ต่วันถัดมาและวันถัดถัดมาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของมินอา 

 

 

เมื่อมินอาไม่มาทั้งกลางคืนและกลางวัน ชานจึงจับจองที่นั่งในห้องเล็กๆ นั้นและเริ่มรอ ภายในห้องนั้นมีแค่เพียงเตียงนอนกับตู้เอกสาร ไม่มีสิ่งของฟุ่มเฟือยหรือของตกแต่งอะไรอย่างอื่นเว้นแต่โต๊ะกับเก้าอี้เล็กๆ อย่างละอันเท่านั้น แต่กลับทำให้ชานรู้สึกสบายใจ วันนั้นเขาเฝ้ารอทั้งวัน แต่จนถึงดึกดื่นแล้วก็ยังไม่เห็นทีท่าว่ามินอาจะปรากฏตัวออกมา 

 

 

“นิสัยนี่ก็จริงๆ เลย” 

 

 

หากเกิดมาเป็นผู้ชาย แม้ว่าจะสร้างเรื่องใหญ่ก็คงจะรอดตัวไปได้หลายครั้งอย่างแน่นอน และคงจะเป็นมิตรสหายที่ดีทีเดียว ชานยิ้มอย่างขมขื่นและเอนตัวนอนลงไปบนเตียงขนาดเล็กที่นอนได้สองคนก่อนจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะสิ่งแปลกปลอมที่รู้สึกได้จากใต้หมอน พรึ่บ พอยกดูจึงเห็นมีดสั้นที่ถูกลับไว้อย่างดีวางอยู่สมกับเป็นมินอา ชานเกิดความอยากรู้อยากเห็นจึงเริ่มค้นหาอาวุธทั่วห้อง 

 

 

หัวลูกศรในลิ้นชักที่ติดอยู่เหนือเตียง ยาหลายชนิดและผ้าฝ้ายในลิ้นชักข้างๆ เขาพึมพำว่าขอเสียมารยาทหน่อยแล้วจึงค้นพบชุดสีดำหลายชุดกับธนูในตู้เอกสารที่เปิดดู หากไม่มีกลิ่นเฉพาะของหญิงสาวที่ส่งกลิ่นออกมาจางๆ ผสมกับกลิ่นสมุนไพร แม้จะบอกว่าเป็นห้องของเพชฌฆาต เขาก็เชื่อ 

 

 

“ทำอะไรเพคะ” 

 

 

ในตอนนั้นเอง เสียงเย็นวาบดังมาจากด้านหลัง พอหันกลับไปด้วยความตกใจจึงเห็นมินอาที่มีสีหน้าไร้อารมณ์กำลังจ้องมองเขาอยู่ เห็นได้ชัดว่านางเปิดประตูเข้ามา แต่ไม่มีสัญญาณของการมาถึงขนาดนี้ได้อย่างไร ชานลูบหน้าอกที่ตกอกตกใจก่อนจะกลับไปนั่งหมิ่นเหม่บนเตียงอีกครั้ง 

 

 

“ขอโทษที เจ้าไม่มาสักทีข้าก็เลยเบื่อ” 

 

 

“ไม่ใช่เรื่องที่ฝ่าบาทจะต้องขอโทษหรอกเพคะ หม่อมฉันรู้สึกเหนื่อยจึงมาพักสักหน่อยก่อนจะกลับไปทำงานต่อ ดังนั้นโปรดเสด็จออกไปด้วยเพคะ” 

 

 

“พักไปสิ ข้าจะนั่งอยู่เฉยๆ” 

 

 

“…ฝ่าบาท” 

 

 

ใบหน้าของมินอาที่ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ซูบซีดเป็นพิเศษ ถึงกระนั้นก็ตามดวงตาก็ยังคงไม่วอกแวกแม้แต่น้อย มินอาจ้องมองราวกับจะเจาะทะลุชานด้วยดวงตาคู่นั้นก่อนจะพูดต่อ 

 

 

“เป็นความจริงที่หม่อมฉันบังอาจไปมีใจให้ฝ่าบาทครู่หนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วเพคะ ดังนั้นโปรดทรงเลิกพูดและทำในสิ่งที่ใจไม่ต้องการ และโปรดทูลหม่อมฉันมาเถอะว่าต้องการสิ่งใด” 

 

 

“ถ้าข้าบอก เจ้าจะยอมรับฟังงั้นหรือ” 

 

 

“ตราบใดที่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้พระชายาเจ็บปวดมากไปกว่านี้” 

 

 

