ใบหน้ายิ้มแย้ม
เสื้อกันฝนสีดำนั้นปกคลุมร่างของชายคนนั้นแต่เฉินเกอพบว่าคนผู้นี้สวมเสื้อผ้าหลายชั้นทำให้เขาดูตัวใหญ่กว่าความเป็นจริง ตอนที่เขาพบว่ารถเมล์แล่นมาทางเขา เขาก็รีบหันหนีวิ่งไปทางอื่น
“ทำไมมันถึงตามฉันมา?” ในดวงตาของคนผู้นั้นมีแววตระหนก รถเมล์แล่นออกจากเส้นทาง– นั่นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รถเมล์แล่นตัดผ่านสายฝน ความเร็วของมันนั้นไม่เร็วหรือช้าเกินไป มันแล่นมาเทียบข้างเขาเหมือนกำลังรอให้เขาขึ้นรถ เรื่องประหลาดเช่นนี้ทำให้ผู้ชายคนนั้นเร่งฝีเท้าขึ้นอีก เขามองซ้ายมองขวาหาตรอกที่เล็กเกินกว่าที่รถเมล์จะผ่านเข้าไปได้
“มันอันตรายมากนะที่คุณจะเดินอยู่คนเดียวดึกดื่นป่านนี้ท่ามกลางฝนตก” เฉินเกอให้ถังจวินหยุดรถขวางทางผู้ชายคนนั้นเอาไว้แล้วเปิดประตู ผู้ชายคนนั้นลังเลก่อนที่จะขึ้นมาบนรถ เขาถอดเสื้อกันฝนออกเผยให้เห็นใบหน้าที่เฉินเกอก็รู้จัก
เฉินเกอเคยพบกับผู้โดยสารคนนี้มาก่อน ตอนที่เขาไปเมืองหลี่ว่านก่อนหน้านี้ ก็เป็นผู้ชายคนนี้ที่แนะนำให้เฉินเกอรู้จักรถขนคนตาย เขาเป็นหมอจากหน่วยไฟไหม้ที่แต่งงานกับผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่าเขามาก เพราะเหตุผลอันซับซ้อน ภรรยาของเขาฆ่าตัวตายในห้องน้ำ ตั้งแต่นั้นมา เขาก็สวมผ้าพันคอที่ภรรยาของเขาถักให้และตามหาวิธีการที่จะได้พบภรรยาของเขาอีกครั้งในมุมมืด ๆ ของเมือง
หลังจากหมอขึ้นมาแล้ว เขาก็เห็นเฉินเกอ ในสถานการณ์อันประหลาดเช่นนี้ มันช่างน่ายินดีอย่างยิ่งที่เห็นใบหน้าอันคุ้นเคย เขาเดินมาหาเฉินเกอและนั่งลงข้าง ๆ โดยไม่ลังเล ยานพาหนะเคลื่อนที่ต่อไป สายฝนตกกระทบหน้าต่างรถเมล์ และเสียงที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณยังมีชีวิตอยู่?”
คำทักทายของเฉินเกอนั้นเป็นสิ่งที่ปกติไม่พูดกันแต่ว่าหมอก็ไม่ได้โกรธ เขาส่งเสียงชู่ให้เฉินเกอแล้วจากนั้นก็กระซิบ “วันนี้ รถคันนี้ต่างไปจากปกติ มีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้นแน่ ๆ”
“ต่างกันยังไง?” เฉินเกอรับฟังความคิดเห็น คิดหาวิธีปรับปรุง
“ผมก็บอกไม่ถูก แต่มันแค่รู้สึกแปลกไป” หมอถอดเสื้อคลุมออกแล้วกวาดตามองผู้โดยสารคนอื่น ๆ ในรถด้วยปลายหางตา
“ไม่แปลกใจที่คุณเลือกที่จะหนีทันทีที่รถไปถึงที่ป้ายรถเมล์” เฉินเกอยักไหล่ เขาใส่เจ้าแมวกลับเข้าไปในกระเป๋า เมื่อมีอันตราย เจ้าแมวก็กลายเป็นเชื่อฟังอย่างไม่น่าเชื่อและยังชอบตัวติดอยู่กับเฉินเกอ
หลังจากหมอขึ้นรถมาแล้ว รถก็เลี้ยวกลับและกลับไปยังเส้นทางปกติของมัน
“พวกเราจะถึงเมืองหลี่ว่านในอีกไม่กี่ป้าย น่าจะมีผู้โดยสารต้องการขึ้นรถคันนี้คืนนี้มากทีเดียว” เฉินเกอหลับตาลงเพื่อพัก ไม่ว่าจะเป็นขี้เมาคนนั้นหรือรองเท้าส้นสูงสีแดง พวกเขาล้วนไม่ใช่เป้าหมายของเฉินเกอ เป้าหมายหลักของเขายังคงเป็นผู้หญิงในเสื้อกันฝนสีแดง
แล่นฝ่าสายฝนไป ที่ด้านนอกรถเมล์ มีเสียงลมพัดโหยหวนและเสียงฟ้าร้อง แต่ในรถเมล์ มันให้ความรู้สึกกดดันจนเหมือนจะหายใจไม่ออก หลังจากผ่านไปอีกห้านาที รถเมล์ก็ไปถึงป้ายถัดไป
ป้ายรถเมล์ว่างเปล่า มีเลือดแอ่งหนึ่งถูกน้ำฝนชะไป ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ป้ายรถเมล์ก่อนที่รถจะมาถึง รอยเลือดถูกน้ำฝนชะจนจางหายไปอย่างช้า ๆ
“ตอนที่ผู้หญิงในชุดเสื้อกันฝนถูกโจมตีหรือว่าท้าทาย เลือดก็ซึมออกจากเสื้อกันฝนของเธอ งั้นนี่น่าจะเป็นของเธอด้วยหรือเปล่า?” เฉินเกอยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้ บางที มันอาจจะมีผู้โดยสารที่กำลังรอรถถูกฆ่าก็ได้
เหมือนเดิม รถเมล์เปิดประตูแล้วหยุดอยู่สามนาทีถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรออยู่ที่ป้ายก็ตาม ไม่มีอะไรผิดปกติในช่วงนาทีแรก แต่ระหว่างนาทีที่สอง มีเงาหนึ่งเดินมาตามถนน
เขาเดินโซเซอยู่ในสายฝนที่ตกหนัก มีผมทรงดอกเห็ดเด่นชัด ลำคอของเขายาวกว่าปกติ และถึงแม้ว่าเครื่องหน้าจะยังดูปกติ แต่เมื่อรวมกันแล้วมันก็ให้ความรู้สึกประหลาดมาก
ตอนที่ประตูกำลังจะปิดนั่นเอง หัวดอกเห็ดก็ขึ้นมาบนรถ ทั้งร่างของเขาชุ่มโชก และเขาก็มีรอยยิ้มประทับค้างอยู่บนหน้า ริมฝีปากของเขาฉีกออกเผยให้เห็นฟันของเขา ถึงแม้ว่าน้ำฝนจะไหลเข้าไปในปาก เขาก็ไม่สนใจเหมือนว่านี่เป็นสีหน้าเดียวที่เขาทำได้
“ผู้ชายกับยิ้มประหลาด?” นั่นคือความประทับใจที่เฉินเกอมีต่อผู้โดยสารใหม่คนนี้ เขาใช้ดวงตาหยินหยางอย่างเงียบ ๆ และเพียงแค่เหลือบมอง มันก็เหมือนมีคนเอาเข็มหมุดจิ้มเข้ามาในลูกตาเขา เขารีบหลับตาลงเพื่อลดความเจ็บแปลบนั้นลง เมื่อเฉินเกอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ชายหน้ายิ้มคนนั้นก็นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เขาเลือกที่นั่งหนึ่งในแถวที่สอง มันเหมือนว่าเขาตั้งใจจะเลือกที่นั่งตรงข้ามกับรองเท้าส้นสูงสีแดงคู่นั้น
คืนนี้ พวกเรามีผู้โดยสารคุณภาพหลายคนเลย!
