ส่วนที่ 4 ตอนที่ 193 เหลืองขนเป็ดโต้เขียวต้นหลิว

ความลับแห่งจินเหลียน

“เธอก็คิดได้รอบคอบเชียว!” ซีเหมินจินเหลียนพูด

“แน่นอนสิ ในเมื่อพวกคุณเห็นค่าในตัวฉัน ให้ฉันมาเป็นคนนำทางให้ ฉันเลยต้องรับผิดชอบพวกคุณ” หนิงชุ่ยฉินพูด “เรื่องในคืนนี้ถือเป็นข้อยกเว้นแล้วกัน ฉันก็รู้สึกเสียใจมาก”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเต็มใจที่จะซื้อเอง” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มบางๆ หนิงชุ่ยฉินคนนี้ซื่อสัตย์เกินไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็เอาแต่คิดว่าหินหยกของพ่อเธอว่าไม่มีทางเผยสีเขียวแน่ เธอเลยคิดไปว่าซีเหมินจินเหลียนคงต้องเสียเปรียบ และอาของเธอเองที่เป็นคนวางกับดัก

“ฉันจะพาคุณไปหาเจ้าสำนักเสี่ยวหมิง ไม่แน่ว่าอาจจะได้ของดีก็ได้!” หนิงชุ่นฉินจอดรถไว้ที่ประตูทางเข้าของโรงแรม จ่านป๋ายก็เรียกให้คนมาช่วยย้ายหินหยกเข้าไปข้างใน ในเวลานั้นก็เช่าตู้เซฟไว้สำหรับเก็บใส่หินหยก

หนิงชุ่ยฉินกับซีเหมินจินเหลียนนั่งในห้องโถงของโรงแรม พร้อมโทรศัพท์ “เจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่…”

“หา…หนิงหนิง วันนี้เธอก็ว่างโทรมาหาคนไม่หล่ออย่างฉันได้ไงกัน?” ซีเหมินจินเหลียนที่นั่งอยู่ข้างเธอได้ยินอย่างชัดเจน จึงได้แต่หัวเราะคิกคักออกมา

“นายเป็นเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เหรอ?!” หนิงชุ่ยฉินพูด “ฉันก็เลยจะแนะนำสาวสวยให้นายรู้จักไง”

“สวยกว่าเธอหรือเปล่า” เสียงในโทรศัพท์ของเจ้าสำนักเสี่ยวหมิงถามขึ้น

“สวยกว่าฉันแน่นอน!” หนิงชุ่ยฉินเหลือบไปมองซีเหมินจินเหลียนและพยักหน้ายิ้ม “เธอสนใจหินหยก นายสะดวกไหม? ถ้าหากสะดวกฉันจะได้พาเธอเข้าไปดูสินค้า…ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ อย่าหลอกเธอด้วยการนำหินก่อสร้างมาบังหน้าล่ะ”

“วางใจได้ ฉันเป็นคนซื่อสัตย์พอนะ” เจ้าสำนักเสี่ยวหมิงยิ้มพูด “มาเถอะ ถ้าเป็นผู้หญิงสวยฉันล้วนต้อนรับทั้งนั้น”

จ่านป๋ายที่เก็บหินหยกเสร็จเรียบร้อยเมื่อเห็นสถานการณ์แล้ว หนิงชุ่ยฉินก็เป็นคนไม่เกรงกลัวอะไรสักนิด เธอจูงมือซีเหมินจินเหลียน “ไปดูสินค้าต้องไปเร็วๆ หน่อย หากรอจนมืดค่ำแล้ว ถึงจะให้ตะเกียงไฟกับคุณ แม้แต่เทพยังดูพลาดเลย” พูดพลางเธอก็จูงมือซีเหมินจินเหลียนขึ้นรถและสตาร์ทรถออกไป

“คุณหนิงบอกไม่รู้เรื่องหยกไม่ใช่เหรอ?” จ่านป๋ายถามอย่างสงสัย “ทำไมถึงพูดมีหลักการแบบนั้นล่ะ?”

