โลหิตสีแดงพุ่งออกจากปากของโม่วู๋เตาไม่เพียงกระจายอยู่เต็มโต๊ะ และโซฟาด้านหน้า แต่ยังกระจายออกไปที่พื้นไกลถึงสองเมตร ภาพที่เห็นจึงน่าตกใจยิ่งนัก..
  แม้โม่วู๋เตาจะทำตัวตลกขบขันคล้ายคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรไปวันๆแต่เมื่อต้องทำงานให้กับหลิงหยุน เขาก็จะเปลี่ยนเป็นคนจริงจัง และทำในสิ่งที่ทุกคนก็คิดไม่ถึง..
  เวลานี้..ทั้งริมฝีปาก ใบหน้า และชุดนักพรตของโม่วู๋เตานั้นล้วนเปื้อนไปด้วยคราบเลือด แต่เขากลับไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของโม่วู๋เตาจับจ้องอยู่เพียงแค่เหรียญทองแดงทั้งสามตรงหน้าเท่านั้น
  ตอนนี้เหรียญทองแดงสองเหรียญได้กระดอนขึ้นไปซ้อนกันอยู่ในขณะที่อีกหนึ่งเหรียญนั้นกระดอนแยกออกมาต่างหาก..
  สายตาของโม่วู๋เตาที่จับจ้องอยู่ที่เหรียญทองแดงทั้งสามนั้นบ่งบอกว่าพึงพอใจอย่างมากและตัวเขาเองก็กำลังคิดว่าความพยายามที่ผ่านมานั้นนับว่าไม่สูญเปล่า..
  จากนั้น..โม่วู๋เตาที่ยังอยู่ในสภาพอ่อนแอ ก็ร้องเรียกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกับกระซิบ
  “หลิงหยุน..เจ้ากลับเข้ามาได้แล้ว!”
  แม้เสียงของโม่วู๋เตาจะเบามากแต่เขาก็มั่นใจว่าหลิงหยุนต้องได้ยินอย่างแน่นอน และโม่วู๋เตาก็คิดไม่ผิด ทันทีที่หลิงหยุนได้ยินเสียงของโม่วู๋เตา ร่างของเขาก็พุ่งออกจากสวนที่บ้านของหลิงลี่ทันที เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ประตูบ้านของหลิงเสี่ยวแล้ว และพุ่งเข้าไปในบ้านทันที..
  “นักพรตน้อย..นี่เจ้าเป็เช่นใดบ้าง”
  หลิงหยุนเห็นสภาพของโม่วู๋เตาแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าการคำนวนหาที่อยู่ของหลิงเสี่ยวในครั้งนี้ โม่วู๋เตาคงต้องใช้ต้นทุนไปอย่างมากมายมหาศาล..
  เพราะนี่คือการแอบดูความลับของสวรรค์เบื้องบน!
  ความช่วยเหลือและมิตรภาพของโม่วู๋เตาในครั้งนี้ หลิงหยุนได้แต่จดจำไว้ในใจ แล้วปากก็เอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง..
  “หลิงหยุน..เจ้าไม่ต้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น! ข้าไม่ได้เป็นอะไร..”
  โม่วู๋เตายิ้มกว้างให้กับหลิงหยุนก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นับว่าโลหิตของข้าไม่สูญเปล่าจริงๆ ดูเหมือนวิชาทำนายดวงชะตาของข้าจะก้าวหน้าไปมากทีเดียว!”
  หลิงหยุนซาบซึ้งใจในความช่วยเหลือของโม่วู๋เตาอย่างมากแต่เขาก็เพียงแค่พยักหน้า และยิ้มออกไปเท่านั้น..
  แม้กระทั่งหลิงลี่ที่เพิ่งตามเข้ามาก็ถึงกับตกใจอย่างมากเมื่อเห็นเลือดกระจายอยู่ทั่วทั้งบริเวณ และคนสุดท้ายที่ตามเข้ามาก็คือต่งยั่วหลานภรรยาของหลิงเสี่ยว ทันทีที่นางได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ก็มีอาการไม่ต่างจากหลิงลี่..   โม่วู๋เตารีบยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดบนปากจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดออกไปว่า
  “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าการแอบดูความลับสวรรค์ ย่อมต้องได้รับบทเรียนเป็นธรรมดา..”
  นี่คือบทลงโทษเพียงเล็กน้อยจากเบื้องบน..
  และนี่ก็คือสิ่งที่หลิงหยุนต้องพบเจอทุกครั้งหลังจากที่สามารถเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นไปทัณฑ์สวรรค์จึงเป็นการตอบโต้จากสวรรค์เบื้องบน.. novel-lucky
  “แม้จะได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจนักแต่ก็นับว่าพอใช้ได้!”
