ตอนที่ 223-2 วางแผนเอาสินเดิม

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

“ต่างก็ว่ากันว่าสินเดิมของภรรยาโย่วเอ๋อร์เป็นเท่านี้ในเมืองหลวง เจ้าไปดูแล้วหรือยัง” พระชายาจิ้นอ๋องยื่นนิ้วโป้งออกมาเทียบ

 

 

แม่นมซือกำลังทาเล็บให้นางด้วยความระมัดระวัง ได้ยินแล้วก็กล่าว “ยังเจ้าค่ะ วันนั้นที่สินเดิมของฮูหยินใหญ่ยกเข้ามาในจวนบ่าวยุ่งอยู่ ไหนเลยจะมีเวลาว่างไปดูสินเดิมอะไร แต่ได้ยินบ่าวรับใช้ชั้นล่างถกเถียงกัน บอกว่าเยอะอย่างยิ่ง แต่บ่าวตริตรอง นี่น่าจะเป็นคำพูดเกินจริงของบ่าวชั้นล่าง ต่อให้เยอะแล้วจะเยอะสักเท่าไรเชียว เทียบฮูหยินซื่อจื่อกับฮูหยินสามได้หรือ อย่างไรเสียพื้นฐานของจวนจงอู่โหวก็เห็นๆ กันอยู่ เพิ่งจะรุ่งเรืองขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีนี้ ห่างไกลจากจวนอู๋กั๋วกงกับจวนไหวเซียงโหวยิ่งนัก จะมีของดีอะไรได้”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องหาวกล่าว “คราวนี้แม่นมพูดผิดแล้ว ใบรายการสินเดิมของภรรยาโย่วเอ๋อร์ท่านอ๋องดูให้ข้าแล้ว ไม่เพียงแต่สินสอดจวนอ๋องของเราถูกนำกลับมาทั้งหมดตามจำนวนเดิม เพียงแค่หมู่บ้านมากกว่าพันหมู่ที่ชานเมืองก็มีเจ็ดแปดแห่งแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นที่ดินชั้นดี เป็นหมู่บ้านดีที่ต่อให้เจ้ามีเงินก็หาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงของล้ำค่าหายากต่างๆ ดูท่าแล้วจวนจงอู่โหวจะรุ่งเรืองแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่อาจให้ลูกสาวออกเรือนด้วยสินเดิมหลายแสนตำลึง” สินเดิมส่วนนั้นเยอะยิ่งกว่าของอู๋ซื่อกับหูซื่อรวมกันเสียอีก

 

 

“เป็นไปไม่ได้กระมัง” แม่นมซือไม่เชื่ออย่างยิ่ง แม้จวนจงอู่โหวจะร่ำรวย แต่ตระกูลใดบ้างจะตัดใจให้สินเดิมบุตรสาวหลานแสนตำลึง ไม่ใช่ควรเก็บไว้ในลูกชายหรือ ฮูหยินใหญ่ยังมีน้องชายมารดาเดียวกันหนึ่งคนไม่ใช่หรือ

 

 

“จะเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไร แม่นมอย่าลืมว่าตอนแรกหร่วนซื่อก็แต่งเข้าจวนจงอู่โหวด้วยสินสอดยาวสิบลี้ หร่วนซื่อไม่อยู่แล้ว ฟังว่าหลิวซื่อฮูหยินแม่เลี้ยงผู้นั้นหันเข้าหาพระธรรมละเรื่องทางโลก สินเดิมของหร่วนซื่อนั้นก็ต้องตกอยู่ในมือภรรยาโย่วเอ๋อร์มิใช่หรือ” พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวอย่างไม่สนใจ

 

 

“นั่นก็เป็นไปไม่ได้ ฮูหยินใหญ่ไม่ใช่ยังมีน้องชายมารดาเดียวกันอยู่หรือ สินเดิมของหร่วนซื่อจะให้นางครอบครองเพียงคนเดียวได้อย่างไร” แม่นมซือยังคงรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ หากเป็นนาง อย่างมากก็ส่งให้น้อยกว่าครึ่ง ส่วนใหญ่ยังต้องเก็บไว้ให้ลูกชาย อย่างไรเสียลูกชายจึงจะเป็นที่พึ่งในการสืบทอดทายาท

