หลังจากที่พยายามจะล่วงรู้ความลับสวรรค์ผ่านโม่วู๋เตาในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถรู้ตำแหน่งที่ซ่อนของหลิงเสี่ยวได้แคบลง เขาจึงไม่ต้องการที่จะล่าช้าอีก และต้องรีบช่วยพ่อของเขาออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด!
  นั่นเพราะหากคำทำนายจากตัวอักษรของโม่วู๋เตานั้นแม่นยำหลิงเสี่ยวก็นับว่าตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก!
  หลิงหยุนเชื่อว่าหลิงเสี่ยวต้องตกอยู่ในมือศัตรูอย่างแน่นอน!
  หลิงลี่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วจึงพูดขึ้นว่า“เอาล่ะ.. กังวลใจนั้นก็เรื่องหนึ่ง! แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องตัดความกังวลใจเหล่านั้นทิ้งไปก่อน แล้วมาปรึกษากันว่าจะลงมือค้นหาลูกสามกันอย่างไรดี”
  “ก่อนที่พวกเจ้าจะมาถึงที่นี่ข้าได้สั่งให้ทุกคนออกไปจากที่นี่ให้หมดแล้ว ตอนนี้กลับไปปรึกษาหารือที่บ้านข้าก่อนจะดีกว่า..”   เมื่อครั้งที่หลิงหยุนมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิงนั้นเขาเองก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูก่อนแล้ว และพบว่านอกจากทุกคนในที่นี้ ก็ไม่มีผู้อื่นอยู่เลย..
  ดูเหมือนหลิงลี่เองก็จะตระหนักดีว่าควรต้องปิดเรื่องที่ซ่อนของหลิงเสี่ยวไว้เป็นความลับ!จึงได้สั่งให้ทุกคนออกไป
  แม้แต่หลิงเจิ้นกับหลิงเย่วยังถูกไล่ออกไปจึงแทบไม่ต้องพูดถึงผู้อื่น!
  หลิงหยุนพยักหน้าเห็นด้วยและกำลังจะเดินตามหลิงลี่ออกไป..
  แต่จู่ๆต่งยั่วหลานก็พูดขึ้นมาว่า “ท่านพ่อคะ.. คือข้า.. ข้าอยากจะคุยกับหลิงหยุนสองต่อสอง..”
  หลิงลี่ที่เดินไปถึงหน้าประตูค่อยๆหันกลับไปมองหลิงหยุน สายตาของขานั้นบ่งบอกว่ากำลังถามความสมัครใจของหลิงหยุน..
  หลิงหยุนไม่ตอบแต่เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น..   จากนั้นเขาก็ได้ยินหลิงลี่พูดผ่านกระแสจิต..
  -หลิงหยุน..ปู่รู้ดีว่าวันนี้พวกเราทั้งสามคนต่างก็กระอักกระอ่วนใจกันไม่น้อย แต่ปู่ยังมีคำพูดที่ยังไม่ได้บอกกับเจ้า..-
  หลิงหยุนตอบกลับทันที-เชิญท่านปู่พูดออกมาได้เลย.. –
  หลิงลี่จึงบอกไปว่า–หลิงหยุน.. ยั่วหลานแต่งงานกับพ่อของเจ้า ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นภรรยาของพ่อเจ้า และหลายปีมานี้ข้ารู้ว่านางต้องทนทุกข์ใจมากเพียงใด-
  หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งหลิงลี่ที่ดูเหมือนมีท่าทีลังเล ก็บอกกับหลิงหยุนว่า..
  –หากปู่เดาไม่ผิด..ตั้งแต่ที่นางตั้งท้องหลิงซวี่ พ่อของเจ้าก็ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวนางอีกเลย..–
  -ยั่วหลานคงต้องอยู่อย่างขมขื่นใจมากตระกูลหลิงจึงนับว่าผิดต่อนางไม่น้อย..-
  หลังจากที่บอกกับหลิงหยุนจนหมดแล้ว..หลิงลี่ก็หันหลังเดินกลับออกไปทันที และทั้งหมดนั้นหลิงลี่ก็พูดผ่านกระแสจิต จึงมีเพียงหลิงหยุนเท่านั้นที่ได้ยิน..
  หลิงหยุนได้ฟังคำบอกเล่าของหลิงลี่แล้วก็รู้สึกตกใจไม่น้อย!
  โดยเฉพาะคำบอกเล่าประโยคสุดท้ายของหลิงลี่ที่บอกว่า..ตั้งแต่ต่งยั่วหลานตั้งท้องหลิงซวี่ หลิงเสี่ยวก็ไม่เคยแตะต้องตัวนางอีกเลย!
  และแน่นอนว่า..หลิงลี่ย่อมไม่พูดโกหก!
