานที่ยังอยู่ในโรงแรมถึงกับถูกพลักจนล้มลงกับพื้น และโต๊ะกับเก้าอี้ในโรงแรมก็ปลิดปลิวออกไปทั่ว จะเห็นได้เลยว่าแดนฝึกพลังชั้นที่เจ็ดนี้มันน่ากลัวแค่ไหน!
แม้แต่โต๊ะเก้าอี้ที่อยู่ห่างกันยังขนาดนี้ คงไม่ต้องพูดถึงเย่หลิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเย่เทียน
แทบจะในทันที เขาถูกลมกระชากจนถอยห่างออกไปอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ กระทั่งสไลด์ออกไปสามเมตรถึงจะหยุดลงได้
“พระคุ้มครองตระกูลเย่ของเราจริงๆ! พระคุ้มครองตระกูลเย่ของเราจริงๆ!”
แต่ทว่า เย่หลิงไม่ได้รู้สึกโกรธแต่กลับมีความสุข จากนั้นเขามองไปที่เย่เทียนตรงหน้าแล้วหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า “ไม่นึกเลยว่านอกจากจะเป็นปรมาจารย์ปรุงยาแล้ว คุณชายเย่เทียนยังมีฝีมือการต่อสู้ที่ไม่อาจมีใครเทียบได้แบบนี้ ช่างเป็นที่พึ่งพิงของบรรพบุรุษจริงๆ!”
เมื่อเห็นเย่หลิงที่ดีใจจนแทบจะเป็นบ้า สีหน้าของเย่เทียนก็ยิ่งสับสน และมุมตาของเขาก็กระตุกอย่างพูดไม่ออก
อะไรคือพระคุ้มครองบ้านตระกูลเย่? อะไรคือที่พึ่งพิงของบรรพบุรุษ? หมอนี่ไม่ใช่คนของตระกูลเย่เลยด้วยซ้ำ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับบรรพบุรุษ!
อีกอย่าง การที่เขาสามารถยืนอยู่จุดนี้ได้ ทั้งหมดนั้นก็ล้วนได้มาจากคัมภีร์หวง แล้วเกี่ยวอะไรกับบรรพบุรุษตระกูลเย่?!
“นี่ คุณจะตะโกนเหมือนผีบ้าทำไม?”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เย่เทียนก็เริ่มพูดเสียงดังขึ้น “หรือว่าสิ่งที่ผมพูดมันไม่ชัดเจนพอ? ต่อให้ผมใช้นามสกุลเย่ แต่ผมก็แค่ใช้นามสกุลเดียวกันกับพ่อ มันไม่ใช่บ้านตระกูลเย่ที่คุณพูดถึง เมื่อก่อนเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ต่อจากนี้และในอนาคต เราก็จะไม่มีวันเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว!”
“คุณชายเย่เทียน ตอนนั้นคุณยังเด็ก เรื่องบางเรื่องมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะครับ”
เย่หลิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดกับเย่เทียนด้วยสีหน้าขมขื่น “ในตอนนั้น……”
“คุณไม่จำเป็นต้องมาอธิบายอะไรกับผมหรอก”
แต่ว่า ก่อนที่เย่หลิงจะพูดจบ เย่เทียนก็พูดแทรกขึ้นด้วยความเย็นชา “ตอนที่ผมถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเย่ ต่อให้มีเรื่องทุกข์ยากจริงๆ แต่พวกคุณก็ละเลยผมมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ผมเชื่อว่าถ้าผมไม่มีอะไรในตอนนี้ ชาตินี้พวกคุณก็ไม่มีทางมาหาผมหรอก ว่าไหม?”
“คุณชายเย่เทียน ที่แล้วในตอนนั้น……”
เย่หลิงกำลังจะอธิบายอะไร แต่สุดท้ายก็หยุดลงและแนะนำว่า “คุณชายกลับไปหาคุณย่าเย่กับผมก่อนดีกว่า ผมเชื่อว่าท่านยินดีที่จะอธิบายทุกอย่างให้คุณฟัง”
“ผมบอกแล้ว ถ้าแกอยากเจอผม ก็ให้แกมาหาผมเอง!”
