บทที่ 1267 การเดินทางครั้งใหม่ / บทที่ 1268 ไม่เจอกันนาน

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1267 การเดินทางครั้งใหม่

รัฐอิสระที่เยี่ยหวันหวั่นได้รู้จากปากของคุณมู่นั้นโดดเด่นไม่เหมือนใคร เป็นโลกที่ใกล้เคียงกับความฝัน แน่นอนว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ มันไม่ต่างอะไรจากนรกอสุรา

จะเป็นสวรรค์หรือนรก ขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายแล้วคุณมีตัวตนแบบไหน

ความจริง สำหรับเยี่ยหวันหวั่นแล้ว ถึงแม้ไม่ได้ไปเพื่อตามหาซือเยี่ยหาน เธอก็อยากไปเปิดหูเปิดตาที่ดินแดนลึกลับแห่งนั้นมาก

หลังตัดสินใจว่าจะไปรัฐอิสระ ตอนแรกเธอก็อยากให้พวกเนี่ยอู๋หมิงช่วย

แต่ว่าโทรศัพท์ของพวกนั้นกลายเป็นเบอร์โทรเปล่าโดยสมบูรณ์แล้ว นอกจากเนี่ยอู๋หมิง โทรศัพท์ของอี้จือฮวากับนักพรตใจบริสุทธิ์ก็เป็นเหมือนกัน วีแชตเองก็ยกเลิกการใช้งาน เยี่ยหวันหวั่นส่งข้อความไปหลายข้อความ แต่ไร้คนตอบกลับ

เยี่ยหวันหวั่นจนปัญญาเล็กน้อย เนี่ยอู๋หมิงกับพวกอี้จือฮวาก็กลับได้ถูกจังหวะไปแล้ว ถ้ากลับช้าอีกหน่อย บางทีอาจจะพาเธอไปได้

ถ้าเดินทางร่วมกับเนี่ยอู๋หมิงอี้จือฮวาไม่ได้ สำหรับเธอแล้ว การจะไปรัฐอิสระก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

อันดับแรก เธอไม่รู้เส้นทางไปรัฐอิสระแม้แต่น้อย รัฐอิสระไม่ใช่ประเทศเปิด คนทั่วไปอยากไปที่นั่นก็ยากเย็นเหมือนไต่ขึ้นฟ้า และยิ่งไม่รู้ว่าตัวเองควรจะนั่งเที่ยวบินไหน

นอกจากนี้ เยี่ยหวันหวั่นเคยได้ยินว่า ตอนอยู่ที่รัฐอิสระต้องมีเอกสารรับรองการผ่านทาง ไม่อย่างนั้นถ้าถูกหน่วยตรวจค้นของสหพันธ์วิทยายุทธ์เจอว่าไม่มีเอกสารรับรอง ผลที่ตามมายากจะคิดได้…

เป็นธรรมดาสำหรับสภาพการณ์ในตอนนี้ เธอก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว มีแค่ต้องเสี่ยงไปรัฐอิสระ ยิ่งเวลายืดยาว ตัวเธอก็ดี เยี่ยเส่าถิงกับเยี่ยมู่ฝานก็ดี ล้วนแต่จะเสียประโยชน์

ฝั่งของซือหมิงหลี่กับฉินรั่วซี ถ้าหากควบคุมตระกูลซือได้สมบูรณ์ จะต้องคิดบัญชีแค้นกับเธอแน่นอน การประจันหน้ากับพวกเขาไม่มีข้อดีใดๆ

หลังจากไตร่ตรองเนิ่นนาน ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็กดเบอร์โทรของคุณมู่

“คุณหนูเยี่ย…คุณอยากได้วิธีไปรัฐอิสระทำไม” ที่ปลายสาย มู่สุยเฟิงมีน้ำเสียงตกตะลึง

“ขอโทษด้วยค่ะ ตอนนี้ฉันยังพูดไม่ได้ หวังว่าคุณจะช่วยฉันนะคะ”

ความจริงเส้นทางของรัฐอิสระไม่ใช่ความลับใหญ่อะไร คนที่ตั้งใจไปอยากรู้ก็ไม่ใช่ไร้วิธี แค่ว่าไม่มีคนนอกกล้าลักลอบเข้าไปเท่านั้น

สำหรับมู่สุยเฟิง บอกวิธีไปรัฐอิสระให้เยี่ยหวันหวั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