  ต่งยั่วหลานแต่งงานกับหลิงเสี่ยวในวัยเพียงแค่ยี่สิบ..และหลังจากตั้งท้องหลิงซวี่ นางก็ต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานกว่าสิบแปดปี..
  ผู้หญิงในวัยยี่สิบจนถึงสี่สิบปีนั้นนับเป็นช่วงเวลาทองของผู้หญิงทุกคน การมีความต้องการจึงเป็นเรื่องธรรมชาติของหญิงที่มีสามี แต่ต่งยั่วหลานกลับต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายมานานถึงสิบแปดปีเช่นนี้!
  หลิงเสี่ยวนั้นมีจิตผูกพันรักมั่นกับหยิงชิงเฉวียนอย่างลึกซึ้งด้วยเหตุนี้การกระทำของเขาจึงนับว่าเป็นการทำร้ายต่งยั่วหลานอย่างโหดเหี้ยม!
  และแม้กระทั่งจนถึงตอนนี้หลิงเสี่ยวเองก็ยังเย็นชากับต่งยั่วหลานมาก!
  หลิงหยุนได้แต่นึกเห็นใจและสงสารหญิงวัยกลางคนผู้นี้จับใจ!
  ระหว่างนั้น..หลิงลี่ก็เดินนำโม่วู๋เตา เหล่ากุ่ย และมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดออกจากสวนชั้นที่สามไป และไปยังบ้านของตนเอง
  หลิงหยุนค่อยๆหันไปทางต่งยั่วหลานที่กำลังเช็ดเลือดบนโต๊ะ และโซฟาอย่างเงียบๆ
  หญิงสาวผู้นี้เป็นผู้บริสุทธิ์นางไม่มีความผิดอะไรเลย!
  “หลิงหยุน..นั่งลงก่อนสิ ข้าเช็ดเลือดออกให้แล้ว!”
  เมื่อเห็นหลิงหยุนหันมามองตนเองเช่นนั้นต่งยั่วหลานก็รีบร้องบอกเขาด้วยความตื่นเต้นดีใจ..
  “ท่านป้าต่ง..อย่าได้เกรงใจข้าเลย มีอะไรก็พูดกับข้าตรงๆได้!”
  หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งและพูดกับต่งยั่วหลานออกไปตามตรง..
  ต่งยั่วหลานที่กำลังเช็ดคราบเลือดอยู่นั้นถึงกับชะงักและค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนนิ่งนาน แล้วจึงพูดขึ้นว่า
  “เจ้าช่างเหมือนหลิงเสี่ยวตอนยังหนุ่มแน่นยิ่งนัก!” ไอลีนโนเวล
  หลังจากเปิดบทสนทนาแล้วต่งยั่วหลานก็พูดต่อว่า “เรื่องระหว่างพ่อของเจ้ากับท่านแม่ของเจ้านั้น ข้าเองก็รู้ทุกอย่างดี..”
  เมื่อต้องพูดถึงแม่ของหลิงหยุนนั้นดูเหมือนต่งยั่วหลานจะต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ..
  “เรื่องราวในอดีตนั้น..ข้าเองก็รู้ดี!”
  “หลิงหยุน..พ่อของเจ้าเป็นสุภาพบุรุษที่หาได้ยากยิ่งนัก! เมื่อครั้งที่หลิงเสี่ยวแต่งงานกับข้านั้น เขาเองก็ได้บอกกับข้าอย่างชัดเจนแล้วว่า ชีวิตนี้เขาจะรักแม่ของเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น!”   “แต่ข้าก็ยังต้องการที่แต่งงานกับเขาอยู่ดี..”
  ต่งยั่วหลานพูดประโยคนั้นออกมาด้วยความยากลำบากจากนั้นจึงพูดต่อด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
  “ตระกูลหลิงเองก็ดีต่อตระกูลต่งของข้ามาก..เมื่อครั้งที่ข้ายังเป็นเด็กสาว ได้มีโอกาสพบกับพ่อของเจ้าหลายครั้งหลายครา พ่อของเจ้าเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มนั้น เป็นผู้ที่ทุกคนในปักกิ่งต่างก็จับตามมอง..”
  จึงแทบไม่ต้องพูดถึง..ต่งยั่วหลานเองก็ตกหลุมรักหลิงเสี่ยวตั้งแต่แรกเห็นเช่นกัน และฝังแน่นตราตรึงในใจจนยากที่จะลบออกจากจิตใจได้!
  แต่เนื่องจากหลิงหยุนนั้นเป็นทายาทตระกูลหลิงการที่ต่งยั่วหลานจะพูดอะไรเช่นนั้นออกจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควร นางจึงได้แต่พูดอ้อมๆ และหลิงหยุนก็เข้าใจคำพูดของนางได้ดี..
