ฝนตกหนัก! ฝนตกหนักมาก!

ตอนแปดโมงเช้า เฉินเกอที่เพิ่งนอนหลับไปได้เพียงสองชั่วโมงก็เดินออกมาจากบ้านผีสิง ท้องฟ้าขมุกขมัวเป็นลางบอกสภาพอากาศที่จะแปรปรวน แต่นั่นก็ไม่ได้ลดทอนความกระตือรือร้นของเหล่าผู้เข้าชมลงไป สวนสนุกยังไม่ทันเปิดทำการ แต่ก็มีฝูงชนมารออยู่แล้ว

“ไม่ว่าเครื่องเล่นจะดีแค่ไหน หลังจากเล่นซ้ำ ๆ หลายหนเข้า ในที่สุดผู้เข้าชมก็จะหมดความสนใจไป ฉันต้องคอยปลดล็อกฉากใหม่ ๆ หรือคิดวิธีการเล่นใหม่ ๆ เพื่อเปลี่ยนรสชาติประสบการณ์” บ้านผีสิงนั้นเป็นรากฐานของเฉินเกอ เขาตัดสินใจที่จะเลื่อนระดับมันให้ดีเมื่อจัดการกับเงานั่นแล้ว

“บอส คุณกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ?” เสี่ยวกู่วิ่งเหยาะมาจากประตูในชุดกางเกงวอร์ม “พวกเราน่าจะมีผู้เข้าชมไม่มากวันนี้เพราะว่าฝนกำลังจะตกแล้ว”

“อาจจะไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อฝนเริ่มตก ผู้เข้าชมก็จะถูกบีบให้ต้องไปหลบอยู่ในเครื่องเล่นในร่มในเมื่อเครื่องเล่นด้านนอกไม่สามารถให้บริการได้ บางที ผู้เข้าชมหลายคนที่ปกติไม่ได้ให้ความสนใจในบ้านผีสิงก็จะมีโอกาสได้ลองเล่นดู” เฉินเกอนำเสี่ยวกู่เข้าไปในห้องแต่งตัว “หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง อย่าได้เฉื่อยชาในหน้าที่ ไปทำงาน”

“ครับ บอส” เสี่ยวกู่นั้นเป็นพนักงานที่มีคุณภาพ เขาภักดีและทำงานโดยไม่ปริปากบ่น เฉินเกอวางแผนจะขึ้นเงินเดือนให้เขาในเดือนถัดไป บ้านผีสิงคงไม่สามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้โดยไม่มีพนักงาน ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เฉินเกอจะรู้สึกว่าควรจะแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งให้กับพวกเขา

“หลังจากฉากใหม่ปลดล็อกแล้ว พนักงานสองคนก็จะไม่เพียงพออีกต่อไป ฉันควรจะพยายามคัดเลือกพนักงานมากขึ้นระหว่างภารกิจนี้”

สวนสนุกเปิดตอนเก้าโมงเช้าและวันยุ่ง ๆ วันใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น คราวนี้ เฉินเกอไม่ได้แอบไปนอนในห้องพักพนักงาน เขาเรียกไป๋ชิวหลิน เหล่าโจว และต้วนเยว่ออกมา และยังให้พวกเขาเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าที่ไม่เผยหน้าตาของพวกเขา เฉินเกอนำพวกเขาผ่านฉากต่าง ๆ เข้าไปก่อนเหล่าผู้เข้าชม

เขาอธิบายจุดประสงค์ของทุกห้องในบ้านผีสิงและมอบตำแหน่งพนักงานของบ้านผีสิงให้พวกเขาทั้งสามคนอย่างเป็นทางการ เขายังสอนทั้งสามหลายอย่างเกี่ยวกับการดำเนินการและจัดการธุรกิจนี้

“ต่อไป ฉันคงจะต้องให้พวกคุณทั้งสามช่วยฉันดูแลฉากใต้ดิน ฉันจะให้ซู่อินและเอี๋ยนต้าเหนียนคอยช่วยพวกคุณด้วย”

ฉากใต้ดินนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเฉินเกอย่อมไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้คนเดียวแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น เขาต้องเพิ่มระดับการตระหนักในเรื่องความปลอดภัยของ ‘พนักงาน’ ของเขา

“อีกเดี๋ยว ฉันต้องการให้พวกคุณถ่ายทอดสิ่งที่ผมสอนวันนี้ให้กับพวกนักเรียนในหุ่นและเหล่าศาสตราจารย์กับอาจารย์ในห้องเก็บศพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เตือนเหล่าศาสตราจารย์ด้วยว่าอย่าจงใจลงมือกับนักศึกษาจากวิทยาลัยแพทย์”