สุดท้ายภายใต้คำขอร้องของเยี่ยหวันหวั่น มู่สุยเฟิงจึงบอกเส้นทางซับซ้อนกับเธอ ทั้งยังย้ำซ้ำๆ หลายรอบว่า เยี่ยหวันหวั่นต้องไม่ไปเที่ยวเล่นที่รัฐอิสระเพราะความใคร่รู้แค่ชั่วขณะ

หลังวางสาย เยี่ยหวันหวั่นมองแผนที่เส้นทางบนสมุดบันทึก ปวดหัวอยู่ครู่หนึ่ง นอกจากต้องเปลี่ยนเครื่องหลายรอบ ยังต้องนั่งเรือจากประเทศจีนไปยังรัฐอิสระอีก อย่างน้อยต้องใช้เวลาหลายวัน…

แต่เมื่อนึกถึงว่าเนี่ยอู๋หมิงกับคนที่ตัวเองคุ้นเคยยังอยู่ในรัฐอิสระ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงถังถัง เธอก็ไม่กังวลกับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ขนาดนั้นแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ซือเยี่ยหานก็ต้องอยู่ที่มุมหนึ่งของรัฐอิสระ…

หลายวันต่อมา เยี่ยหวันหวั่นจัดการงานสักหนึ่งรอบ สะสางเรื่องทางฝั่งประเทศจีน

บริษัทเข้าที่เข้าทางแล้ว มีหานเซี่ยนอวี่กับเฟ่ยหยางดูแล จะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายในตอนนี้

ทางฝั่งเหลียงหวั่นจวิน เธอจงใจอยู่เป็นเพื่อนด้วยหลายวัน เพื่อเลี่ยงไม่ให้เหลียงหวั่นจวินกังวลใจ เธอบอกแม่ว่าตัวเองต้องออกไปทำงานนอกสถานที่สักระยะ ให้แม่ดูแลสุขภาพ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของเยี่ยมู่ฝานกับเยี่ยเส่าถิง และรอเธอกลับมา

หลังจากสะสางเรื่องทั้งหมดแล้ว เยี่ยหวันหวั่นออกจากคฤหาสน์ไปอย่างไม่ลังเล ก่อนมุ่งหน้าไปยังสนามบิน

————————————————————

บทที่ 1268 ไม่เจอกันนาน

ระหว่างทางมุ่งหน้าไปสนามบิน เยี่ยหวันหวั่นกำลังมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง เธอพลันรู้สึกผิดปกติ อดขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่ได้ “คุณคะ นี่ไม่ใช่ทางไปสนามบินนี่?”

ไม่นาน รถแท็กซี่ขับเลี้ยวเข้าป่าที่ด้านข้าง คนขับรถเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางว่า “ไม่ใช่ทางไปสนามบิน แต่เป็นทางไปนรก”

เมื่อคนขับรถพูดจบ ดวงตาเยี่ยหวันหวั่นมีแววเย็นชาวาบผ่าน

ไม่ให้คนขับรถมีเวลาเคลื่อนไหวใดๆ เยี่ยหวันหวั่นเปิดประตูรถในชั่วพริบตาแล้วกระโดดลงไป

ขณะเดียวกัน กระโปรงหลังรถแท็กซี่พลันถูกถีบเปิดจากด้านใน ชายชุดดำสองคนออกมาจากในนั้น

ชายชุดดำสองคนเหมือนว่องไวถึงขีดสุด แค่ชั่วพริบตาก็เข้ามาขวางเยี่ยหวันหวั่นไว้

ไม่นานนัก คนขับรถก็เปิดประตูรถอย่างไม่รีบร้อน แล้วเดินมาตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่น

หน้าตาของคนขับรถไม่คุ้นตามาก รวมถึงชายชุดดำสองคนตรงหน้าด้วย เยี่ยหวันหวั่นไม่เคยเห็นมาก่อน

“ซือหมิงหลี่ส่งมาเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วน้อยๆ ลองถามหยั่งเชิงดู

ได้ยินดังนั้น คนขับรถกลับแค่นหัวเราะ “ซือหมิงหลี่…ไม่รู้จัก ดูท่าคุณมีศัตรูไม่น้อยนะ”

“พวกแกเป็นใคร” เยี่ยหวันหวั่นสะกดอารมณ์

“เป็นคนขโมยวิญญาณ แย่งชิงชีวิตคุณไง” คนขับรถหัวเราะหยัน จากนั้นส่งสายตาให้ชายชุดดำสองคนตรงหน้า

ทันใดนั้น ชายชุดดำสองคนก็พยักหน้า ก่อนเดินเข้าไปหาเยี่ยหวันหวั่นพร้อมกัน

‘ขวับ!’