เย่เทียนส่ายหัวแล้วปฏิเสธโดยที่ไม่ลังเลอีกครั้ง “สำหรับบ้านตระกูลเย่นั้น ชาตินี้ผมจะไม่ขอไปเหยียบอีก!”
ก่อนที่เย่หลิงจะพูด เย่เทียนก็พูดต่อ “เอาล่ะ ผมไม่มีเวลามากขนาดนั้น ตอนนี้ผมก็เริ่มง่วงแล้ว”
“ถ้าคุณเก่งจริงก็บังคับผมกลับไปให้ได้ แต่ถ้าไม่มีปัญญา คุณรีบไสหัวกลับไปก่อนที่ผมจะลงมือกับคุณ!”
“คุณชายเย่เทียน ผมจะกลับมาอีกครั้ง!”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เย่หลิงก็มองที่เย่เทียนอย่างลึกซึ้งแล้วหันเดินออกจากโรงแรมไป
จนกระทั่งร่างของเย่หลิงเดินหายจากไป เย่เทียนถึงจะเรียกผู้จัดการโรงแรมมาเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย และจากนั้นค่อยกลับไปพักผ่อนในที่พักของเขา
ซึ่งการปรากฏตัวของเย่หลิงนั้นเป็นไปตามที่เย่เทียนคาดไว้ และเขาก็ได้เตรียมใจไว้ก่อนที่จะมาถึงเมืองจินแล้วด้วยซ้ำ
และตั้งแต่ถังเหวินหลงบอกเขาว่าคุณย่าตระกูลเย่เป็นคนช่วยเขาติดต่อสำนักเฟยหวี่ เขาก็รู้ดีว่าคุณย่าตระกูลเย่ได้ติดตามเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแล้ว
หรือบางที ด้วยอำนาจของตระกูลเย่ในทุกวันนี้ เกรงว่าคุณย่าตระกูลเย่คงรู้ข่าวของเขาหลังจากที่เพิ่งลงจากเครื่องในขณะที่มาถึงเมืองจินเมื่อวานนี้แล้ว
แต่แล้วยังไง?!
ภาพสีหน้าที่ดูน่าเกลียดของญาติเหล่านั้นยังคงติดตาตระกูลเย่ แล้วจะให้เขาทิ้งอดีตง่ายๆ ไปได้อย่างไร?
ไม่ว่าจะยังไง เย่เทียนที่กลับถึงห้องก็ปรับอารมณ์ของเขาให้เรียบร้อย จากนั้นนั่งขัดตะหมาดเพื่อเตรียมตัวจะฝึกฝนขั้นลึกและเตรียมตัวในการแข่งขันของวันพรุ่งนี้
กริ๊ง กริ๊ง!!
แต่ว่า ยังไม่ถึงสองชั่วโมง เสียงโทรศัพท์ก็ปลุกเย่เทียนจากการฝึกซ้อมของเขา
เย่เทียนขมวดคิ้ว เมื่อเหลือบมองโทรศัพท์รอยยิ้มที่อ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เหนือสิ่งอื่นใด เพราะสายที่โทรเข้าไม่ใช่จากใครที่ไหน แต่เป็นเฉินหวั่นชิงที่อยู่ไกลแสนไกลในเจียงหนัน
เย่เทียนจึงกดรับสายและพูดหยอกล้อว่า “ที่รัก คิดถึงผมเหรอ?”
“คิดถึงอะไรของคุณ!”
เสียงที่ไม่สบอารมณ์ของเฉินหวั่นชิงดังขึ้นจากปลายสาย “คุณเป็นอะไร? ทำไมถึงเมืองจินก็ไม่โทรหาฉันเลย คุณไม่รู้เหรอว่าฉันจะเป็นห่วง?”
เย่เทียนถูจมูกอย่างไม่ได้ตั้งตัวและพูดอย่างลำบากใจว่า “ที่รัก เมื่อวานผมงานยุ่งมาก ยุ่งจนปวดหัวเลยล่ะ ต้องขอโทษจริงๆ นะ”
เฉินหวั่นชิงขมวดคิ้วและพูดอย่างสับสน “คุณเพิ่งถึงเมืองจินเมื่อวานไม่ใช่เหรอ แล้วคุณจะไปยุ่งอะไรกับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนั้นล่ะ?”