  “ท่านป้าต่ง..เรื่องทุกอย่างล้วนเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว อย่าได้พูดถึงมันเลยจะดีกว่า!”   ต่งยั่วหลานมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจนางถอนหายใจคล้ายกับว่าได้ตัดสินใจแล้ว จากนั้นจึงพูดออกไปว่า
  “ที่ข้ารออยู่ที่นี่เพราะมีเรื่องอยากจะพูดกับเจ้า!”
  แต่หลิงหยุนนั้นกลับนิ่งฟังโดยไม่พูดอะไร..
  “หลิงหยุน..เวลานี้เจ้าเองก็ได้กลับเข้าตระกูลหลิงแล้ว แล้วก็เป็นวันที่ข้าเองก็รอคอยเช่นกัน!”
  “เจ้าเป็นบุตรชายของหลิงเสี่ยวกับหยิงชิงเฉวียนการที่เจ้าแข็งแกร่ง และมีความสามารถรอบด้านเช่นนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่เจ้า และตระกูลหลิงอย่างมาก!”
  “ข้ารู้ฐานะของตัวเองดีและข้าเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากตระกูลหลิง..”
  “เพียงแต่..ข้ากับพ่อของเจ้าก็มีลูกด้วยกันหนึ่งคน ซึ่งก็คือสาวน้อยที่เจ้าเห็นในรูปเมื่อครู่ นางชื่อว่าหลิงซวี่..”
  “หลิงหยุน..หากเจ้าสามารถช่วยพ่อของเจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย สามารถช่วยแม่ของเจ้ากลับมาได้ และสามารถนำพาตระกูลหลิงผงาดขึ้นมาได้อีกครั้ง..”
  “ในวันที่แม่ของเจ้ากลับมาข้าจะเป็นฝ่ายไปจากตระกูลหลิงเอง และจะหย่ากับพ่อของเจ้า!”
  “แต่หลิงซวี่นั้นบริสุทธิ์นัก..ข้าในฐานะแม่ก็หวังแค่ได้เห็นนางมีชีวิตที่มีความสุข ข้าอยากจะขอให้เจ้า.. ช่วยดูแลนางให้ดีด้วย!”
  “ข้าขอเพียงเท่านนี้..เจ้าจะรับปากข้าได้หรือไม่”
  หลิงหยุนนั่งฟังต่งยั่วหลานตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ขัดแม้แต่น้อยแต่ในใจนั้นกลับรู้สึกตกใจอย่างมาก ผู้หญิงคนนี้นับว่าเข้าใจความจริง และสามารถยอมรับความจริงได้อย่างน่าเหลือเชื่อ! อีกทั้งยังมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง..
  ต่งยั่วหลานเห็นหลิงหยุนยังคงนิ่งไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวจึงคิดว่าหลิงหยุนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นางพูด และไม่ยอมรับในคำของร้อง นางจึงได้แต่พูดออกมาว่า..   “หลิงหยุน..หลิงซวี่เป็นน้องสาว และมีพ่อคนเดียวกับเจ้านะ!”
  หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสดใสแล้วจึงตอบไปว่า “ท่านป้าต่ง.. จุดประสงค์ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ ก็เพียงแค่ต้องการมาตามหาท่านพ่อเท่านั้น!”
  “เรื่องระหว่างท่านพ่อท่านแม่ และท่าน เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ พวกท่านสามคนควรต้องไปสะสางกันเอง ส่วนข้านั้นเป็นเพียงทายาทรุ่นหลัง คงไม่กล้าเข้าไปก้าวก่ายในเรื่องนี้..”
  “หลิงซวี่นั้น..นางเป็นน้องสาวของข้า ท่านไม่จำเป็นต้องขอร้อง ข้าก็ต้องปกป้องคุ้มครอง และดูแลนางตลอดไปอยู่แล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้นางถูกผู้ใดรังแกอย่างแน่นอน!”
  ท้ายที่สุดหลิงหยุนก็เอ่ยคำว่า‘น้องสาว’ ออกมา สำหรับหลิงซวี่แล้ว แม้ว่าต่งยั่งหลานจะไม่ขอร้อง เขาก็ต้องดูแลปกป้องนางอยู่แล้ว เพราะนับตั้งแต่ครั้งที่ได้พบกันบนเรือหลังจากกลับจากเกาะเตียวหยูนั้น หลิงหยุนก็นับว่านางเป็นน้องสาวของตนเองแล้ว..   พูดจบ..หลิงหยุนก็ยิ้มจนเห็นลักยิ้มแก้มซ้ายที่บุ๋มลงไป แล้วจึงถามต่อว่า “ท่านป้าต่ง.. ไม่ทราบว่ายังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่”
  ต่งยั่วหลานด้ฟังคำตอบของหลิงหยุนแล้วก็ถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม และได้แต่คิดว่าหลิงหยุนช่างเป็นเด็กที่มีเหตุมีผลยิ่งนัก อีกทั้งคำพูดแต่ละประโยคของเขาก็ช่างกินใจเหลือเกิน!
