จนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนกลับออกไป เจ้ากรมพิธีการถึงกับเข่าทรุดลงบนพื้นทันที
ฟุบ!
“ฝ่าบาท ช่วงนี้หม่อมฉันร้อนในหนักหน่วงยิ่งนัก สายตาฝ้าฟาง ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ…”
เหลือบมองเจ้ากรมพิธีการชั่วครู่ ซย่าโหวจวินอวี่ก็ ‘เฮอะ’ ออกมาคำหนึ่ง
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็มอบชาดอกเก๊กฮวยเครื่องบรรณาการแห่งเจียงหนานให้แก่เจ้าก็แล้วกัน!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
เจ้ากรมพิธีการที่คุกเข่าอยู่บนพื้น โขกศีรษะคำนับพร้อมกับทอดถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก
แม่เจ้า หัวยังอยู่!
ได้มาเห็นการกระทำของฝ่าบาทเมื่อครู่ เกรงว่าจะโดนฆ่าปิดปากเสียแล้ว…
ระหว่างทางที่ซย่าโหวฉิงเทียนส่งอวี้เฟยเยียนกลับจวน เขายังศึกษาลองใช้ตุ๊กตาไม้แกะสลักอยู่อีกครู่ใหญ่ ทว่ากลับถูกอวี้เฟยเยียนแย่งเอาไปแล้วเก็บมันใส่ไว้ในกล่องดังเดิม
“ท่านเอากลับไปศึกษาที่จวนเถอะ!”
อวี้เฟยเยียนแก้มแดงระเรื่อ ตอนนี้นางพอจะรู้แล้วว่า เมื่อครู่ที่ฝ่าบาททรงอึกอักราวกับจะตรัสอะไรออกมาแล้วเงียบลงไปหมายความว่าอย่างไร
ความหมายของพระองค์นั่นก็คือเมื่อถึงเวลาเข้าหอ ให้อวี้เฟยเยียนเป็นฝ่ายรุก โผเข้าหาซย่าโหวฉิงเทียนนั่นเอง!
ถึงแม้ว่าการที่เป็นฝ่ายรุกจะได้ควบคุมม้าอยู่ด้านบนแกร่งกล้าและสง่างาม แต่ว่า…ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นสัตว์ป่าแสนพยศนะสิ หากว่ารุนแรงมากเกินไป นางที่เป็นฝ่ายหญิงจะรับไม่ไหวเอา!
‘ฝ่าบาท ขอประทานอภัยนะเพคะ!’
‘หม่อมฉันผิดต่อความไว้พระทัยของพระองค์แล้ว!’
คนทั้งสองเดินทางต่อไปจนกระทั่งถึงจวนจงอี้โหว
เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่วนดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ท่านลุงสาม ท่านป้าสาม!”
อวี้เฟยเยียนวิ่งเข้าไปด้านในด้วยอาการตื่นเต้นดีใจ ซึ่งก็จริงดั่งที่คาดเอาไว้ อวี้เชียนเสวี่ยและมู่เหนียนซีนั่งอยู่ด้านใน โดยมีประมุขสกุลอวี้นั่งอยู่ด้านข้างกำลังลูบเคราและหัวเราะอย่างมีความสุข
“ท่านลุงสาม! ท่านป้าสาม!”
“เสี่ยวอวี้!”
เพียงแค่เห็นอวี้เฟยเยียนเข้ามา มู่เหนียนซีก็รีบผุดลุกขึ้น ใครจะรู้นางยังมิทันได้ก้าวเท้าอวี้เชียนเสวี่ยก็ถลาเข้ามาประคองเสียแล้ว
“นี่ ช้าหน่อยสิ! เจ้าไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ!”
“รู้แล้วน่า เจ้านี่ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าคนเป็นแม่อย่างข้าเสียอีกนะเนี่ย!”
อาการตื่นเต้นของอวี้เชียนเสวี่ย มู่เหนียนซีพบเห็นจนเคยชินเสียแล้ว นางฮึดฮัดอยู่สองสามคำ แล้วเดินตรงเข้าไปหาอวี้เฟยเยียน
“เสี่ยวอวี้ ทำไมเจ้าถึงกลับมาเอาป่านนี้เล่า! พวกเรากลับมาถึงตั้งหลายวันแล้วนะ ไม่เห็นหน้าเจ้าเลย!”
“พวกเราออกไปจัดการธุระนิดหน่อย!”