แต่ว่า ก่อนที่เย่เทียนจะตอบ เฉินหวั่นชิงก็ดูเหมือนจะนึกอะไรได้และลดเสียงลงแล้วถามอย่างสงสัย “หรือว่า ครอบครัวของคุณมาหาคุณเหรอ?”
เย่เทียนพยักหน้าเบาๆ และตอบอย่างจนใจ “ประมาณนั้น!”
“งั้น…….ให้ฉันไปจองไฟลต์บินตอนนี้เลยไหม?”
เมื่อได้คำตอบที่ชัดเจน เฉินหวั่นชิงก็ไม่กล้าพูดเสียงดังอีก “ให้ฉันกลับไปกับคุณ?”
สำหรับเรื่องนี้ของเย่เทียนแล้วเธอเข้าใจดีที่สุด เพราะเธอรู้ว่าในใจของเย่เทียนมีปมอยู่ตลอด!
“มันไม่จำเป็นหรอก”
เย่เทียนปฏิเสธข้อเสนอของเฉินหวั่นชิงโดยแทบจะไม่ลังเลและส่ายหัวตอบว่า “ผมไม่ได้คิดว่าจะกลับไปแล้ว แล้วก็ หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขัน ผมก็จะกลับไปที่เจียงหนันทันทีเลย”
ตู๊ด ตู๊ด!!
ก่อนที่เฉินหวั่นชิงจะตอบกลับ ระบบแจ้งเตือนในโทรศัพท์ของเย่เทียนก็ดังขึ้น และเขาก็เห็นสายโทรเข้าจากจี้เยียนหรัน
“ที่รัก คุณรอแป๊บนะ มีสายโทรเข้ามา”
ด้วยความรีบร้อน เย่เทียนจึงบอกเฉินหวั่นชิงทันทีและกดรับสายโทรเข้าจากจี้เยียนหรัน
“เย่เทียน ถ้านายอยากเจอผู้หญิงของนายอีก รีบลงมาชั้นล่าง มีคนรอนายอยู่!”
แต่ทว่า เสียงจากปลายสายนั้นไม่ใช่เสียงของจี้เยียนหรัน แต่กลับเป็นเสียงแหบแห้งของชายคนหนึ่ง!
สีหน้าของเย่เทียนแปลกประหลาดทันทีและพูดอย่างเย็นชาว่า “ทางที่ดีอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงนะ ไม่อย่างนั้นผมจะตามล่าคุณไปสุดขอบฟ้า!”
“เรื่องนี้นายไว้ใจได้ ตอนนี้ผู้หญิงยังไม่เป็นอะไรหรอก”
เสียงจากปลายสายยิ้มพูดต่อ “แต่ถ้านายไม่ทำตามที่ขอ ข้าก็ไม่ขอรับประกันความปลอดภัยของผู้หญิงนะ!”
“ยังไงซะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ดูแย่เลยนะ แล้วก็ลูกน้องข้าหลายคนก็เริ่มน้ำลายไหลแล้วด้วย!”
“ได้! ผมจะทำตามที่ขอ แต่ว่า……”
เย่เทียนพยายามระงับความโกรธในใจและพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณก่อนก็แล้วกันนะ ถ้าคุณให้ผมไป แล้วถ้าคุณแตะต้องเยียนหรันแม้แต่ปลายนิ้ว ผมจะให้คุณชดใช้แน่!”
“ผมรับประกันได้เลยว่า ก่อนที่คุณจะมาถึง จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นแน่นอน!”
“หวังว่าอย่างนั้นเช่นกัน!”
หลังจากวางสาย เย่เทียนก็หาข้ออ้างที่ดีกับเฉินหวั่นชิง จากนั้นเปิดประตูห้องแล้วเดินลงไปอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อโทรศัพท์ของจี้เยียนหรันอยู่ในมือของอีกฝ่ายแล้ว แสดงว่าทุกอย่างที่พูดมันเป็นเรื่องจริง และก่อนที่จะมั่นใจว่าจี้เยียนหรันยังปลอดภัยอยู่ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเลย!