เฉียวมั่วเฉินพยุงหลินหว่านออกจากร้านอาหารด้วยกัน เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห กว่าเขาจะได้พบหน้าหลินหว่านสักครั้งยังยาก เจอเซียวจิ่งสือกับอันซิงก่อกวนแล้วยังไม่พอ ถูกพนักงานมือเท้าซุ่มซ่ามทำลายบรรยากาศมื้อเย็นที่ควรจะมีความสุขครั้งนี้ไป ถ้าหากหลินหว่านต้องมีแผลเป็น เขาจะไม่ยอมปล่อยแม่พนักงานนั่นไปแน่!

 

 

เซียวจิ่งสือกับอันซิงมองตามเงาหลังของหลินหว่านไป ในใจคิดกันไปคนละทาง

 

 

อันซิงนึกกระหยิ่มใจอย่างถือดี เธอเล็งโอกาสที่พนักงานยกชามแกงมาเสิร์ฟอย่างแม่นยำ แค่ขัดขาพนักงานนิดเดียว น้ำแกงก็หกลวกหลินหว่าน แต่โชคดีที่ไม่มีใครเห็น และไม่มีใครสงสัยว่าเป็นการกระทำของเธอ

 

 

พอนึกถึงตรงนี้ อันซิงก็ยิ้มออกมาหันไปทางเซียวจิ่งสือ พูดว่า “จิ่งสือคะ คุณบอกว่ามีธุระต้องทำไม่ใช่เหรอคะ เรื่องอะไรเหรอ ฉันต้องไปกับคุณด้วยไหมคะ”

 

 

เซียวจิ่งสือฟังแล้วมองอันซิงด้วยสายตานิ่งๆ ดูลึกล้ำ จนอันซิงรู้สึกขนลุกขึ้นมา

 

 

“คุณหนูอัน ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามคุณ พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกได้ไหม” เซียวจิ่งสือถามโพล่งออกมา

 

 

อันซิงฟังคำพูดของเซียวจิ่งสือแล้ว แม้จะสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก ตอบรับอย่างดีใจ แล้วออกมานอกร้านกับเซียวจิ่งสือ

 

 

ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านชื่อดังระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง ไม่เพียงได้ชื่อว่าบริการดี สภาพแวดล้อมก็สวยงามมาก เหมาะกับการนัดหมายและเที่ยวพักผ่อนวันหยุดเป็นอย่างมาก พออันซิงตามเซียวจิ่งสือออกมาด้านนอก ก็เห็นว่าตรงหน้าพวกเขาเป็นสระน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

 

 

อันซิงกับเซียวจิ่งสือยืนอยู่ข้างสระน้ำ เธอถามเซียวจิ่งสืออย่างตื่นเต้นดีใจ “จิ่งสือ คุณ เมื่อครู่คุณบอกว่ามีเรื่องจะถามฉันใช่ไหมคะ เรื่องอะไรเหรอคะ”

 

 

“พนักงานที่ทำน้ำแกงลวกหลินหว่าน เธอเป็นคนขัดขาใช่ไหม” เซียวจิ่งสือจ้องตาอันซิงแล้วถามไปตรงๆ

 

 

อันซิงได้ฟังก็รู้สึกตื่นตกใจขึ้นมา หรือว่าเซียวจิ่งสือเห็นอะไรเข้า?

 

 

เป็นไปไม่ได้! เธอทำอย่างแนบเนียนมาก เซียวจิ่งสือไม่น่าจะดูออก ไม่แน่ว่าเขาแค่พูดดักทางเธอเท่านั้นเอง

 

 

เพียงชั่วขณะนั้น สีหน้าของอันซิงจากตกใจกลายเป็นว้าวุ่นลนลาน เพียงวูบเดียวก็หายวับ เธอพูดว่า “จิ่งสือ คุณพูดอะไรน่ะ ทำไมคุณเชื่อคำพูดของแม่สาวเสิร์ฟนั่นล่ะ แล้วทำไมฉันต้องทำเรื่องแบบนั้นด้วย”

 

 

เซียวจิ่งสือจ้องอันซิงเขม็ง พอเห็นสีหน้าแตกตื่นลนลานของเธอเพียงชั่วครูเดียวนั่น เขาก็แน่ใจได้เลยว่าตัวเองเดาถูก ถึงแม้อันซิงจะปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เขารู้สึกว่าคนที่ทำให้หลินหว่านถูกน้ำร้อนลวกคืออันซิง

 

 

“อันซิง ไม่ใช่เธอจริงๆ เหรอ” เซียวจิ่งสือถามเธอเสียงเย็น “หรือว่า…เธอยังไม่ยอมรับอีก”

 

 

อันซิงรีบพูดขึ้นอย่างร้อนตัวว่า “เซียวจิ่งสือ ไม่ใช่ฉันจริงๆ นะ ค…คุณไม่มีหลักฐานก็อย่ามาใส่ร้ายกันแบบนี้นะ!”

 

 

“แต่ว่า ตอนนั้นที่ข้างโต๊ะก็มีแต่เธอ หว่านหว่านกับสาวเสิร์ฟสามคนเท่านั้น พนักงานเสิร์ฟบอกว่าเธอล้มเพราะถูกขัดขา น้ำแกงก็สาดโดนหว่านหว่านพอดี ในสถานการณ์แบบนี้ นอกจากพนักงานพูดโกหก ผมคิดไม่ออกว่านอกจากคุณแล้วจะเป็นฝีมือใครได้ ยังจะมีใครอีกล่ะ!” เซียวจิ่งสือแค่นยิ้มพูดขึ้น

 

 

“ไม่ใช่ฉันจริงๆ นะ เซียวจิ่ง…ว๊าย!” อันซิงสะกดอาการแตกตื่นลงไป ยืนยันปฏิเสธกับเซียวจิ่งสือเสียงแข็ง แต่ว่าเธอยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาผลักเธอลงไปในสระน้ำ

 

 

“อ๊า…อ๊า…ช่วยด้วย…ช่วยด้วย…” อันซิงไม่ทันตั้งตัว พอถูกผลักตกน้ำ เธอดิ้นรนตะกุยตะกายน้ำจนสาดกระเซ็นไปทั่ว พลางกรีดร้องเสียงดังลั่นเพราะเธอว่ายน้ำไม่เป็น

 

 

“อ้าว! คุณหนูอัน ทำไมคุณตกน้ำไปซะล่ะ” เซียวจิ่งสือยืนอยู่ริมสระ มองดูอันซิงที่ดิ้นรนร้องให้ช่วย เขาแกล้งพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ

 

 

“ช่วยฉันด้วย…ช่วยด้วย…เซียวจิ่งสือ…ช่วยฉัน…”

 

 

อันซิงรู้ว่าเซียวจิ่งสือเป็นคนผลักเธอลงไป เพราะรอบข้างนอกจากเขากับเธอสองคนแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอีก

 

 

เธอโกรธมาก แต่พออันซิงได้ยินเสียงของเซียวจิ่งสือ ก็ได้แต่ร้องขอให้เขาช่วย

 

 

“คุณหนูอัน ตกน้ำนี่ความรู้สึกเป็นอย่างไรกันนะ” เซียวจิ่งสือชื่นชมกับสภาพทุลักทุเลของอันซิง ถามด้วยรอยยิ้มยินดีว่า “แต่ผมว่านะคุณหนูอัน ดูเหมือนจะว่ายน้ำไม่เป็น จะให้ผมเรียกคนมาช่วยคุณขึ้นมาไหมล่ะ”

 

 

“เซียวจิ่งสือ…ช่วยฉันด้วย! ขอร้องล่ะ…” อันซิงแผดเสียงแปดหลอดออกมาจากในน้ำอย่างสิ้นหวัง เมื่อครู่เธอใช้แรงตะกายอยู่ในน้ำตลอดเวลา ร่างกายกำลังจะหมดแรงอยู่แล้ว

 

 

“ได้สิ คุณหนูอัน ผมจะไปหาคนมาช่วยคุณเดี๋ยวนี้ล่ะ คุณต้องพยายามเข้านะ” เซียวจิ่งสือพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าอันซิงตะกายในน้ำเบาแรงลงเรื่อยๆ

 

 

เซียวจิ่งสือแค่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้หลินหว่าน เอาคืนกับเธอเรื่องที่ทำให้หลินหว่านถูกน้ำร้อนลวก แต่ไม่ได้ต้องการให้อันซิงเจอกับอุบัติเหตุอะไรจริงๆ