ชายชุดดำหนึ่งในนั้น ทันทีที่ถึงตัวเยี่ยหวันหวั่นก็ง้างมือตบไปทางเธอ

ฝ่ามือยังไม่ทันถึง ลมจากการตบก็ไปถึงก่อน

ชายชุดดำรวดเร็วมาก ยกมือตบทีหนึ่งทั้งรุนแรงและโหดเหี้ยม คนธรรมดายากจะต่อต้านโดยสิ้นเชิง แม้แต่เยี่ยหวันหวั่นก็ยังถอยหลังไปโดยจิตใต้สำนึก ไม่กล้าปะทะด้วย

เสียงอื้ออึงดังขึ้นมา อากาศตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่นระเบิดออก เห็นได้ชัดว่าเป็นแรงจากฝ่ามือของชายชุดดำ

เวลานี้ สายตาของเยี่ยหวันหวั่นยังไม่ละออกไปจากชายชุดดำสักวินาทีเดียว

ในสามคนนี้รวมคนขับรถ แต่ละคนความสามารถลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง หากเทียบกับทหารรับจ้างที่เธอเคยเจอมาก่อนหน้านี้ ก็แข็งแกร่งกว่าไม่รู้กี่เท่า…

สามคนนี้ เยี่ยหวันหวั่นล้วนแปลกหน้าหมด ไม่รู้จักแม้แต่น้อย จึงไม่อาจมีความแค้นใดๆ ด้วย…

ด้วยระดับของซือหมิงหลี่กับฉินรั่วซี ถึงแม้คุมตระกูลซือได้แล้ว ก็เกรงว่าจะสั่งการสามคนนี้ไม่ได้ อีกอย่าง จากท่าทีของคนขับรถก่อนหน้านี้ เหมือนจะไม่รู้จักซือหมิงหลี่เช่นกัน…

ในเมื่อไม่ใช่ลูกน้องที่ซือหมิงหลี่กับฉินรั่วซีส่งมา ถ้างั้นจะเป็นใครได้อีก…

เยี่ยหวันหวั่นพลันนึกขึ้นได้ ตอนนั้นตัวเธอก็เคยเจอนักฆ่า เบื้องหลังของมือมืดไม่ใช่ฝ่ายซือหมิงหลี่เช่นกัน สามคนตรงหน้ากับนักฆ่าที่ไล่ฆ่าเธอก่อนหน้านี้เป็นคนกลุ่มเดียวกันหรือเปล่า

ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นคิดมาก ชายชุดดำลงมืออีกครั้ง ความเร็วในครั้งนี้ยิ่งน่าตะลึงกว่าครั้งก่อน

เยี่ยหวันหวั่นพลิกตัวแล้วกระโดดตามสัญชาตญาณ ชายชุดดำฝีมือแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ด้วยพลังต่อสู้ของเธอในตอนนี้ ถ้าใช้แรงปะทะแรงก็ไร้โอกาสชนะโดยสิ้นเชิง ได้แต่ถูกจับอัดอยู่ฝ่ายเดียว

แต่เยี่ยหวันหวั่นวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว ร่างคนคนหนึ่งก็เดินออกมาจากมุม และถูกเยี่ยหวันหวั่นชนเข้าอย่างจัง

“เฟิงเสวียนอี้?”

หลังจากหยุดได้แล้ว เยี่ยหวันหวั่นมองคนตรงหน้าอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง ถ้าไม่ใช่เฟิงเสวียนอี้แล้วจะเป็นใครได้?

เวลานี้ เฟิงเสวียนอี้มองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่งก่อน จากนั้นกวาดสายตาผ่านสามคนด้านหลังเยี่ยหวันหวั่นอย่างเฉยชา

“ไม่เจอกันนานนะครับ” เฟิงเสวียนอี้ละสายตาจากสามคนนั้นมามองเยี่ยหวันหวั่น ก่อนจะเอ่ยและหัวเราะเบาๆ