ส่วนที่ 4 ตอนที่ 192 ไร้คุณธรรม

ความลับแห่งจินเหลียน

“อา นี่อาก็จะทำเกินไปแล้ว!” หนิงชุ่ยฉินเปลี่ยนจากท่าทีร่าเริงในตอนแรกเป็นใบหน้าอึมครึม หันไปตะคอกใส่หนิงซั่งหวาว่า “คุณอาขายหินหยกก้อนนี้ให้คุณซีเหมินเหรอ? อาทำเกินไปแล้วนะ อาก็น่าจะรู้ว่าหินหยกก้อนนี้อาจจะไม่เผยสีเขียว มันคือหิน…”

“คุณซีเหมินเธอเลือกเอง!” หนิงซั่งหวาได้ยินแบบนั้นก็ทำตัวไม่ถูก อดไม่ได้ที่เผลอหันไปมองซีเหมินจินเหลียน

“ไม่ใช่ว่าอาแนะนำไปมั่วซั่วเพื่อให้คุณซีเหมินเลือกก้อนนี้หรอกเหรอ?” หนิงชุ่ยฉินเหมือนแมวที่กำลังขู่ฟ่อ แยกเขี้ยวตะปบมือใส่หนิงซั่งหวา “ตอนนั้นใครกันที่วิ่งไปหาแม่ฉัน บอกว่าหินหยกก้อนนี้ไม่มีค่าอะไร แม้จะทิ้งไว้ข้างถนนก็ยังไม่มีใครเก็บ? ถ้าอาเอาไปขายคนอื่นฉันจะไม่ว่าเลย แต่คุณซีเหมินกับคุณจ่านเป็นคนที่ฉันพามา อาก็ไม่น่าจะหลอกพวกเขานี่?”

“ไอ้เด็กนี่ แกพูดบ้าอะไรของแก?” หนิงซั่งหวาควบคุมสีหน้าไว้ไม่อยู่ “ตอนนั้นเป็นพ่อของแกเองต่างหากที่ตาไม่ดี ซื้อหินก่อสร้างมาตั้งมากตั้งมายแต่คิดว่าเป็นของดีเสียได้ ถ้าหากไม่ใช่ฉันกับลุงของแกช่วยแกจัดการหินพวกนั้นจนหมด แกจะมีเสื้อผ้าใส่ มีอาหารประทังท้องเหมือนในวันนี้เหรอ?”

“หินหยกนี่ฉันเป็นคนซื้อเอง ไม่เกี่ยวกับอาของเธอหรอก” ซีเหมินจินเหลียนเข้าไปห้ามปรามหนิงชุ่ยฉิน ไม่ให้เธอกับหนิงซั่งหวาทะเลาะกัน

“คุณซีเหมิน คุณไม่เข้าใจ ตอนนั้นหินหยกที่พ่อฉันซื้อมาพวกนั้น ก็ไม่มีก้อนไหนที่เผยสีเขียวออกมาเลย ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่เอาตัวมายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้หรอก คุณที่ซื้อก้อนนี้ไปก็ต้องติดกับดักร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณเปลี่ยนไปซื้อก้อนอื่นเถอะ” หนิงชุ่ยฉินมองไปที่หนิงซั่งหวาด้วยแววตาดุดัน ท่าทางเช่นนี้เหมือนกำลังพูดว่า หากอาพูดว่าไม่ยอมเปลี่ยน ฉันก็ไม่จบเรื่องแน่

“มีที่ไหนกันที่ซื้อหินหยกแล้วยังคืนของอีก?” จู่ๆ ก็มีเสียงคนพูดแทรกขึ้น “คุณหนิง พวกเรามาช้าไปเหรอ?”

ซีเหมินจินเหลียนกับหนิงชุ่ยฉิน รวมถึงคนอื่นๆ หันกลับไปดู เห็นว่าฉินเฮ่ากำลังประคองอวิ๋นเจีย ทั้งคู่เดินลงมาพร้อมกัน เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายแล้ว ทั้งคู่ก็ต่างตกตะลึง

“คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอคุณซีเหมินที่นี่ด้วย?” อวิ๋นเจียเหมือนผู้หญิงจีนโบราณตามภาพ เหมือนผู้หญิงในวรรณคดีที่ค่อยๆ เดินย่างกรายเข้ามาอย่างช้าๆ

หนิงชุ่ยฉินเห็นแล้วก็ตกตะลึงอยู่นาน “ให้ตายเถอะ สวยมากเลย!”

ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจไม่หยุด หรือว่าอวิ๋นเจียจะมาเล่นเดิมพันหิน? ได้ยินฉินเฮ่าเคยบอกว่าอวิ๋นอวิ้นมีความตั้งใจที่จะส่งธุรกิจเสื้อผ้าต่อให้อวิ๋นเจีย หรือว่าเธออยากจะถ่ายทอดทักษะในการเดิมพันหินทั้งหมดในชีวิตให้แก่อวิ๋นเจียด้วย?

“คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอคุณซีเหมินที่นี่” อวิ๋นเจียยิ้มอ่อนโยน

“ใช่ค่ะ ฉันเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคุณหนูอวิ๋นเหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “คุณมาซื้อหินหยกเหมือนกันเหรอคะ”

“อืม ฉันมาพร้อมกับคุณย่าน่ะ” อวิ๋นเจียพูด “คุณซีเหมินซื้อเสร็จแล้วเหรอ”

“กำลังจะกลับแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น

“เมื่อสักครู่ฉันแอบได้ยินว่าจะเปลี่ยนสินค้าอะไรกันสักอย่าง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ” อวิ๋นเจียมองไปทางหนิงชุ่ยฉินและเจตนาถามขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนพูด

“เข้าใจผิดอะไรกัน?” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หนิงชุ่ยฉินก็รีบพูดโพล่งขึ้นทันที “คุณซีเหมิน คุณอย่าไปกลัว เดี๋ยวฉันบอกอาของฉันให้เอง เขาต้องเปลี่ยนให้คุณแน่! นี่มันก็เกินไปแล้ว คุณเป็นคนที่ฉันแนะนำมา ฉันต้องรับผิดชอบ”

“กฎกติกาของการเดิมพันหินหยกก็คือ หลังทำธุรกรรมเสร็จแล้ว ไม่มีการคืนสินค้า” อวิ๋นเจียมองไปที่หนิงชุ่ยฉินและส่ายหน้าพูดขึ้น “ดูท่าว่าคุณผู้หญิงท่านนี้คงไม่เข้าใจกฎสินะ?”

หนิงชุ่ยฉินหันไปมองอวิ๋นเจีย เก็บงำความไม่พอใจที่อยู่ข้างใน “ฉันกับอาของฉันกำลังปรึกษากันอยู่!” พูดพลางเธอก็หันไปหาหนิงซั่งหวา

“ไอ้เด็กนี่ ฉันก็ไม่หาเรื่องกับแกแล้ว ตอนเย็นเข้ามากินข้าวด้วยแล้วกัน!” หนิงซั่งหวาถอนหายใจออกมา “อาชีพเดิมพันหินก็เป็นแบบนี้จริงๆ ไม่อย่างนั้นหากแพ้เดิมพันหินและไปขอเปลี่ยนสินค้ากับเถ้าแก่ จะได้เหรอ? เมื่อกี้ฉันก็บอกแล้วว่าคุณซีเหมินเป็นคนเลือกเอง ถึงจะตัดออกมาเป็นหินจริงๆ ก็โทษใครไม่ได้ หรือถ้าหากเธอชนะเดิมพันมันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว!”

“ไปเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนเห็นอวิ๋นเจียกับฉินเฮ่าอยู่ เกรงว่าอีกไม่นานอวิ๋นอวิ้นคงตามมา ตนเองก็ไม่อยากจะเจอเธอจึงรีบลากหนิงชุ่ยฉินออกไป “ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ได้ ถึงจะแพ้เดิมพัน ก็ไม่โทษเธอหรอก อาชีพเดิมพันหินก็ไม่มีคำนิยามเรื่องคืนสินค้า” ในใจรู้สึกซาบซึ้งในตัวเด็กคนนี้อยู่บ้าง เธอก็เป็นคนตรงใช้ได้เลย!

หนิงชุ่ยฉินไม่พอใจ เดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นไปบนรถตู้ ก่อนที่จะสตาร์ทรถ…จากนั้นถอยหลังเหยียบคันเร่งเต็มแรงพุ่งทะยานออกไป

“อย่าโมโหเลยน่า” ซีเหมินจินเหลียนเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงของเธอแล้วได้แต่พูดว่า “ฉันเชื่อในสายตาของฉัน ฉันไม่มีทางแพ้เดิมพันหรอก”

หนิงชุ่ยฉินไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ปัดมือพูดว่า “คุณซีเหมิน คุณไม่รู้หรอก ถ้าเป็นหินหยกก้อนอื่น แพ้ชนะก็ห้าสิบต่อห้าสิบสูสีกัน แต่หินหยกก้อนนี้มัน…มัน…เป็นหิน จริงสิ อาใจดำนั่นขายคุณไปเท่าไหร่?”