เฉินเกอนั้นไม่รู้ถึงต้นเหตุความขัดแย้งของเหล่าศาสตราจารย์กับนักศึกษาจากวิทยาลัยแพทย์จิ่วเจียง พวกเขานั้นปกติแล้วจะอยู่เงียบ ๆ และวางตัวดี น้อยครั้งที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าผู้เข้าชม แต่เมื่อนักศึกษาจากวิทยาลัยแพทย์เข้ามา พวกเขาก็จะกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

และเฉินเกอก็ต้องงุนงง อธิการบดีจากวิทยาลัยนั้นดูเหมือนจะมองเรื่องนี้เป็นความท้าทาย เขายังสนับสนุนให้นักศึกษาของเขามาที่ฉากห้องเก็บศพในบ้านผีสิงเพื่อฝึกความกล้าเมื่อมีเวลา เฉินเกอนั้นไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากเกินไป เมื่อเขาเห็นเหล่านักศึกษาที่ถูก ‘อาจารย์’ ของตัวเองหลอกให้กลัวจนเสียจริต เขาก็ยังรู้สึกสงสาร

“ตอนที่ฉันไปดูที่เมืองหลี่ว่านคืนนี้ ฉันน่าจะพาศาสตราจารย์เหล่านี้ไปกับฉันด้วย ฉันมีความรู้สึกว่าคนเหล่านี้นั้นยังไม่ได้แสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ และมันก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาในระยะยาวที่ให้พวกเขาใช้เวลาไปกับการหลอกเด็กนักศึกษาที่ในฉากห้องเก็บศพใต้ดิน”

หลังจากสั่งการเหล่าโจวและคนอื่นที่เหลือคร่าว ๆ เฉินเกอก็ให้พวกเขาเข้าไปในฉาก

เหล่าผู้เข้าชมที่เข้ามาที่บ้านผีสิงวันนี้ล้วนประสบกับเหตุการณ์ประหลาด มีคนสวมชุดแปลก ๆ เหล่านี้ และไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นผู้เข้าชมหรือว่าเป็นพนักงาน พวกเขายืนอยู่บนโพเดียมในห้องเรียนอธิบายบทเรียนเกี่ยวกับการจัดการให้กับหุ่นในห้องเรียน ตัวอักษรมากมายปรากฏขึ้นบนกระดานดำ บอกวิธีการพูดคุยกับคนในกลุ่มคน และวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน มันเหมือนภาพที่มักจะเกิดขึ้นในการสัมมนาทางการตลาดในหลาย ๆ ระดับ

เฉินเกอ ที่แอบอยู่ตรงมุม จับตามองกลุ่มของเหล่าโจวอยู่ และก็เห็นแล้วว่าพวกเขานั้นยอดเยี่ยมกันจริง ๆ และจะกลายเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของบ้านผีสิงได้ในอนาคต

“พวกเขาสามคนและเอี๋ยนต้าเหนียนนั้นเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม พวกเขารู้จักกันดี และแต่ละคนยังมีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของตนเอง จุดอ่อนเดียวก็คือพวกเขาขาดพลัง แต่ว่า เมื่อไป๋ชิวหลินพัฒนาขึ้นกลายไปเป็นวิญญาณสีเลือดสักตนหนึ่ง จุดอ่อนนั้นก็จะหายไป ทีมสี่คนนี้สามารถช่วยฉันดูแลฉากหลาย ๆ ฉากได้”

เฉินเกอพอใจมาก แต่เขาก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ในใจเพราะว่าผู้ที่น่าจะเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้จัดการของบ้านผีสิงน่าจะเป็นอาจารย์ใหญ่ผู้ชราของโรงเรียนมัธยมมู่หยาง

“บางที ฉันอาจจะกลับไปดูที่นั่นสักครั้งหากมีเวลา” เฉินเกอเดินออกจากที่จอดรถใต้ดิน เขาเข้าไปในห้องพักพนักงานแล้วอุ้มเจ้าแมวออกมาจากที่นอน เปิดลิ้นชักที่ล็อกเอาไว้และดึงเอากระดาษโน้ตที่เขาเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมา เขาตรวจดูเรื่องเหนือธรรมชาติทั้งหมดที่เขาเจอที่ในจิ่วเจียงตะวันออก