“คุณพูดเหลวไหลอะไรกัน?” หนิงชุ่ยฉินตบพวงมาลัยรถพูด “คุณไม่เห็นหรือว่าที่นี่คือที่ไหนเ? นี่เป็นชุมชนหยางเหม่ยในเจียหยาง นี่เป็นเมืองหยกนะ! รู้ไหม นี่เป็นเมืองหยก ถึงเป็นพม่าก็ไม่สู้หยกของหยางเหม่ยของพวกเราหรอก เหอะ!” ภายใต้คำพูดนั้นคลุมเครือไปด้วยความภาคภูมิ “คุณรู้ไหมว่าต้องมีกี่คนที่ต้องกระโดดตึกหรือกินยาพิษถึงจะได้อยู่รอดในเมืองหยกนี่? แต่เล็กจนโตฉันเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำไมฉันจะไม่รู้? ฉันจะบอกคุณให้นะ หากคุณลองตระเวนหาเด็กทั่วไปในชุมชนของพวกเราออกมาถามเรื่องเนื้อแก้ว เนื้อน้ำแข็ง จุดหยกเส้นลายหยกพวกนี้ พวกเขาต่างพูดน้ำไหลไฟดับได้ทั้งนั้นล่ะ”

จ่านป๋ายถอนหายใจออกมา นี่คือวัฒนธรรมหยกของคนเจียหยางสินะ

“รู้แต่ไม่ได้แปลว่าเข้าใจ” หนิงชุ่ยฉินขับรถตู้ข้ามผ่านถนนสองสายและจอดรถที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง ซีเหมินจินเหลียนลอดมองผ่านหน้าต่างเห็นหน้าร้านเขียนว่า…ตระกูลหยก!

มองอย่างตกตะลึง ตระกูลหยกหรือ? ชื่อร้านแฝงไปด้วยรสนิยม

ที่ปากประตูมีชายหนุ่มคนหนึ่งอายุราวคราวเดียวกับหนิงชุ่ยฉินชื่อว่าเริ่นเสี่ยวหมิงออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นหนิงชุ่ยฉินแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา “สาวสวยล่ะ?”

“แล้วฉันไม่ใช่เหรอ?” หนิงชุ่ยฉินฉีกยิ้ม

เมื่อซีเหมินจินเหลียนลงจากรถ สายตาของเริ่นเสี่ยวหมิงก็เหล่ไปมองและยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ “สวยจริงๆ ด้วย!” เขาพูดพลางหันไปมองจ่านป๋ายและหยิบบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อส่งไปให้หนึ่งมวน “พาแฟนสาวมาดูสินค้าเหรอครับ?”

“เธอต่างหากที่เป็นคนซื้อ” จ่านป๋ายยิ้มและส่ายหน้า “ผมไม่สูบบุหรี่น่ะ”

“แหะ…หญิงสาวเป็นช้างเท้าหน้าจริงๆ ด้วย?” เริ่นเสี่ยวหมิงยิ้มและเดินนำพวกเขาไปข้างใน

หนิงชุ่ยฉินพูด “เจ้าสำนักฉันบอกนายแล้วนะ อย่าพาเธอไปดูสินค้าขยะพวกนั้นให้ขายหน้า ฉันไม่ยอมนะ!”

“คนที่เธอแนะนำ ฉันจะกล้าเหรอ?” เริ่นเสี่ยวหมิงยิ้ม “วางใจเถอะ ฉันไม่เคยหลอกลวงลูกค้า”

“นายพาพวกเขาไปดูสินค้าเถอะ ฉันจะโทรไปหาแม่ ให้เธอเตรียมกับข้าวมื้อเย็นไว้” หนิงชุ่ยฉินยิ้ม

“โอเค เธอเองก็นั่งก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันมา” เริ่นเสี่ยวหมิงพูด และเดินนำซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายไปยังหลังบ้าน

ซีเหมินจินเหลียนอาศัยจังหวะที่หนิงชุ่ยฉินคุยกับเขา กวาดสายตามองไปรอบร้าน ร้านนี้ไม่ใหญ่ การออกแบบมีกลิ่นอายโบราณ ขายสินค้าหยกสำเร็จรูป เธอมองผ่านๆ แล้วเห็นเครื่องประดับหลายชิ้นที่ดูไม่เลวและราคาสมเหตุสมผล

คนคนนี้ไม่น่าจะทำแค่ธุรกิจค้าขายหยกอย่างเดียวใช่ไหมนะ? คนทั่วไปหากไม่มีคนพามา คงไม่มีทางคลำทางเจอแน่

“เชิญคุณสองคนทางนี้ครับ!” เขาเรียกซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋าย เพราะว่าซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป่ายไม่ได้เปิดเผยสถานะ เขาเลยเลือกที่จะไม่ถาม

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าแล้วเดินตามเขาไปด้านหลัง

“คุณสองคนสามารถให้หนิงหนิงเป็นคนนำทางมาได้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ” เริ่นเสี่ยวหมิงพูดขึ้น