ดูเหมือนว่าสถานที่ที่มีดถูกซ่อนไว้จะไม่ได้มีเพียงแค่ใต้หมอนเท่านั้น แววตาแหลมคมจ้องชานเขม็งโดยไม่ถอยหลังไปแม้แต่ก้าวเดียว แววตานั้น สีหน้านั้น เมื่อใดที่มินอาจ้องมองชานด้วยสายตาแบบนั้น ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกพบเห็นหัวใจที่ดำปี๋มักจะทำให้เขารู้สึกสับสนไปโดยไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะศีลธรรมที่คอยรบกวนเขาจนถึงวินาทีสุดท้ายได้หายไปแล้วนับตั้งแต่กลืนยาเม็ดรสขมอย่างรุนแรงลงไป หากไม่กำจัดผู้หญิงที่แม้จะแทงเลือดก็ไม่ออกสักหยดแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่ครอบครองพระชายาเลย เขาน่าจะออกไปข้างนอกไมได้ด้วยซ้ำ 

 

 

“ข้าต้องการเจ้า” 

 

 

“โปรดตรัสอะไรที่เป็นรูปธรรมด้วยเพคะ” 

 

 

“ร่างกายของเจ้า หัวใจของเจ้า ทุกอย่างของเจ้า” 

 

 

“เพคะ” 

 

 

มินอาเลื่อนเก้าอี้ไปข้างหลังแล้วยืนขึ้น ก่อนจะดึงปิ่นปักผมออกจากผมที่เกล้าขึ้นไปแล้ววางไว้ข้างๆ ปล่อยเส้นผมสีดำขลับที่ยาวลงมาเป็นคลื่นจนถึงเอวไปข้างหลังและดึงปมเสื้อออก ผ้าฝ้ายที่พันไว้ที่แขนถูกเอาออกนานแล้ว แต่รอยแผลที่เป็นทางยาวยังคงหลงเหลืออยู่ 

 

 

ถอดชุดซับในตัวบางและปล่อยมันตกพื้น หลังจากคลายผ้าพันแผลที่พันท่อนบนไว้อย่างแน่นออกก็ดึงมีดสั้นที่เหน็บอยู่ตรงต้นขาตลอดเวลาออกและวางไว้ข้างๆ กับปิ่นปักผม ร่างกายที่มีความยืดหยุ่นต่างจากสตรีอื่นอย่างเห็นได้ชัดปรากฏอยู่ตรงหน้าของชาน มินอาเดินเข้ามาหาชานและดันเขาให้นอนลงบนเตียงอย่างช้าๆ โดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย 

 

 

“ครั้งเดียวก็ได้ใช่ไหมเพคะ” 

 

 

“…ลองดูก่อนแล้วกัน” 

 

 

“หม่อมฉันไม่เคยทำก็เลยไม่รู้น่ะเพคะ” 

 

 

มินอาถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกายของชานออกทีละชิ้น ต่อมาจึงถอดกางเกงซับในสีขาวที่เหลือเป็นชิ้นสุดท้ายออก สีหน้าของมินอาเกิดการสะดุ้งเล็กน้อยเป็นครั้งแรก ชานยิ้มเบาๆ พร้อมกับยื่นแขนออกมาดึงใบหน้าของมินอาเข้าหาตัว 

 

 

“ต้องจูบกันก่อนสิ” 

 

 

ริมฝีปากที่แห้งผากเพราะไม่ค่อยดูแลสุขภาพแตะกับริมฝีปากของชานอย่างเก้ๆ กังๆ รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่พยายามควบคุมเหมือนกับกำลังทำให้จิตใจสงบลง เพราะว่าบาดเจ็บที่หลังหนักพอสมควรก็คงจะให้นอนลงไม่ได้สินะ ชานคิดเช่นนั้นพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นให้มินอานั่งบนตักและโอบรอบเอวคอด จากนั้นจึงใช้ลิ้นสะกิดยอดอกที่ตั้งตรงขึ้นมาด้วยความประหม่า 

 

 

ฮึก มินอาสูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่และก้มหน้ามุดในกลุ่มผมของชาน ชานรู้สึกถึงลมหายใจที่ค่อยๆ แตกกระเจิงจั๊กจี้อยู่รอบๆ ใบหูพร้อมทั้งดูดเม้มหน้าอกแรงขึ้น เอวที่ถูกโอบด้วยมือข้างหนึ่งตอบสนองด้วยการสะดุ้ง ไล่เลียหน้าอกอีกข้างหนึ่งพร้อมกับบีบเฟ้นหน้าอกที่ชุ่มโชกด้วยน้ำลายเต็มฝ่ามือ 

 

 

แม้กระทั่งในช่วงเวลาเช่นนี้ มินอาก็ยังคงไม่ส่งเสียงร้องออกมา ซึ่งชานไม่พอใจเอาเสียเลย เขาอยากเห็นการตอบสนองที่มีชีวิตชีวา ความปรารถนาของเขาย้ายไปอยู่ที่ฟันขาวและขบกัดหน้าอกที่ดูดเลียอย่างนุ่มนวลเมื่อสักครู่ 

 

 

“อื้อ” 

 

 