“ท่านป้าสาม ท่าท่าสดชื่นไม่เบานะคะ”
ก่อนหน้านี้ในจดหมายที่อวี้จิงเหลยส่งมาบอกว่ามู่เหนียนซีกินดินหรืออะไรต่อมิอะไรเหล่านั้น ทำเอาอวี้เฟยเยียนตกอกตกใจไม่น้อย
ตอนนี้ได้พบมู่เหนียนซี อวี้เฟยเยียนเห็นว่านางท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่า นอกเสียจากร่างกายของนางดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้น หน้าอกก็รู้สึกจะเต่งตึงขยายใหญ่ขึ้น ส่วนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมมากนัก
“โชคดีที่ได้วิธีการบำบัดด้วยอาหารของเจ้า ตอนนี้ข้าไม่เพียงแต่ไม่กินดินแล้ว ยังเจริญอาหารมากขึ้นอีกด้วย!”
เหลือบไปเห็นซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่ด้านหลัง มู่เหนียนซีก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“หลินเจียงอ๋องยินดีด้วยนะ! เสี่ยวอวี้คือแก้วตาดวงใจของเรา ท่านอย่าได้รังแกนางเด็ดขาด!”
“แน่นอน”
ซย่าโหวฉิงเทียนโค้งศีรษะให้กับอวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ย ทว่ากลับถูกอวี้เชียนเสวี่ยหาเรื่องเข้าให้
“ได้ยินว่าท่านพ่อของข้าพ่ายแพ้ให้กับท่านอ๋อง ข้าจึงอยากจะขอคำชี้แนะจากท่านอ๋องสักหน่อย!”
อวี้เชียนเสวี่ยถกชายแขนเสื้อขึ้น ท้าทายเตรียมมีเรื่องเต็มที่
อวี้เชียนเสวี่ยแสดงออกชัดเจนว่าไม่ยินยอม กับการที่บิดาของเขาตอบตกลงให้อวี้เฟยเยียนแต่งงานกับซย่าโหวฉิงเทียน ลุงสามไม่ยินยอม!
ใครๆ ต่างก็บอกว่า ลูกสาวเปรียบดั่งดอกไม้ พวกเขาอุตส่าห์กำจัดวัชพืช ใส่ปุ๋ย รดน้ำ…
ด้วยความเหนื่อยยากมาตั้งหลายปี กว่าจะเลี้ยงดูให้อวี้เฟยเยียนเติบโตเป็นดอกไม้ที่งดงามสดใสได้อย่างในวันนี้ ทว่าจู่ๆ ก็มีไอ้หนุ่มที่ไหนไม่รู้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จะมาเด็ดดอกไม้ไป แม้แต่กระถางก็ยังยกเอาไปเรียบ แล้วจะปล่อยไปแบบนี้ได้อย่างไร!
“ท่านพ่อตอบตกลง แต่ด่านลุงสามอย่างเขาเห็นทีจะผ่านยาก!”
อวี้เชียนเสวี่ยคิดที่จะสั่งสอนซย่าโหวฉิงเทียนให้หนักสักครั้ง
ให้ซย่าโหวฉิงเทียนรู้ว่า สกุลอวี้คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนอวี้เฟยเยียน หากว่าเขากล้ารังแกอวี้เฟยเยียนละก็ บุรุษแห่งสกุลอวี้จะไม่ปรานีเขาเป็นแน่
เหลือบสายตามองไปยังอวี้เชียนเสวี่ย ซย่าโหวฉิงเทียนก็ส่ายหน้าเบาๆ
ศึกที่ซีเย่ว์ในครั้งนี้ อวี้เชียนเสวี่ยสำเร็จขั้นจักรพรรดิ และได้เรียนรู้อะไรมากมายก็จริง
แต่มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี
“ท่านยังอ่อนหัดเกินไป…”
เพียงแค่ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยปาก ก็โจมตีอวี้เชียนเสวี่ยจนเกือบตาย
มีหลานเขยเช่นเขาที่ไหนกัน
ในสถานการณ์เช่นนี้โดยปกติหลานเขยควรจะประจบประแจงเอาใจทางบ้านฝ่ายหญิงมิใช่หรือ
แล้วเหตุใดหมอนี่กลับเอ่ยวาจาเชือดเฉือนเช่นนี้!
“อ่อนหัดหรือไม่ สู้กันสักยกก็จะได้รู้เอง!”
อวี้เชียนเสวี่ยไม่ยอมลงให้ง่ายๆ
“ไป! พวกเราไปที่สนามฝึกกัน! ข้าจะบอกความจริงกับท่านเอาไว้นะ ท่านต้องการแย่งเสี่ยวอวี้ไป ไม่ใช่เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น พวกเรากองกำลังสกุลอวี้ก็ไม่ยอมรับ! คนที่รอทดสอบท่านมีอยู่มากมาย! ท่านกล้าหรือเปล่า! กล้ามาทดสอบกับข้าไหม!”
