ยินดีต้อนรับ ท่านผู้โดยสาร

ถังจวินผู้ใสซื่อเปิดประตูรถเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับและรู้สึกเหมือนทุกอย่างช่างเหนือจริง “ผมไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาทำอาชีพเก่าเร็วถึงขนาดนี้”

“นั่นเป็นที่คุณทำได้ดีที่สุด แต่ว่าผมก็จะไม่บังคับให้คุณทำอะไรที่คุณไม่ชอบ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ดังนั้นหากคุณมีข้อเรียกร้องอะไร ก็บอกออกมาได้” เฉินเกอวางกระเป๋าใบหนักเอาไว้ที่แถวสุดท้าย “อากาศคืนนี้ไม่เลวเลย ฝนจะตกหนักมากซึ่งเหมาะกับการออกไปข้างนอกที่สุด”

“พวกเราจะออกไปที่ไหนกันคืนนี้?” ถังจวินนั้นยังคงสงสัยในตัวเฉินเกอด้วยเหตุอะไรสักอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้

“เมืองหลี่ว่าน แค่ขับไปตามทางที่คุณคุ้นเคย”

“พวกเราจะไปที่นั่นเหรอ?” พอเขาได้ยินคำว่า ‘เมืองหลี่ว่าน’ ความรู้สึกเลวร้ายก็พลุ่งขึ้นในหัวใจของถังจวิน “บอส ที่นั่นอันตรายจริง ๆ นะ ผมไม่ได้สงสัยในความสามารถของคุณ แต่ผมแค่คิดว่ามันไม่มีเหตุผลให้พวกเราต้องไปล่วงเกินพวกเขา”

“ผมไม่ได้จะทำอะไรที่เป็นการล่วงเกินใคร” ถังจวินนั้นเกือบจะถอนหายใจโล่งอกแล้วตอนที่เฉินเกอพูดเสริม “ผมวางแผนจะล้างบางเมืองหลี่ว่านตั้งแต่สูงสุดจรดต่ำสุดเพื่อช่วยชีวิตผู้ที่ต้องช่วยและค้นหาความจริง”

ในเมื่อเฉินเกอพูดเช่นนั้น ก็ไม่มีอะไรให้ถังจวินพูดอีกแล้ว พวกเขาอยู่กันคนละคลื่นความถี่

“ยังพอมีเวลาให้คุณถอนตัวนะ พวกเราจะออกเดินทางตอนห้าทุ่ม” ถนนสาย 104 นั้นยาวมาก และมันก็เชื่อมระหว่างจิ่วเจียงตะวันออกและตะวันตก ถ้าพวกเขาออกตอนห้าทุ่มแล้วไม่เสียเวลากับอะไร พวกเขาก็จะไปถึงเมืองหลี่ว่านหลังเที่ยงคืน

“ผมไม่หนี คุณสบประมาทผมเกินไปแล้ว” ขาของถังจวินสั่นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ และมือของเขาก็กำพวงมาลัยแน่นเกินไปสักนิด ฝนยังเทลงมา และมันก็มืดสนิทที่ด้านนอกรถเมล์

พอห้าทุ่ม รถเมล์ผุ ๆ คันนี้ก็ออกจากสวนสนุกนิวเซนจูรี่และหายลับไปในม่านฝนอย่างช้า ๆ

“คุณขับอย่างนี้เป็นปกติเหรอ?”

“ครับ”

“คุณเคยถูกตำรวจจราจรเรียกไหม?”

“ไม่ เงานั่นทำบางอย่างกับรถคันนี้ คุณมองว่ามันเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งคนตายและคนที่ตกอยู่ในความสิ้นหวังก็ได้” ถังจวินตอบคำถามเฉินเกออย่างจริงจังขณะบังคับรถเมล์ และไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงที่ป้ายรถเมล์แรก

ป้ายรถเมล์ดูลางเลือนผ่านม่านฝนหนาหนัก ไม่มีใครอยู่ที่นั่น แต่ว่าถังจวินก็ยังคงเลือกที่จะเปิดประตูรถแล้วรอที่ป้ายสามนาที

“ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารที่มองเห็นได้รออยู่ที่ป้ายรถเมล์ มันจะดีกว่าถ้าจะรอสามนาที บางทีอาจจะมีผู้โดยสารพิเศษที่เพิ่งมาถึง นั่นคือสิ่งที่เงานั่นบอกผม”

เม็ดฝนปลิวเข้ามาในรถ เฉินเกอ ที่นั่งอยู่ตรงแถวที่สองจับตามองทุกอย่างอยู่เงียบ ๆ มีเรื่องผีมากมายเกี่ยวกับรถคันนี้ในเมืองนี้ แต่ใครจะคิดว่าวันหนึ่งมันจะกลายเป็นอย่างนั้นจริง ๆ? แต่ว่า นี่ก็เรียกได้ว่าสอดคล้องกับเป้าหมายของสมาคมเล่าเรื่องผี

เมื่อฉันเดินไปในความมืด ฉันก็คือเรื่องผีที่น่ากลัวที่สุดที่เคยมีในเมืองนี้

ถังจวินขับต่อไปเมื่อครบสามนาที หลังจากหยุดอยู่หลายป้าย ในที่สุดเฉินเกอก็เห็นมีคนกำลังรออยู่ที่ป้ายรถเมล์หลังจากที่พวกเขาออกจากจิ่วเจียงตะวันตกมา

“เขากำลังรอรถเมล์อยู่ตอนห้าทุ่ม แน่นอนว่านี่เป็นตัวละครที่น่าสนใจตัวหนึ่ง” รถเมล์ชะลอลงแล้วหยุด คนขับรถไม่พูดอะไรสักคำตอนเปิดประตูรถออก ผู้ชายที่ป้ายเดินตรงมายังรถเมล์

เขาสวมชุดสูทราคาถูก มีกลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งออกมา แก้มของเขาเป็นสีแดง และเขาก็พูดไม่ค่อยชัด ทั้งเสื้อและกางเกงเปียกโชก

“คะ… คุณรับบัตรไหม…” เขาดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาและเคาะมันกับจุดหนึ่งบนรถเมล์หลายครั้ง เขากำลังกระวนกระวายเพราะว่าเขายังไม่ได้ยินเสียงสัญญาณว่ามีการตัดเงินจากบัตรของเขา

“ทำไมคุณไม่ขึ้นมาพักก่อนล่ะ? ผมจะจ่ายค่าตั๋วให้คุณเอง” เฉินเกอเดินเข้าไปพยุงขี้เมาที่เกือบจะหล่นลงไปขึ้นมา เขากวาดตามองคนผู้นี้ด้วยดวงตาหยินหยาง ผู้โดยสารคนนี้น่าจะไม่ใช่ ‘ผู้โดยสาร’ ที่เขากำลังรออยู่ “นั่งดี ๆ อย่าขยับไปไหน”

“ขอบคุณนะ ช่วงนี้ผมโชคไม่ดีเลย แต่ว่าคืนนี้ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปแล้ว! ผมได้เซ็นต์สัญญาแผนงานใหญ่ ขึ้นรถเที่ยวสุดท้ายทัน แล้วยังได้รับความช่วยเหลือจากคนใจดีอย่างคุณด้วย ขอบคุณมากนะ!” ขี้เมาพูด เขาโซเซไปยังที่นั่งแถวที่สามแล้วนั่งขวางสองเบาะคนเดียว

“คุณโชคดีจริง ๆ นั่นแหละ” เฉินเกอหันไปมองถังจวิน และฝ่ายหลังก็เข้าใจความหมายของเขา เขาส่ายหน้า เขาไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นผู้โดยสารพิเศษที่เฉินเกอ ‘ต้องการ’ หรือไม่

“พี่ชาย คุณจะไปไหน? ผมจะปลุกคุณเมื่อเราไปถึง”

“ไม่ต้องสนใจผม ผมไม่อยากเป็นภาระให้คุณ! บ้านผมอยู่ป้ายสุดท้าย พอรถเมล์หยุด ก็ได้เวลาที่ผมจะลงแหละ” จากนั้นขี้เมาก็ฟุบไปบนที่นั่ง