“ห้าแสน” จ่านป๋ายพูดแทรกขึ้นมา “เขาบอกว่าตอนที่ซื้อมาจากครอบครัวของเธอก็ราคานี้ เพราะอย่างนั้นจินเหลียนก็เลยไม่กล้าแม้แต่จะต่อรองราคา ได้แต่ซื้อมาเลย”

“ว่าไงนะ?” หนิงชุ่ยฉินได้ยินแล้วได้แต่โมโห “ตอนแรกที่เขาซื้อหินหยกมาจากบ้านฉัน ราคาก็แค่สองแสนเอง ห้าแสนที่ไหนกัน?”

“คุณหนิง ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนสงสัย หินหยกอื่นๆ เธอไม่รู้ แต่หินหยกก้อนนี้เป็นซากฟอสซิลหยกต้นไม้ยากที่จะพบเจอ แม้ว่าไม่รู้สถานการณ์ในตลาดเป็นอย่างไร แต่เธอรู้ว่าเธอไม่ได้แพ้เดิมพันแน่ เพราะข้างในซากฟอสซิลหยกต้นไม้นี่มีอะไรบางอย่างอยู่

หนิงชุ่ยฉินส่ายหน้าพูด “ตอนนั้นฉันยังเด็ก รู้แค่ว่าตอนแรกพ่อนำที่ดินพร้อมอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดไปจำนอง แลกกับเงินแปดล้านไปเดิมพันหินที่พม่าและซื้อหินหยกพวกนั้นกลับมา คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าเถ้าแก่ขายหินทางพม่าพวกนั้นเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวขนาดไหน หินหยกที่ดูดีหน่อยถูกย้ายไปกองรวมกับหินก่อสร้าง หินของคุณก้อนนี้ก็เป็นหินที่อยู่ในกองนั้น”

ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา ที่แท้ซากฟอสซิลหยกต้นไม้ที่หายากก็คือของแถม?

หนิงชุ่ยฉินครุ่นคิดหนักและพูดต่อ “ตอนนั้นพ่อของฉันคิดแค่อยากจะร่ำรวย จิตใจละโมบโลภมากซื้อหินหยกกลับมาตัดเจียระไนเอง แต่ไม่คิดเลยว่าแม้ผิวของหินหยกพวกนั้นจะดีมาก แต่ชำแหละออกมาเป็นแต่หินสีขาวว่างเปล่า…”

ซีเหมินจินเหลียนมองไปทางจ่านป๋าย และจ่านป๋ายก็สบตามองเธอพอดี เดิมพันหินนี่นะ…ล้วนแต่เดิมพันสิบครั้งแพ้เก้าครั้งทั้งนั้น อยากจะอาศัยมันร่ำรวยมันง่ายนักเหรอ?

“เรื่องต่อจากนี้ ฉันก็คงไม่ต้องพูดแล้ว พวกคุณคงเดาออก!” หนิงชุ่ยฉินเหอะเสียงใส่ “พ่อฉันแพ้เดิมพันจนทำให้บ้านของเราล้มละลาย เขารับไม่ได้กับแรงกดดันนี้เลยฆ่าตัวตายไป แต่เด็กกำพร้าและหญิงหม้ายยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป แม่เลยต้องนำของแถมของหินก่อสร้างขายไปทั้งหมด รวมแล้วขายไปราคาทั้งหมดแสนกว่าหยวน ไม่ถึงขนาดห้าแสนหรอก? รวมกับคุณลุงและอาสามก็ขายไปหกเจ็ดแสนเท่านั้น ยังไม่รวมกับในบ้านของฉันยังมีหินหยกขนาดใหญ่อยู่ ไม่มีใครต้องการ แม่บอกว่าเก็บไว้เป็นที่ระลึกแล้วกัน ในอนาคตค่อยบอกกับลูกหลานว่าอย่าเดิมพันหิน!”

“บ้านเธอมีหินหยกด้วยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ

“เหลือแค่ก้อนเดียวน่ะ” หนิงชุ่ยฉินพูดขึ้น “เป็นก้อนที่เหลือจากที่พวกอาๆ เลือกกัน ไม่มีใครต้องการหรอก! เพราะอย่างนั้นคุณซีเหมิน หินหยกก้อนนี้ของคุณก็ไม่น่าซื้อมาเลย ห้าแสนเชียวนะ…”

ซีเหมินจินเหลียนหยิบกระดาษปากกาเขียนเช็คเงินสดจำนวนหนึ่งหมื่นหยวนยื่นให้เธอหนึ่งใบ “นี่เป็นค่านายหน้า!”