กองทหารยศน้อยแห่งสกุลอวี้ในตอนแรก บัดนี้กลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งไม่ยอมแพ้ไปเสียแล้ว
มีประมุขแห่งสกุลอวี้คอยชี้แนะ มียาวิเศษบวกกับวิธีการฝึกฝนร่างกายแบบใหม่ของอวี้เฟยเยียน ความสามารถของทหารในกองทัพก็พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีกว่าครึ่งที่สำเร็จถึงขั้นอ๋อง ส่วนที่เหลือก็มีขั้นปราชญ์บ้างบางส่วน
เทียบกับแคว้นต้าโจวทั่วทั้งแคว้น แม้กระทั่งองค์รักเสื้อแพรของฮ่องเต้ก็ยังไม่มีกองกำลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่านี่เป็นกำลังสนับสนุนลับของสกุลอวี้ ซึ่งอวี้เฟยเยียนเอาไว้ให้กับอวี้จิงเหลย
ภายหลังจากได้ยินข่าวว่าอวี้เฟยเยียนจะแต่งงานกับซย่าโหวฉิงเทียน เหล่ากองกำลังสกุลอวี้ต่างก็คาดหวังว่าจะได้ชมความสามารถของหลินเจียงอ๋องกันทั้งสิ้น
เพราะหากต้องการครอบครองคุณหนูใหญ่ จะไร้ซึ่งความสามารถไม่ได้!
เห็นอวี้เชียนเสวี่ยท้าทายซย่าโหวฉิงเทียน อวี้จิงเหลยก็เอาแต่ยิ้มโดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
เพราะในตอนนี้เขาพึงพอใจในตัวซย่าโหฉิงเทียนเต็มร้อย
มีเหตุผลอยู่สองประการ หนึ่ง วรยุทธ์สูงส่ง สอง คอแข็ง!
หลังจากที่โดนซย่าโหวฉิงเทียนมอมสุราจนเมามาย อวี้จิงเหลยนอนสลบไสลอยู่บนเตียงสองวันเต็มๆ
เมื่อตื่นขึ้น อวี้จิงเหลยก็ยอมรับในตัวของหลานเขยคนนี้อย่างสุดหัวใจ คอแข็ง วรยุทธ์ก็สูง นี่ต่างหากที่ถือว่าเป็นลูกผู้ชายอย่างแท้จริง!
“ตกลงตามนั้น!”
ซย่าโหวฉิงเทียนยื่นกล่องใบน้อยในมืองฝากไว้กับอวี้เฟยเยียน
เขาชอบการต่อยตีที่สุด!
ตอนนี้มีคนมาอ้อนมืออ้อนเท้าถึงที่ แน่นอนว่าเขาย่อมยินดีอยู่แล้ว!
อยากเจ็บตัว เดี๋ยวข้าจัดให้พวกเจ้าเอง!
ถือเป็นการยืดเส้นยืดสายก็แล้วกัน!
“นี่…”
อวี้เฟยเยียนเรียกซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้
“ยั้งมือด้วย!”
ภาพที่ซย่าโหวฉิงเทียนเล่นงานอวี้จิงเหลยจนหมอบติดพื้นร่างคลุกฝุ่นยังติดตา หากเขาลงมือไม่รู้จักหนักเบาละก็ อาจจะทำร้ายกองกำลังสกุลอวี้ที่นางสู้อุตส่าห์ฝึกฝนขึ้นมาด้วยความยากลำบากจนพังพินาศได้
“เมื่อเป็นเช่นนี้ พี่ก็จะไม่ใช้พลังพิเศษ…”
ซย่าโหวฉิงเทียนถกชายแขนเสื้อขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ
“โอ้โห ปากเก่งยิ่งนัก!”
นั่นทำให้อวี้เชียนเสวี่ยยิ่งรู้สึกว่าซย่าโหวฉิงเทียนช่างปากเก่ง หลงตัวเองเสียเหลือเกิน
ไม่ใช้พลังวิเศษ
ถึงเพียงนั้นเชียว!
จะต้องสั่งสอนเจ้าหนุ่มอวดดีนี่ให้หนัก ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าเหตุใดอวี้เฟยเยียนถึงได้ล้ำค่าเพียงนี้!
“ข้าพูดได้ทำได้”
เมื่อถึงลานฝึกวรยุทธ์ อวี้เชียนเสวี่ยก็สั่งให้กองกำลังสกุลอวี้มารวมตัวกัน เมื่อทุกคนได้ยินว่าหลินเจียงอ๋องจะไม่ใช้พลังวิเศษมา ‘ชี้แนะ’ พวกเขา