  โม่วู๋เตารู้ว่าทุกคนนั้นกำลังกระวนกระวายใจอย่างมากจึงไม่ต้องการเสียเวลา และรีบอธิบายต่อว่า
  “เหรียญทั้งสามที่ข้าใช้โยนเพื่อทำการทำนายนั้นได้กระจายออกไปคนละทิศเช่นนี้..”
  “เหรียญที่แยกออกไปต่างหากเพียงเหรียญเดียวนั้นก็คือเหรียญที่บอกทิศทางซึ่งลุงหลิงอยู่ในเวลานี้..”   “หลิงหยุน..เจ้าอยู่ในห้องนี้ แล้วมองไปตามแนวเส้นนี้ ลุงหลิงจะอยู่ในตำแหน่งแนวนี้ทั้งหมด!”
  จากนั้นโม่วู๋เตาก็นิ่งเงียบไป..
  ทั้งหลิงหยุนหลิงลี่ และต่งยั่วหลานต่างก็นิ่งเงียบไปด้วยเช่นกัน จากนั้นทั้งสามคนก็หันไปมองหน้ากัน..
  หลิงหยุนร้องถามขึ้นด้วยความงุนงงสงสัย“เจ้าบอกได้เท่านี้เองรึ!”
  การคำนวนหาที่ซ่อนของหลิงเสี่ยวนั้นโม่วู๋เตาไม่เพียงไม่สามารถบอกตำแหน่งที่แน่ชัด แต่แนวเส้นที่โม่วู๋เตาบอกนั้น ก็ไม่รู้ว่าอยู่ในขอบเขตที่ไกลเพียงใด เช่นนี้แล้วจะหาหลิงเสี่ยวพบได้อย่างไรกัน?
  เช่นนี้แล้วไม่เท่ากับว่าโลหิตของโม่วู๋เตานั้นต้องเสียไปอย่างไร้ประโยชน์เช่นนั้นหรือ
  โม่วู๋เต้ายิ้มเศร้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า“หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป ข้าก็คงไม่ต้องเสียเลือดเช่นนี้ อีกทั้งยังสามารถคำนวนหาตำแหน่งของคนผู้นั้นได้อย่างแม่นย้ำด้วย แต่กรณีของลุงหลิงนั้นแตกต่างกันมาก เพราะเงาสวรรค์บดบังจนแทบไม่เห็นอะไร และนี่ข้าก็ได้พยายามาแล้ว แต่ก็ล่วงรู้มาได้เพียงเท่านี้..”
  จู่ๆหลิงลี่ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “ท่านนักพรตโม่ได้พยายามอย่างที่สุดแล้วล่ะ!”
  “หลิงหยุน..เจ้าไม่ต้องร้อนใจไป! ในเมื่อท่านนักพรตโม่ชี้เส้นทางค้นหาลูกสามให้เช่นนี้แล้ว อย่างน้อยก็นับว่าดีกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรเหมือนที่ผ่านมา หากตระกูลหลิงระดมคนออกค้นหาตามเส้นทางที่ว่านี้ ข้าเชื่อว่าจะต้องหาลูกสามพบอย่างแน่นอน!”
  หลิงหยุนรีบค้านขึ้นทันที“ท่านปู่.. ทำเช่นนั้นไม่ได้! ตอนนี้ตระกูลใหญ่ในปักกิ่งก็ล้วนแล้วแต่กำลังออกตามหาตัวท่านพ่อ หากพวกเราระดับผู้คนออกตามหาอย่างเอิกเกริกเช่นนั้น ก็จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น และจะไม่เป็นผลดีต่อท่านพ่ออย่างแน่นอน!”
  หลิงหยุนไม่ได้กังวลว่าระยะทางในการค้นหานั้นจะไกลมากเพียงใดแต่ในเมื่ออีกฝ่ายจับตัวหลิงเสี่ยวไปเช่นนี้ พวกมันย่อมส่งคนคอยจับตามองการเคลื่อนไหวของตระกูลหลิงอย่างใกล้ชิด หากตระกูลหลิงระดมผู้คนออกตามหาอย่างใหญ่โต พวกมันจะไม่ย้ายหลิงเสี่ยวไปซ่อนไว้ที่อื่นอย่างนั้นหรือ?
  และหากพวกมันทำเช่นนั้นจริง..การตามหาตัวหลิงเสี่ยวก็จะยิ่งยากลำบากมากขึ้นไปอีก!
  หลิงลี่ขมวดคิ้วและกำลังครุ่นคิดตามคำพูดของหลิงหยุน..