 

 

ได้ยินพระชายาจิ้นอ๋องหัวเราะเยาะหนึ่งครา “น้องภรรยาผู้นั้นเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง ของอยู่ในมือภรรยาโย่วเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่านางเป็นผู้ตัดสินใจหรือ คนยังมีความเห็นแก่ตัว ใครบ้างที่ไม่คิดเพื่อตัวเอง” เรื่องนี้ภรรยาโย่วเอ๋อร์กลับฉลาด

 

 

แม่นมซือคิดๆ ดูก็ถูก หากนางมีของเยอะเพียงนั้น ก็ตัดใจแบ่งให้ผู้อื่นไม่ได้เหมือนกัน อย่าว่าแต่พี่น้อง แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้ ต่อให้พ่อแม่จะสนิทไหนเลยจะสนิทเท่าเงิน

 

 

“เช่นนั้นฮูหยินใหญ่ก็ทำไม่ถูก” แม่นมซือขมวดคิ้วมุ่น กล่าวอย่างจริงจัง “หากในมือไม่มีก็ไม่เป็นไร สินเดิมของฮูหยินใหญ่เยอะเพียงนั้น ของล้ำค่าหายากในมือเยอะเพียงนั้น คาดไม่ถึงว่าไม่คิดจะแสดงความกตัญญูต่อพระชายาสักชิ้นสองชิ้น ไม่ว่าจะพูดอย่างไรท่านก็เป็นแม่สามีของนาง”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องตาลุกวาว โบกมือกล่าว “สินเดิมภรรยาโย่วเอ๋อร์เยอะ ข้าเองก็ดีใจกับพวกเขาสองสามีภรรยา ข้าเป็นแม่สามี ไหนเลยจะขอสิ่งของจากชนรุ่นหลังได้ หากดังออกไปทุกคนคงหัวเราะแย่ เจ้ารีบปิดปากเสีย พระชายาของเจ้ายังไม่สายตาสั้นเพียงนั้น ข้าเป็นใครรู้ไว้เสียบ้าง”

 

 

“พระชายากล่าวผิดแล้ว จะเป็นการขอได้อย่างไร ชนรุ่นหลังแสดงความกตัญญูต่อผู้อาวุโสไม่ใช่สิ่งสมควรหรอกหรือ พระชายาไม่ต้องการ นั่นก็หมายความว่าพระชายาเมตตา ฮูหยินใหญ่ไม่แสดงออก นั่นก็หมายความว่านางทำไม่ถูก ฮูหยินซื่อจื่อกับฮูหยินสามแต่งเข้ามาแรกๆ ก็แสดงความกตัญญูต่อพระชายาด้วยของดีๆ หลายชิ้นมิใช่หรือ” แม่นมซือกล่าวโน้มน้าว

 

 

หวาอวิ๋นข้างๆ เองก็กล่าวคล้อยตาม “พระชายา แม่นมพูดมีเหตุผล บ่าวคิดว่า ฮูหยินใหญ่ไหนเลยจะสูงศักดิ์กว่าฮูหยินซื่อจื่อกับฮูหยินสาม อย่างไรเสียจวนจงอู่โหวก็หยาบกระด้างเกินไป”

 

 

วันนั้นที่ยกน้ำชานางถูกเสิ่นเวยตบหน้าต่อหน้าทุกคน ในใจกำลังเคียดแค้นอยู่ ตอนนี้เห็นโอกาสจะไม่พยายามใส่ความได้อย่างไร

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องโบกมือต่อ “พอแล้วๆ รู้แล้วว่าพวกเจ้าคิดแทนข้า ข้ายังขาดของชิ้นสองชิ้นนั้นหรืออย่างไร ขอเพียงแค่โย่วเอ๋อร์สองสามีภรรยามีชีวิตที่ดีได้ จะแสดงความกตัญญูด้วยการให้ของข้าหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ภรรยาโย่วเอ๋อร์อายุยังน้อย ต้องค่อยๆ เรียนรู้ พวกเจ้าน่ะพูดให้น้อยหน่อย ปิดปากให้สนิท หากหลุดพูดอะไรออกไปข้าไม่ปล่อยไว้แน่”

 

 