“คุณหนิงน่ารักดีนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด

ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่อมยิ้ม ด้านหลังบ้านมีห้องใต้ดินเช่นกัน หยิบกุญแจไขและผลักประตูเปิดไฟให้สว่างและยิ้ม “ดูได้ตามสบายนะครับ” เขาไม่เหมือนกับอาของหนิงชุ่ยฉินที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็คอยแนะนำแต่หินหยกที่ถูกเปิดหน้าต่างหยกแล้ว

ซีเหมินจินเหลียนกล่าวขอบคุณและไม่เกรงใจที่จะกวาดสายตามองไปรอบห้อง ภายในห้องใต้ดินมีหินหยกจำนวนไม่น้อย ในนั้นแน่นอนว่าจำนวนมากเป็นหินหยกที่เปิดหน้าต่างเอาไว้

เริ่นเสี่ยวหมิงสังเกตซีเหมินจินเหลียนมาโดยตลอด เขาเห็นเธอเริ่มดูจากหินหยกที่มีหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าลักษณะดีจึงหยุดดูอย่างละเอียด ด้วยความรวดเร็วที่ทำให้เขารู้สึกเคลือบแคลงใจ

สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ นักเดิมพันหินส่วนมาก แม้ว่าผู้หญิงจะมีน้อย แต่คนที่เหมือนกับเธอ คนที่แม้แต่ดูสินค้ายังไม่พาไฟฉายและแว่นขยาย ก็ช่างหายากจริงๆ

ช่างเถอะ คงเป็นพวกคนมีเงิน แล้วไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหน

อย่างไรก็เป็นคนที่หนิงชุ่ยฉินพามา เขาเลยไม่ได้อยู่คอยควบคุม อืม! แน่นอน นี่เป็นเพราะเห็นว่าเธอสวย…ในใจคิดไปอย่างนั้น แต่สายตากลับตกอยู่ในภวังค์ของซีเหมินจินเหลียน

“คุณเริ่น พวกเราออกไปนั่งข้างนอกก่อนดีกว่า อย่าอยู่รบกวนคุณผู้หญิงของผมดูสินค้าเลยดีไหมครับ?” จ่านป๋ายรับไม่ได้ที่เขาเอาแต่ใช้สองตามองเธอราวกับหนูคอยตะปบเหยื่อ

“อืม…ครับ” เริ่นเสี่ยวหมิงพยักหน้า เขารู้ว่าคนเดิมพันหินส่วนใหญ่มักไม่ชอบให้มีคนคอยจ้องมองอยู่ข้างๆ เวลาดูสินค้า คำขอร้องของจ่านป๋ายจึงถือว่าไม่เกินไป เขาก็เลยพาจ่านป๋ายเดินออกไปข้างนอก ขณะเดียวกันก็ยิ้มแย้มและพูดขึ้นว่า “คุณคงไม่ได้กังวลที่ผมอยู่รบกวนเธอเวลาดูสินค้า แต่กังวลที่ผมมองเธอสินะครับ?”

จ่านป๋ายพูดแบบไม่เกรงใจว่า “คุณรู้ก็ดีแล้วครับ”

เริ่นเสี่ยวหมิงกำลังจะพูดอะไรขึ้นมา แต่หนิงชุ่ยฉินที่มองหินหยกอยู่ด้านนอกก็พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “คุณก็มองไม่ผิดแล้วล่ะ! ไอ้หมอนี่น่ะ ตั้งแต่ประถมเขาก็ชอบมองเด็กผู้หญิงอาบน้ำแล้ว”

“ฉัน…” เริ่นเสี่ยวหมิงตกใจ

จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เริ่นเสี่ยวหมิงนี่ก็ไม่ใช่คนดีอะไรอย่างที่คิดไว้จริงๆ

ซีเหมินจินเหลียนเห็นจ่านป๋ายกับเริ่นเสี่ยวหมิงออกไปแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า เธอไม่สนใจเรื่องคนข้างๆ ที่จะมาคอยรบกวนจิตใจเธอเวลาดูสินค้าอยู่แล้ว แต่สายตาที่ร้อนแรงของเริ่นเสี่ยวหมิงนี่น ทำให้เธอรับไม่ได้จริงๆ เวลามองผู้หญิงก็ไม่จำเป็นต้องมองขนาดนั้นนี่?