  หลิงหยุนหันไปทางโม่วู๋เตาพร้อมกับถามขึ้นว่า“นักพรตน้อย.. พอจะมีหนทางใดที่จะสามารถระบุตำแหน่งที่ซ่อนของท่านพ่อให้แคบลงกว่านี้ได้บ้างหรือไม่”
  โม่วู๋เตาถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า“เฮ้อ.. นี่ข้าติดหนี้อะไรเจ้านักหนานะ”
  “ข้าจะลองดู..แต่ครั้งนี้คงจะต้องใช้วิธีการทำนายตัวอักษรแทน!”
  โม่วู๋เตาจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เอาล่ะ.. ครั้งนี้เป็นเจ้าที่ต้องเสียเลือด!”
  “หลิงหยุน..เจ้ากัดนิ้วให้เลือดไหลออกมา จากนั้นใช้เลือดของเจ้าเขียนตัวอักษรมาหนึ่งตัว!”
  หลิงหยุนไม่ลังเลแม้แต่น้อยเขารีบยกนิ้วชี้ขวาของตนเองขึ้นกัดทันที แล้วบีบให้เลือดไหลออกมา จากนั้นจึงเริ่มทำการเขียนตัวอักษร หลิงหยุนหยุดคิดเล็กน้อย และจึงเขียนคำว่า ‘พ่อ’ ลงไปบนโต๊ะ..
  หลิงหยุนคิดว่าในเมื่อเขากำลังตามหาหลิงเสี่ยวก็ควรจะเขียนคำนั้นลงไป..
  โม่วู๋เตาขมวดคิ้วแน่นระหว่างที่รอให้หลิงหยุนเขียนตัวอักษรเวลานี้ภายในบ้านมีเพียงความเงียบสงัด ทุกคนต่างก็ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา และกำลังรอคอยคำพูดจากปากโม่วู๋เตา..
  “นับเป็นตัวอักษรที่มีความหมายชัดเจน..”
  โม่วู๋เตาจ้องมองตัวอักษรดังกล่าวเพื่อทำการอ่านความหมายที่ซ่อนอยู่ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า
  “ตัวอักษรโดยรวมนี้บ่งบอกว่าเจ้ากับลุงหลิงถูกบังคับให้แยกจากกันที่ผ่านมาไม่อาจพบเจอ และอยู่ร่วมกัน ตลอดเวลาเจ้าเองก็มีความต้องการที่จะออกตามหาเขา..”
  “ส่วนขีดด้านล่างนั้น..บ่งบอกว่าเวลานี้ลุงหลิงยังคงมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ไม่มีอิสระ!”
  เมื่อได้ฟังคำทำนายของโม่วู๋เตาต่งยั่วหลานก็ถึงกับสั่นสะท้านแทบยืนไม่อยู่ หลิงหยุนเห็นแล้วก็อดที่จะสะท้อนใจไม่ได้ แม้ว่าต่งยั่วหลานจะไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แต่หลิงหยุนก็ดูออกว่านางเป็นห่วงพ่อของเขามากเพียงใด!
  “แต่..”
  โม่วู๋เตารีบพูดต่อทันที“แต่คำคำนี้ก็ยังมีความหมายอื่นที่ไม่ดีร่วมอยู่ด้วย.. หากออกเสียงอีกอย่างก็จะหมายถึงการลงโทษ!”
  สายตาของโม่วู๋เตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหลิงหยุนพร้อมกับพูดต่อว่า“และนั่นย่อมหมายถึงว่าลุงหลิงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย อีกทั้งยังถูกทรมานโดยใครบางคนซ้ำแล้วซ้ำอีก..”   ทันทีที่โม่วู๋เตาพูดประโยคนี้ออกไปต่งมู่หลานก็ถึงกับสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม จนหลิงลี่ต้องเอื้อมมือไปจับไหล่ของนางไว้พร้อมกับปลอประโลมว่า
  “ยั่วหลาน..เจ้าอย่าได้ทุกข์ใจไป! หลิงเสี่ยวเป็นลูกหลานตระกูลหลิง ไม่ว่าจะเจ็บปวดทุกข์มากเพียงใด เขาย่อมต้องทนได้!”
  จากนั้นหลิงลี่ก็หันไปบอกกับโม่วู๋เตา“ท่านนักพรตโม่.. เชิญท่านพูดต่อเถิด”
  โม่วู๋เตาจ้องมองคนทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่ลำบากใจ“สรุปก็คือว่า.. แม้ท่านลุงหลิงจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ต้องถูกทรมานอย่างแสนสาหัส พวกเราจึงต้องรีบหาทางช่วยเขาออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด!”
  เนื่องจากต่งยั่วหลานอยู่ในห้องด้วยโม่วู๋เตาจึงไม่สามารถพูดทุกอย่างออกมาได้หมด และเลือกที่จะไม่พูดออกมาจนตรงเกินไป หากเขาพูดออกไปทั้งหมด ทั้งสามคนคงต้องตกใจอย่างที่สุด..