 

 

ผ่านไปไม่นานนัก เซียวจิ่งสือก็พาพนักงานดูแลความปลอดภัยมาคนหนึ่ง เขาให้ยามลงไปงมอันซิงขึ้นมา และพูดกับอันซิงที่อยู่ในน้ำว่า “คุณหนูอัน ผมให้คนลงไปช่วยคุณแล้วนะ คุณต้องสู้ๆ เข้าไว้นะ”

 

 

พูดจบ ยามนั่นก็ลงสระ เซียวจิ่งสือพอเห็นว่าเขาลงน้ำไปแล้วก็จากมา

 

 

“ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย…ช่วยด้วย!” อันซิงดิ้นอยู่ในน้ำ แรงของเธอลดลงเรื่อยๆ ตอนนั้นเอง เธอเห็นเงาร่างหนึ่งว่ายตรงมาทางเธอ จึงร้องตะโกนออกไปสุดชีวิต

 

 

ยามรักษาความปลอดภัยว่ายมาถึงตัวอันซิงก็ดึงร่างเธอเข้าหาเขา อันซิงรู้สึกว่ามีมือข้างหนึ่งลูบไล้ไปมาอยู่บนตัวเธอ ก็โมโหมาก ตวาดใส่ยามว่า “แกเป็นใคร? ปล่อยฉันนะ!”

 

 

ยามได้ฟังดังนั้น ดวงตาเท่าเม็ดถั่วเขียวทั้งคู่ก็กวาดไปมาบนร่างของอันซิง สายตากวาดมาถึงใบหน้าที่เลอะเครื่องสำอางของอันซิง จากนั้นมองไปที่ทรวงอกเปียกน้ำของเธอ พูดว่า “คุณหนูอัน ผมเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของร้านอาหารแห่งนี้ คุณผู้ชายคนหนึ่งให้ผมมาช่วยขึ้นจากสระ ทางที่ดีคุณก็อย่าดิ้นอีกเลยนะครับ ผมจะได้รีบช่วยคุณขึ้นจากสระ”

 

 

“ยามเหรอ? แกเป็นยามยังกล้าลงมือลงไม้ทำรุ่มร่ามกับฉัน แกไม่รู้ว่าฉันเป็นใครใช่ไหม แกปล่อยฉันนะ! ไม่งั้นฉันจะให้แกเห็นดีแน่!” อันซิงทนกับสายตาจาบจ้วงของยาม ขณะที่ตวาดใส่ยามคนนั้นอย่างโกรธจัด

 

 

“งั้นเหรอ ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะว่าคุณเป็นคุณหนูบ้านตระกูลอัน แต่ว่าต่อให้คุณคือคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลอัน แล้วจะอย่างไร” ยามนั่นฟังแล้วกลับไม่รู้สึกหวาดกลัว เขารู้ว่าอันซิงว่ายน้ำไม่เป็น จึงกล้าลวนลามเธอแบบนี้ พูดจบเขาก็หรี่ตาลง จ้องเขม็งไปที่หน้าอกของอันซิงอย่างหื่นกระหาย สองมือหยาบกระด้างยังเคลื่อนไหวไปมาบนร่างของอันซิง

 

 

อันซิงเหลืออดกับการดูถูกแบบนี้ เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากสองแขนของยาม และฉวยโอกาสตอนที่เขาดิ้นรนกัดที่ไหล่เขาไปอย่างแรง

 

 

ยามรู้สึกเจ็บปวดก็ปล่อยอันซิง ดึงศีรษะอันซิงให้เธอแหงนหน้าขึ้น หัวเราะเยาะเย้ยอันซิงว่า “คุณหนูอัน คุณก็แค่ผู้หญิงที่ผ่านมือผู้ชายมาแล้ว ยังจะทำเป็นดีดดิ้นอีก”

 

 

จากนั้นแขนข้างหนึ่งของยามก็ล็อกตัวอันซิงเอาไว้ ส่วนแขนอีกข้างก็ลวนลามเธออย่างไม่เกรงกลัว อันซิงสู้แรงเขาไม่ได้ จึงได้แต่โมโหจนพูดไม่ออก ปล่อยให้ยามนั่นหาเศษหาเลยจากตัวเอง