เสียงครางสั้นๆ เล็ดลอดออกมาในชั่วขณะแต่ก็มีแค่นั้น มือของชานที่โอบรอบเอวคว้าสะโพกรูปร่างดีก่อนจะปล่อยและขยับเข้าไปหว่างขาอย่างไม่ลังเล 

 

 

“ตรงนี้แฉะแล้วนะ ทำไมถึงไม่ส่งเสียงร้องออกมาล่ะ” 

 

 

ไม่ได้คาดหวังจะเอาคำตอบอยู่แล้วแต่แรก ชานล้วงมือเข้าไปลึกอีกและสำรวจเนินนูน ลมหายใจของมินอาสูญเสียความมั่นคงและสั้นลงทุกครั้งที่ส่วนชื้นแฉะถูกถูไถอย่างหยาบคาย และหยุดลงชั่วขณะเมื่อนิ้วสอดเข้าไปในปากทางเข้าโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย แค่การตอบสนองเช่นนั้นก็เพียงพอแล้ว ไม่สิ มันเร้าใจกว่าเสียงออดอ้อนของผู้หญิงที่เคยนอนด้วยเสียอีก ชานใช้นิ้วรูดไปตามผนังด้านในพร้อมกับขยายปากทางให้กว้างขึ้นพอสมควร ยิ่งการกระทำของเขารุนแรงมากขึ้น ความเจ็บแปลบที่รู้สึกได้ตรงไหล่ที่มินอาจิกอยู่ก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้น 

 

 

มือที่เอาออกมาเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวไปจนถึงข้อมือ ในตอนนั้นมินอาพ่นลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ออกมาเฮือกใหญ่และเงยหน้าขึ้น ชานมองเข้าไปในดวงตาของนางพร้อมกับแลบลิ้นออกมาเลียนิ้ว ดวงตาที่เย็นชาอยู่เสมอสั่นระริกด้วยความรู้สึกงงงัน ซึ่งนั่นคือการตอบสนองที่เขาต้องการ ชานใช้มือทั้งสองข้างจับเอวของมินอาและค่อยๆ เอนตัวลงบนเตียงอย่างช้าๆ 

 

 

“ผ่อนแรงนะ มันเจ็บ” 

 

 

อึก เสียงครางต่ำดังออกมาจากปากของชานที่ดันความต้องการเข้าไป ไม่ใช่เสียงของมินอาที่ได้เผชิญกับความเจ็บปวดราวกับร่างกายฉีกขาดไปทั้งตัวตั้งแต่ด้านล่าง 

 

 

เมื่อหลับตาลงท่ามกลางความเร้าใจที่กระหน่ำเข้ามาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผู้หญิงที่สั่นเทาเบาๆ อยู่บนตัวของเขาในตอนนี้จึงกลายเป็นรยูฮา ใบหน้าของรยูฮาบูดเบี้ยว เมื่อแขนที่เป็นสีแทนจับเอวและเคลื่อนไหวไปตามที่ต้องการ มือของรยูฮายันบนหน้าอกของชานที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเพื่อประคองตัวไว้ การเคลื่อนไหวที่รุนแรงยิ่งขึ้นทำให้รยูฮาร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด 

 

 

เขาโอบกอดมินอาที่ไม่ใช่มินอา อารมรณ์ทั้งหมดพลุ่งพล่านและบิดเบี้ยวภายในห้องเล็กๆ สะอาดสะอ้าน ความโศกเศร้ารินไหลลงบนหน้าอกของเขาที่ขยับขึ้นลงด้วยความอิ่มเอมใจ 

 

 

“ตอนนี้เสด็จกลับไปได้แล้วเพคะ หม่อมฉันอยากพักผ่อนสักหน่อยเพคะ” 

 

 

คมมีดที่อยู่ในดวงตาของมินอาถูกหักครึ่งและติดอยู่ข้างในหัวใจ ชานกอดนางและให้นางนอนลงข้างๆ โดยไม่พูดอะไร ก่อนจะนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดต้นขาของมินอาที่เหนียวเหนอะหนะไปด้วยของเหลว หลังจากใส่เสื้อผ้าและห่มผ้าให้อย่างเรียบร้อยแล้วก็กดจูบลงบนหน้าผากที่ชุ่มเหงื่อเบาๆ พลางลุกขึ้นยืน 

 

 

“หลับให้สบายนะ แล้วข้าจะมาใหม่” 

 

 

ประตูถูกเปิดออกและถูกปิดลง พอเสียงฝีเท้าค่อยๆ ห่างไกลออกไป มินอาจึงลืมตาแล้วลุกขึ้น ปิดหน้าด้วยมือด้าน แม้จะไม่มีเสียงออกมาและไหล่ก็ไม่ได้สั่นไหว แต่เห็นได้ชัดว่าน้ำตาของนางรินไหลออกมาจากระหว่างนิ้วมือ ทำให้เกิดรอยเปื้อนที่ไม่ลบเลือนบนแก้มขาว 

 

 

 

 

 

* * *