เฉินเกอขยี้ตา แล้วก็ผ่านความเจ็บปวดนั้นมาได้ เขาไม่รู้เลยว่าชายคนนั้นเก็บซ่อนอะไรเอาไว้ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนคุณหมอ
รถเมล์แล่นต่อไป อีกหลายนาทีให้หลัง หมอจู่ ๆ ก็เอื้อมมืออ้อมด้านหลังส่งโทรศัพท์ให้เฉินเกอ เฉินเกอรับโทรศัพท์มาแล้วอ่านข้อความที่เขียนเอาไว้– ‘ตั้งแต่พวกเราออกจากเมืองหลี่ว่าน รถขนคนตายก็หายไป มันเลิกออกวิ่งตามเวลาที่กำหนด คืนนี้ ผมแค่มาลองเสี่ยงดู แต่ว่ารถขนคนตายปรากฏขึ้นอีกครั้งทั้งที่ไม่ควร มันทำลายจังหวะที่ถูกตั้งเอาไว้เมื่อก่อน คืนนี้ คงจะมีผู้โดยสารเก่า ๆ แบบผมออกมาตรวจดูเส้นทาง ดังนั้นมันจะอันตรายมาก ระวังตัวด้วย และสิ่งหนึ่งที่ต้องสนใจเลยก็คือปิศาจหน้ายิ้มที่แถวที่สอง ระวังเอาไว้ มันเคยสังหารคนทั้งรถมาแล้ว’
อ่านข้อความของหมอแล้ว เฉินเกอก็พบบางอย่าง เมื่อพูดถึงผู้โดยสารหน้ายิ้ม หมอใช้คำว่าปิศาจและ ‘มัน’
หมอรู้ได้ยังไงว่ามันฆ่าคนทั้งคันรถมาก่อน? ถ้าเขาเป็นหนึ่งในผู้โดยสาร แล้วเขารอดมาได้อย่างไร? ถ้าเขาไม่ได้อยู่บนรถในตอนนั้น แล้วใครบอกเขาเรื่องนี้?
ดวงตาของเขายังเต้นตุบด้วยความเจ็บปวด เฉินเกอแอบมองไปยังผู้ชายคนนั้นด้วยความสามารถที่ได้รับจากโทรศัพท์เครื่องดำ
ผู้ชายคนนั้นมีทรงผมที่ดูน่ารัก แต่อันที่จริงแล้ว เขากลับมีนิสัยเหี้ยมโหด
ตอนที่เฉินเกอแอบสังเกตชายหน้ายิ้มอยู่เงียบ ๆ รถเมล์ก็มาถึงป้ายถัดไป ก่อนที่จะเข้าไปเทียบป้าย เฉินเกอก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ดูค่อนข้างกระวนกระวาย หลังจากรถเมล์จอดและประตูเปิด เฉินเกอที่นั่งอยู่ในรถก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มคนนั้น “มันมีจริง ๆ ด้วย รถเมล์เที่ยงคืน! เรื่องเล่านั่นเป็นความจริง!”
เสียงของเขาสั่น ใบหน้าของเขาซีดขาว ริมฝีปากของเขาเป็นสีม่วงอย่างไม่ธรรมชาติ และร่างกายของเขาก็สั่นราวกับจะล้มไปได้ทุกเมื่อ
“ตาขาวอะไรขนาดนั้น?” เฉินเกอมองชายหนุ่มคนนั้นผ่านหน้าต่าง เขาดูอายุราวยี่สิบปี อาจจะยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ นี่เป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาคนหนึ่ง เฉินเกอเชื่อว่าเขาก็คงเหมือนเสี่ยวกู่ มีสิ่งไม่ธรรมดาตามติดอยู่ และด้วยความโชคร้ายของเขา เขาก็มาเจอเข้ากับรถเมล์คันสุดท้ายสาย 104
เฉินเกอไม่มีความสนใจอะไรในตัวชายหนุ่ม เขามองคนผู้นั้นเหมือนชาวประมงมองปลาตัวเล็กที่ติดอวนขึ้นมา เขาเตรียมจะปล่อยคนผู้นี้ไป
รถเมล์เข้าจอดที่ป้าย และผิดไปจากที่เฉินเกอคิดเอาไว้ ชายหนุ่มที่ดูขี้ขลาดและขี้กลัวกลับกระโดดเข้าประตูมาอย่างเต็มใจตอนที่ประตูรถกำลังจะปิด