แม่นมซือกับหวาอวิ๋นก็ประจบขึ้นมา บ้างก็ว่าพระชายาเป็นคนใจกว้าง ได้เป็นแม่นมของพระชายาเป็นวาสนาอันดีในชั่วชีวิตนาง บ้างก็ว่าพระชายาโอบอ้อมอารีเกินไป บ่าวรู้สึกไม่เป็นธรรมแทนท่านต่างๆ นานา ประจบจนรอยยิ้มบนใบหน้าพระชายาจิ้นอ๋องกว้างขึ้นเรื่อยๆ

 

 

แม้ปากพระชายาจิ้นอ๋องจะบอกว่าไม่ต้องการ อันที่จริงในใจกำลังวางแผนอยู่ สินเดิมจำนวนมากเพียงนั้น นางจะไม่สนใจได้อย่างไร

 

 

“แม่นมยังจำภาพวาดโบราณตกปลาใต้จันทราภาพนั้นได้หรือไม่” จู่ๆ พระชายาจิ้นอ๋องก็เปลี่ยนเรื่อง

 

 

แม่นมซือขมวดคิ้วอยู่นานจึงกล่าว “ที่พระชายาจิ้นอ๋องพูดหมายถึงผลงานของจางเต้าจื่อชื่อดังในรัชสมัยที่แล้วใช่หรือไม่”

 

 

“ใช่ๆๆ ถูกต้องแล้ว” พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวด้วยความดีใจ “ข้าจำได้ว่าภาพตกปลาใต้จันทราภาพนั้นโด่งดังยิ่งนัก ปัญญาชนใต้หล้าต่างก็แย่งกันมาดู ฉบับคัดลอกยังทำเงินได้ถึงห้าพันตำลึง ของแท้ก็ยิ่งมีคนเสนอให้ถึงหนึ่งแสนตำลึง อ้อจริงสิข้าคล้ายจำได้ลางๆ ว่าของแท้อยู่ในมือใคร” นางเท้าศีรษะพยายามหวนนึก

 

 

แม่นมซือตาลุกวาว กล่าวเสียงเบา “เรื่องนี้บ่าวจำได้ ของแท้นี้อยู่ที่จวนแม่ทัพใหญ่หร่วน เป็นสินเดิมของฮูหยินแม่ทัพใหญ่ ภายหลังเป็นสินเดิมส่งให้ลูกสาว ตอนนั้นที่หร่วนซื่อเปิดเผยสินเดิมก็สร้างความตกตะลึง ปัญญาชนกวีจำนวนไม่น้อยไปขอเยี่ยมชมที่จวนจงอู่โหว เพียงอยากจะเห็นของแท้กับตาตัวเอง”

 

 

“อ้อ ข้านึกออกแล้ว มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ ท่านอ๋องของพวกเราก็เคยไปเยี่ยมจวนจงอู่โหว หลังกลับมาก็ชื่นชมไม่หยุดปาก กลางดึกไม่หลับไม่นอนคัดลอกอยู่ในห้องหนังสือ ราวกับถูกผีสิง ขนาดนั้นเชียวหรือ เฮ้อ ความคิดของปัญญาชนนี้พวกเราสตรีเรือนหลังเหล่านี้ไหนเลยจะเข้าใจ” พระชายาจิ้นอ๋องหวนรำลึกกล่าว

 

 

แม่นมซือลอบมองสีหน้าของพระชายาจิ้นอ๋อง กล่าว “พระชายา ฟังว่าไม่กี่วันก่อนพ่อบ้านรองจวนเสนาบดีฉินยังตามหาฉบับคัดลอกของภาพๆ นี้อยู่ข้างนอก บอกว่าท่านเสนาบดีฉินสั่งมา พระชายา หากพวกเราสามารถส่งภาพของแท้นี้ไปให้เสนาบดีฉินได้ เช่นนั้นคู่สมรสของคุณชายสี่ก็เป็นไปได้อย่างยิ่ง”

 

 