หนิงชุ่ยฉินกวาดสายตาไปมองตัวเลขในเช็ค แม้ว่าจะดีใจแต่ก็ส่ายหน้าพูดว่า “คุณซีเหมิน ฉันทำให้พวกคุณต้องโดนโก่งราคา ค่านายหน้านี่ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก เป็นคนต้องมีคุณธรรม ไม่อย่างนั้นฟ้าดินต้องลงโทษ”

“หินหยกก้อนนั้น ก่อนที่ยังไม่ได้เจียระไนออกมา ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางรู้ว่าจะขาดทุนหรือไม่ขาดทุน ยิ่งไปกว่านั้นฉันหวังว่าคุณหนิงจะช่วยแนะนำร้านอื่นๆ ให้พวกเราดูสินค้า” ซีเหมินจินเหลียนพูด เธอได้ยินหนิงชุ่ยฉินพูดถึงลุงของเธอและอาสามของเธอ แสดงว่าทุกคนต่างทำธุรกิจหยกกันหมด คนแบบนี้ ไม่ไปดูสักหน่อยจะเสียใจขนาดไหน?

“คุณยังจะไปดูอีกเหรอ?” หนิงชุ่ยฉินพูดเกลี้ยกล่อม “คุณซีเหมิน ฉันรู้ว่าคุณมีเงินนะ แต่ถึงจะมีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะมาเล่นแบบนี้ ถ้าคุณชอบหยกก็ไปดูสินค้าตามถนนหยกโบราณเถอะ ฉันจะพาคุณไปเอง รับรองว่าพวกเขาไม่กล้าจะมากลั่นแกล้งคุณแน่ สินค้าในตลาดเครื่องหยกโบราณของพวกเรา เมื่อเทียบกับที่อื่นแล้วถือว่าถูกกว่ามาก”

“คุณหนิง ฉันรู้ว่าคุณมีเจตนาดี แต่ฉันยังคงต้องการหินหยกอีก เดิมพันหินก็อย่างนี้ไม่ใช่เหรอ? หากแพ้ก็ต้องรับผิดชอบเอง คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก” ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจในเจตนาดีของเธอ

“เฮ้อ…” หนิงชุ่ยฉินถอนหายใจพยักหน้าพูด “ในเมื่อคุณยืนกรานแบบนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว หากคุณต้องการไปดูหินหยก เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปที่บ้านคนคนหนึ่ง”

“ลุงของเธอเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด

“ไม่ใช่หรอก บ้านของลุงพรุ่งนี้เช้าค่อยไปก็ได้ ส่วนตอนบ่ายค่อยไปดูที่บ้านของอาสาม ตอนนี้ฉันจะพาคุณไปหาเจ้าสำนักเสี่ยวหมิง!” หนิงชุ่ยฉินพูด

“เจ้าสำนักเสี่ยวหมิง?” ซีเหมินจินเหลียนงงงัน “ที่นี่ยังมีเจ้าสำนักเสี่ยวหมิง?”

“ใช่ที่ไหนกัน!” หนิงชุ่ยฉินหัวเราะ “เขาเป็นเพื่อนนักเรียนของฉัน แค่ชื่อเล่นตอนเด็กเฉยๆ น่ะ! เขาชื่อเริ่นเสี่ยวหมิง ตอนนั้นกำลังดูหนังกระบี่เย้ยยุทธจักรในโทรทัศน์อยู่พอดี ตอนนั้นเขาเลยใช้ชื่อเล่นว่าเจ้าสำนักเสี่ยวหมิง จากนั้นเลยเรียกจนชินปากน่ะ!”

ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายพากันหัวเราะ หนิงชุ่ยฉินอธิบายว่า “พ่อของเขาก็ทำธุรกิจเดิมพันหิน หลังจากที่เขาเรียนจบลูกก็รับช่วงต่อจากกิจการของครอบครัว และได้มีหุ้นร่วมกันกับเพื่อนฝูงได้เงินมานิดหน่อย ธุรกิจสองปีนี้ยิ่งทำยิ่งขยายใหญ่ขึ้น คุณลองไปดูเองแล้วกัน ได้ยินว่าปู่ของเขาทำธุรกิจเดิมพันหิน ในมือมีสินค้าเก่าแก่ที่เขาส่งทอดมาให้”

“เรื่องจริงเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ใจเต้นแรงไม่หยุด “พวกเราไปกันเถอะ!”

“ฉันจะไปส่งพวกคุณที่โรงแรมก่อน จะได้นำหินหยกสองก้อนพวกนี้ไปเก็บไว้ในตู้เซฟของโรงแรม ถึงมัน…” พูดถึงเท่านี้หนิงชุ่ยฉินก็เผยยิ้มออกมา ความในใจข้างในอยากพูดว่า ‘ถึงมันจะไม่มีอะไรดี’ แต่ก็รีบเปลี่ยนคำพูดไปว่า “อย่างน้อยก็ตั้งห้าแสนเชียวนะ!”