  ด้วยเหตุนี้โม่วู๋เตาจึงเลือกใช้ประโยคที่ว่าขอให้ทุกคนรีบช่วยหลิงเสี่ยวออกมาให้เร็วที่สุดแทน!
  หลิงหยุนรีบถามต่อทันที“แล้วเรื่องตำแหน่งที่อยู่ของท่านพ่อล่ะ ตัวอักษรสามารถคำนวนตำแหน่งที่ใกล้เคียงได้บ้างหรือไม่?”
  “เจ้าไม่ต้องร้อนใจไปนัก..ข้ากำลังจะพูดอยู่เดี๋ยวนี้!”
  “จากตัวอักษรนี้..บ่งบอกว่าสถานที่ซ่อนตัวลุงหลิงนั้นคือภูเขา และจะต้องเป็นจุดที่ภูเขาสองลูกตัดกันพอดี..”
  หลังอ่านความหมายของตัวอักษรออกไปทั้งหมดแล้วโม่วู๋เตาก็ย้ำว่า “ตำแหน่งที่ซ่อนของลุงหลิงนั้น ข้าเองก็สามารถบอกได้แคบที่สุดเพียงเท่านี้!”
  ครั้งนี้..โม่วู๋เตาได้พยายามอย่างสุดความสามารถของตนเองแล้ว!
  “นักพรตน้อย..ขอบใจเจ้ามาก! เพียงแค่นี้ก็นับว่าดีมากแล้ว!”
  ในเมื่อรู้แล้วว่าหลิงเสี่ยวถูกนำตัวไปซ่อนไว้ตามแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือและอยู่ตรงจุดตัดระหว่างเขาสองลูก หากเปิดแผนที่ดู และไล่หาไปตามเส้นทางดังกล่าวว่ามีตำแหน่งใดบ้างที่เป็นจุดตัดระหว่างภูเขาสองลูก ก็จะสามารถพบที่ซ่อนตัวของหลิงเสี่ยวได้..
  “ท่านนักพรตโม่..ขอบท่านคุณมาก หากครั้งนี้สามารถหาลูกสามพบ ตระกูลหลิงของข้านับว่าเป็นหนี้บุญคุณท่านนัก..!”
  หลิงลี่ได้เห็นความสามารถของโม่วู๋เตาแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าสหายของหลิงหยุนผู้นี้นั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เขาอยู่มาจนอายุจะแปดสิบปีแล้ว ยังไม่เคยพบเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน จึงอดที่จะทึ่งในตัวโม่วู๋เตาไม่ได้..
  โม่วู๋เตาได้ฟังหลิงลี่พูดเช่นนี้เขาจีงรีบเดินไปหาหลิงลี่พร้อมกับประสานมือ และโค้งคำนักหลิงลี่อย่างเคารพนบนอบ แล้วจึงพูดขึ้นว่า
  “อาวุโสหลิง..วันนี้ข้าเองก็มัวแต่ยุ่ง จึงไม่มีเวลาหาของขวัญมามอบให้ท่านตามธรรมเนียม ต้องขออภัยด้วย!”
  “ข้ากับหลิงหยุนเป็นสหายกัน..ในเมื่อหลิงหยุนมีปัญหา ข้าย่อมต้องช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่อยู่แล้ว อาวุโสอย่าได้ถือเป็นบุญเป็นคุณเลย!”
  โม่วู๋เตาอาจจะดูไม่เอาใหนแต่ทุกครั้งที่หลิงหยุนมีเรื่อง เขาก็มักจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และเต็มความสามารถเสมอไป..
  “ท่านปู่..ท่านอย่าได้เกรงใจโม่วู๋เตาไปเลย! วันข้างหน้าข้าเองย่อมต้องตอบแทนเขาแน่!
  โม่วู๋เตาช่วยชีวิตหลิงหยุนและยังช่วยตามหาหลิงเสี่ยว เพียงแค่นี้ก็ทำให้หลิงหยุนนับโม่วู๋เตาเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายได้แล้ว!
  การที่เขาพูดออกไปเช่นนั้นก็เพื่อประกาศต่อหลิงลี่ว่าโม่วู๋เตานั้นเสมือนพี่น้องของเขา เพื่อให้หลิงลี่ปฏิบัติต่อโม่วู่เตาดังเช่นปฏิบัติต่อเขา..
  “ท่านปู่..นับว่ายังไม่สายเกินไป อย่างน้อยท่านพ่อก็ยังมีชีวิตอยู่ พวกเราต้องพยายามตามหาท่านพ่อให้พบโดยเร็วที่สุด!”