  “ขอบใจ..ขอบใจ..”
  ต่งยั่วหลานรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าแล้วจึงพูดต่อว่า “หลิงหยุน.. คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะเป็นเด็กที่มีเหตุมีผลถึงเพียงนี้ ข้าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีกแล้ว!”
  หากไม่พูดออกไปก็ย่อมไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไร แต่เมื่อได้พูดออกไปแล้ว ก็คล้ายกับการได้ยกภูเขาออกจากอก ปัญหาในใจที่เคยมีก็ถูกขจัดออกไป..
  ตั้งแต่ที่ต่งยั่วหลานได้พบกับหลิงหยุนครั้งแรกนั้นก็คล้ายกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นระหว่างเขาและนางไว้ ที่ผ่านมาทั้งคู่จึงไม่กล้าที่จะพูดจากัน แต่ตอนนี้กำแพงนั้นได้ทลายลงแล้ว..
  “ท่านป้าต่ง..ท่านอย่าได้กังวลใจไป ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องช่วยท่านพ่อกลับมาให้ได้! และจะไม่ให้หลิงซวี่ต้องไปอยู่หน่วยเทพอินทรีย์อีก เด็กสาวอายุเพียงแค่สิบเจ็ดปี แต่ต้องออกไปตะลอนๆอยู่นอกบ้านเช่นนั้น ย่อมไม่ปลอดภัย..”
  พูดจบ..หลิงหยุนก็เรียกสมุนไพรเหอโชวูออกมามอบให้กับต่งยั่วหลาน
  “ท่านป้าต่ง..นี่คือสมุนไพรเหอโชวูที่มีอายุกว่าสองพันปี ท่านเพียงแค่กินเข้าไปเล็กน้อย ผมของท่านก็จะกลับมาดำขลับดังเดิม ท่านดูท่านปู่ของข้าเป็นตัวอย่างได้..”
  “นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของข้ากับท่านป้าข้าจึงขอมอบของขวัญชิ้นนี้ให้กับท่าน..”
  หลิงหยุนนั้นเมื่ออยู่กับศัตรูเขาจะเหี้ยมโหดและไม่เคยปราณี! แต่กับคนในครอบครัวแล้ว เขาจะมีจิตใจที่อ่อนโยนเสมอ..
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ดีอย่างต่งยั่วหลานนับว่าเป็นจุดอ่อนของหลิงหยุนเลยทีเดียว เขาจึงไม่ต้องการเห็นนางต้องได้รับความทุกข์ใจอีก..
  หากต่งยั่วหลานไม่ใช่คนที่ดีและอ่อนโยนเช่นนี้และหากนางแสดงท่าทีไม่พอใจเมื่อได้พบกับเขา เขาก็อาจจะปฏิบัติกับนางแตกต่างไป
  แต่ต่งยั่วหลานนั้นไม่ใช่..ตั้งแต่ได้พบหน้ากันมาจนถึงตอนนี้ นางมีกิริยามารยาทที่งดงาม และหลิงหยุนเองก็พึงพอใจมาก ต่งยั่วหลานไม่เพียงเป็นคนดี แต่ยังเป็นคนน่าสงสารมากอีกด้วย..
  เรื่องส่วนตัวของพ่อเขานั้นหลิงหยุนเชื่อว่าหลิงเสี่ยวจะสามารถจัดการด้วยตัวเองได้ ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว..
  “ไม่..ไม่ได้.. ของขวัญนี่มีราคามากเกินไป ป้าไม่กล้ารับไว้..”
  ต่งยั่วหลานนั้นอยู่ในตระกูลหลิงมาสิบแปดปีมีหรือที่จะไม่รู้ว่าสมุนไพรเหอโชวูอายุสองพันปีนั้นเป็นสมุนไพรล้ำค่า และหาได้ยากเพียงใด นางจึงรีบปฏิเสธทันที..
  แต่หลิงหยุนกลับยิ้มสดใสพร้อมกับพูดขึ้นว่า“สมุนไพรล้ำค่านี้ไม่ได้มีไว้สำหรับคนนอก.. ท่านป้ารับไว้เถิด!”
  “ข้าต้องขอตัวไปพบท่านปู่แล้ว!”
  พูดจบหลิงหยุนก็หันหลังเดินออกไปทันทีโดยไม่รอให้ต่งยั่วหลานปฏิเสธอีก..
  ต่งยั่วหลานมองตามแผ่นหลังของหลิงหยุนไปพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้มอีกครั้ง..
  เวลานี้..ที่สวนภายในบ้านของหลิงลี่นั้น เหล่ากุ่ยที่นั่งฟังอยู่ก็ถึงกับยิ้มออกมา!