หลังจากตรวจดูเสร็จ เฉินเกอก็ใช้ไฟจากไฟแช็กเผากระดาษเหล่านั้นทิ้ง ผู้ชายหนึ่งคนและเจ้าแมวหนึ่งตัวมองเถ้าที่ลอยคว้างอยู่ในอากาศ แต่พวกเขากำลังคิดถึงอย่างอื่นที่ต่างกัน

“ฟ้ามืดแล้ว คืนนี้น่าจะมีฝนตกหนัก”

บ่ายสาม เมฆบนฟ้าลอยต่ำ เพื่อความปลอดภัย เครื่องเล่นกลางแจ้งส่วนใหญ่นั้นปิดให้บริการลง และผู้เข้าชมมากมายจึงมุ่งหน้ามายังบ้านผีสิง ห้าโมงเย็น ฝนเริ่มโปรยปรายลงจากฟ้า และมันก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ ลุงซูและพนักงานส่วนสนุกมอบร่มให้แก่เหล่าผู้เข้าชมที่ต้องการใช้อย่างมีน้ำใจและเป็นห่วง เห็นว่าฝนน่าจะตกหนักขึ้นอีก สวนสนุกจึงตัดสินใจปิดให้บริการตอนห้าโมงครึ่ง

“ฝนกำลังตก ทำไมพวกเธอสองคนไม่กลับบ้านก่อนล่ะ?” หลังจากส่งผู้เข้าชมกลุ่มสุดท้ายกลับออกไปแล้ว เฉินเกอก็ให้ซูว่านและเสี่ยวกู่เลิกงาน ขณะที่เขารั้งอยู่เพื่อทำความสะอาดให้เสร็จ

หนึ่งทุ่ม ท้องฟ้ามืดลงอีก เฉินเกอมองไปยังท้องฟ้าสลัวที่ด้านนอกบ้านผีสิงและเขาก็พิจารณาอย่างเงียบ ๆ

“เป็นสภาพอากาศที่ยอดเยี่ยมมาก” เฉินเกอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่สะอาด ๆ คว้ากระเป๋าสะพายแล้ววิ่งลงไปที่ลานจอดรถใต้ดิน เขาเก็บผีทั้งหมดที่เก็บได้เข้าไปในหนังสือการ์ตูน รวมทั้งหมดอาวุโส เว่ยจิวฉินด้วย

“คุณไม่จำเป็นต้องออกมาด้านนอก อยู่ในห้องหนังสือไปก่อน ผมจะพาคุณไปกับผมด้วยเพราะว่าคุณเป็นหมอที่ดีและผมก็หวังว่ากรรมดีของคุณจะช่วยพาให้ผมโชคดีในคืนนี้”

เฉินเกอกลับไปที่ห้องพักพนักงานและหาถุงใบหนึ่งออกมา เขาเทอาหารแมวลงไปในนั้นเล็กน้อย

“ฉันจะออกไปทำเรื่องใหญ่บางอย่างที่ข้างนอกคืนนี้ แกจะไปด้วยไหม?” เฉินเกอคุกเข่าลงข้าง ๆ เจ้าแมวขาว เจ้าแมวที่งุนงงเอียงหัวมองไปยังถุงอาหารและมันก็รู้สึกว่าภาพนี้ช่างคุ้นเคยอย่างประหลาด ก่อนที่มันจะทันได้ขัดขืน เฉินเกอก็ยัดมันกับเสี่ยวเซียวเข้าไปในกระเป๋า

“อย่างไรเสีย เจ้าแมวตัวนี้ก็กินเลือดในหลอดของสมาคมเข้าไป มันต้องมีความสามารถบ้างแหละ” เฉินเกอรูดซิปปิดไว้ครึ่ง ๆ แล้วลูบ ๆ เจ้าแมวที่โผล่หัวออกมา

เฉินเกอออกจากห้องแล้วออกจากบ้านผีสิงผ่านประตูด้านหลัง เขาไปหยุดอยู่ข้าง ๆ รถเมล์ ตั้งแต่ที่เขาได้ยานพาหนะคันนี้มา มันก็จอดเอาไว้ใกล้ ๆ กับประตูด้านหลังของบ้านผีสิง

ลุงซูถามถึงมันกับเขาก่อนแล้ว และเฉินเกอก็บอกว่าเขาเอามันมาจากตลาดขายของเก่าและวางแผนจะเปลี่ยนมันเป็นฉากใหม่ เฉินเกอเรียกคนขับรถ ถังจวิน ออกมาจากหนังสือการ์ตูนแล้วส่งกุญแจให้ “คืนนี้ พวกเราจะออกไปซิ่งกัน”