เพราะหินหยกในห้องใต้ดินมีจำนวนมาก ซีเหมินจินเหลียนจึงไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือจากตรงไหนก่อนดี เธอเดินไปรอบหนึ่งหาหินหยกที่ดูเข้าท่ามาดู มีเส้นสี แต่น่าเสียดายที่เป็นชนิดฝูหรง สีไม่ค่อยสวย เธอเลยตัดใจไป

ถัดมาดูหินหยกติดต่อกันถึงสิบกว่าก้อน ซีเหมินจินเหลียนก็เริ่มอัดอั้นตันใจ ไม่มีหินหยกก้อนไหนที่ดีๆ เลยหรืออย่างไร? เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็เคยได้ยินคนพูดกันไว้ว่า มีคนเคยเลือกหินหยกหนึ่งในร้อยไม่เจอสักก้อน และทำไมถึงได้บอกว่าการเดิมพันหยกมีสิบครั้งแพ้เก้าครั้งน่ะเหรอ? นั่นเป็นเพราะว่าหินมีเยอะ หยกมีน้อย ไม่อย่างนั้นทำธุรกิจค้าหินคงต้องเสี่ยงอันตรายจากการเจียระไนออกมาเพื่อขายเนื้อหยก นี่ไม่ได้เรียกว่าเดิมพันหินแล้ว

เดิมพันหินย่อมเป็นการเดิมพันที่ดุเดือดและร้อนแรง

คิดได้เช่นนี้ซีเหมินจินเหลียนก็ปัดเป่าอารมณ์ที่ว้าวุ่นในใจออกไป เลือกดูผิวหินหยกที่เคยดูมาแล้วและลักษณะค่อนข้างดีหน่อยมาสำรวจอีกครั้ง

“อ๊ะ?” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็มองไปที่หินหยกที่อยู่บนพื้นอย่างสงสัย วางเป็นก้อนสี่เหลี่ยมอยู่บนพื้นน่าจะหนักสักยี่สิบสามสิบกิโลกรัม เป็นสีขาวเทาหนังปลาค่อนข้างหายาก แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือหินหยกก้อนนี้มีร่องรอยเหมือนกลากเกลื้อน ล้อมรอบอยู่บนจุดหยกอย่างแน่นหนา

ได้ยินมาว่าหากพบหยกกลากเกลื้อนส่วนมากต่างเผยสีเขียว แต่ปัญหาก็คือใครก็ตัดสินอะไรไม่ได้ ร่องรอยด่างพร้อยนี้จะลึกขนาดไหนกัน? หากรอยด่างนี้กลืนกินสีเขียวที่อยู่ในนั้น หินหยกก้อนนี้ก็ไม่ควรค่าที่จะเดิมพันแล้ว

เธอลองเอื้อมมือไปแตะ พื้นผิวราบเรียบ หากเป็นมรกตน่าจะเป็นเนื้อแก้วอย่างไม่ต้องสงสัย ซีเหมินจินเหลียนค้นพบว่านิ้วมือของเธอค่อนข้างอ่อนไหวกับความราบเรียบของหยก

แน่นอนว่าหากวิเคราะห์สีและรอยด่างของมัน ไม่ใช่เรื่องยากของซีเหมินจินเหลียน เธอเลยรีบยื่นมือไปแตะ เป็นอย่างที่เธอเดาไว้ไม่มีผิด หลังจากที่หนังปลาขาวเทาจางหายไป ข้างในเป็นสีเขียวมรกต…ในนั้นกลับคั่นด้วยรอยด่างดำสีดำอย่างแน่นหนา เอาไปทำอะไรไม่ได้

“หวังว่ารอยด่างนี่คงไม่ลึกเกินไปนะ” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ

เป็นตามที่คิดรอยด่างของหยกไม่ได้ลึกอย่างที่หวังไว้ ความสามารถในการมองทะลุผ่านของเธอยังไปไม่ถึงหนึ่งในสามส่วน หยกด่างพร้อยก็ค่อยๆ หายไปอยู่ตรงหน้าเธอเป็นสีเขียวสดขจี สีบริสุทธิ์ไร้ที่เปรียบ และเป็นเนื้อแก้วอย่างที่คิด ความลื่นไหลและโปร่งใสจนถึงที่สุด

ซีเหมินจินเหลียนแอบดีใจจนยิ้มไม่หุบ แต่ในเวลานี้ แสงเส้นหนึ่งค่อยๆ หายไปในม่านตาลึก นี่คืออะไรกัน? เธอได้แต่งุนงัน หยกสองสี เธอเจอมาก็ไม่น้อย แต่สีแบบนี้เธอก็ไม่เคยเห็นมาก่อน…

สีเหลืองขนเป็ดแต้มอยู่บนสีเขียวสด ราวกับแสงพระอาทิตย์ตกในฤดูใบไม้ผลิ สดใสเหลือเกิน!

เหลืองขนเป็ดโต้เขียวต้นหลิว? ซีเหมินจินเหลียนคิดอยู่ในใจ วันนี้โชคดีเป็นบ้า คิดไม่ถึงว่าจะเจอสินค้าดีขนาดนี้