ในดวงตาพระชายาจิ้นอ๋องมีประกายแวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถอนหายใจกล่าว “ใครว่าไม่ใช่เล่า เพื่อฉั่งเอ๋อร์ ผมบนหัวข้าขาวไปไม่รู้กี่เส้นแล้ว ฉั่งเอ๋อร์ไม่ได้ก้าวหน้าเหมือนพี่ชายทั้งสองของเขา ข้าก็ยิ่งต้องหาบ้านพ่อตาที่มีแรงสนับสนุนให้เขา แม้คุณหนูผู้นั้นของจวนเสนาบดีฉินจะไม่ใช่บ้านนายท่านเสนาบดีฉิน แต่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของซูเฟยเหนียงเหนียง หลานสาวแท้ๆ ของเสนาบดีฉิน! หากฉั่งเอ๋อร์แต่งงานกับคุณหนูฉินผู้นี้ อย่างไรเสียองค์ชายรองก็สามารถช่วยเขาได้อีกแรง”

 

 

“พระชายามีจิตใจของผู้เป็นแม่จริงๆ เจ้าค่ะ! คุณชายสี่เป็นคนกตัญญูรู้คุณ จะต้องเข้าใจความลำบากของพระชายาแน่นอน” แม่นมซือตั้งใจประจบสอพลอ

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องดูเรื่องสมรสให้ลูกชายคนเล็กสวี่ฉั่งอยู่ เลือกไปเลือกมาก็เลือกจวนเสนาบดีฉิน แม้จะเสียดายที่ท่านเสนาบดีฉินไม่มีบุตรสาวที่อายุเหมาะสม แต่สามารถแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของซูเฟยเหนียงเหนียงได้ก็ดีเหมือนกัน! นางไหว้วานคนไปปล่อยข่าวมาแล้ว แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นดั่งที่นางหวัง แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่เจตนาการปฏิเสธอ้อมๆ นั่นไม่ใช่ชัดเจนอย่างยิ่งหรอกหรือ

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องโมโหแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังคงไม่ยอมลดละ องค์ชายรองของซูเฟยได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ที่สุด ผูกสัมพันธ์ไมตรีกับนาง ไม่เพียงแต่ลูกชายคนเล็กจะมีอนาคต แม้แต่เยี่ยเอ๋อร์เหยียนเอ๋อร์ก็ได้รับผลประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน

 

 

“หากสามารถทำให้ท่านเสนาบดีฉินพูดอะไรได้ เรื่องสมรสนี้ของฉั่งเอ๋อร์ก็สำเร็จแล้ว เพียงแต่ข้าก็เป็นแค่เพียงสตรีคนหนึ่ง เฮ้อ!” พระชายาจิ้นอ๋องถอนหายใจอย่างหนักหน่วงหนึ่งครา

 

 

แม่นมซือเป็นคนฉลาดหลักแหลม ไหนเลยจะไม่เข้าใจเจตนาของพระชายาจิ้นอ๋อง “พระชายา ใกล้ๆ ไม่ใช่มีโอกาสดีอยู่หรือ ท่านเสนาบดีฉินหาภาพวาดตกปลาใต้จันทราอยู่ พวกเราส่งให้เขาเสียก็สิ้นเรื่อง น้ำใจยิ่งใหญ่เพียงนี้ยังไม่พออีกหรือไร”

 

 

“แต่ในมือพวกเราไม่มีภาพๆ นั้น!” พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวด้วยความกลัดกลุ้ม

 

 

“พวกเราไม่มี แต่ที่ฮูหยินใหญ่มี สินเดิมของหร่วนซื่ออยู่ที่นางทั้งหมดมิใช่หรือ” แม่นมซือกล่าวอย่างสุขุม

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องดวงตาเป็นประกายทันที ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “นี่คงไม่ดีกระมัง อย่างไรเสียนั่นก็เป็นสินเดิมของภรรยาโย่วเอ๋อร์ ทั้งยังเป็นเงินมหาศาล ภรรยาโย่วเอ๋อร์จะไม่พอใจหรือไม่”

 

 

“มีอะไรให้ไม่พอใจ นี่ล้วนแต่เป็นอนาคตคุณชายสี่ของพวกเรา คุณชายสี่เป็นพี่น้องกับคุณชายใหญ่ ช่วยพี่น้องสักแรงไม่ใช่สิ่งสมควรหรือ” แม่นมซือโน้มน้าว

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องนิ่งเงียบอยู่นาน จึงพยักหน้าเบาๆ กล่าว “ก็ใช่ พรุ่งนี้ข้าจะลองถามภรรยาโย่วเอ๋อร์ดู”