“ป้ายสุดท้าย? คุณกำลังจะไปเมืองหลี่ว่าน?” เฉินเกอมองชายคนนั้นอย่างพิจารณาแต่ก็ยังมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติจากตัวเขา

รถเมล์แล่นต่อไปกลางสายฝน หลังจากเข้าสู่จิ่วเจียงตะวันออก รอบด้านก็ร้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด– ไม่มีรถบนถนนให้เห็นแล้ว พวกเขาผ่านป้ายรถเมล์มาอีกหลายป้าย และหนึ่งชั่วโมงให้หลัง เฉินเกอก็เห็นรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งอยู่บนป้ายรถเมล์หนึ่ง

รอบด้านไม่มีใคร แค่รองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งวางเอาไว้ตรงที่สายฝนสาดไม่ถึง เฉินเกอมองไปยังที่นั่งคนขับ ถังจวินดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง– เขาเอาแต่มองไปยังพวงมาลัยรถ

ไม่มีใครขึ้นมาบนรถ และหลังจากสามนาที ประตูก็ปิด ตอนที่ฟางหยวนกำลังดูว่ารองเท้าส้นสูงยังอยู่ที่นั่นไหม จู่ ๆ ถังจวินก็หัวเราะ จากน้ำเสียงของเขา เฉินเกอสังเกตว่ารองเท้าส้นสูงสีแดงคู่นั้นมาวางอยู่ที่นั่งด้านหลังที่นั่งคนขับแล้ว รองเท้าสีแดงเลือดนั้นวางอยู่เคียงกัน– มันเหมือนมีคนกำลังนั่งอยู่ที่ด้านหลังคนขับ

เธอขึ้นมาตอนไหน?

ตรงนั้นยังคงไม่มีใคร มีแค่รองเท้าคู่หนึ่ง เฉินเกอเดินไปแล้วสบตากับถังจวินผ่านกระจกเงา ในกระจก เขาพบว่าถังจวินพยายามยิ้มแม้ว่าเขากำลังจะร้องไห้แล้วก็ตาม

“ทัศนคติของคุณดีมาก รักษารอยยิ้มเอาไว้บนหน้า” เฉินเกอทำเหมือนเขามองไม่เห็นส้นสูงสีแดงคู่นั้นแล้วกลับไปยังที่นั่งตัวเอง เขาเปิดกระเป๋าออกพยายามปลอบเจ้าแมวขาวที่ถูกลักพาตัวมา เจ้าแมวคลานออกจากกระเป๋าและดูจะไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศในรถ และมันก็เดินดูเร็ว ๆ รอบหนึ่งก่อนจะกลับมาที่ข้าง ๆ เฉินเกอ

“แกน่าจะมีความสุขที่ได้ออกมาเที่ยวข้างนอกนะ” เห็นกริยาของเจ้าแมวแล้วเฉินเกอก็เข้าใจหลายอย่าง เขาคว้ากระเป๋าที่มีเครื่องเล่นเทปอยู่แล้ววางมันเอาไว้ข้างตัว ในรถนั้นเงียบมาก นอกจากเฉินเกอแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไร รถเมล์คันนี้เดินทางผ่านความมืดและสายฝนไปเหมือนโลงศพเคลื่อนที่

ฝนยังคงตกหนัก ตอนที่รถเมล์ไปถึงป้ายถัดไป เฉินเกอก็เห็นใครสักคนในชุดเสื้อกันฝนสีดำวิ่งออกไปจากป้ายรถเมล์ ผู้ชายคนนั้นวิ่งกลับไปกลับมาเหมือนกำลังรีบ แต่ว่า พอรถหยุดลงเข้าจริง ๆ เขากลับเดินหนีไปทันทีเหมือนเห็นบางอย่างที่ไม่ควรเห็น

“คนผู้นั้นจำฉันได้งั้นหรือ?” เฉินเกอมองโครงร่างของผู้ชายคนนั้นและคิดว่าเขาดูคุ้นตามาก เขาให้สัญญาณถังจวินขับรถเมล์ไล่ตามหลังชายคนนั้นไปทันที