ตอนที่ 117-2 ต้องการถูกทรมาน ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง

จำนนรักชายาตัวร้าย

จนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนกลับออกไป เจ้ากรมพิธีการถึงกับเข่าทรุดลงบนพื้นทันที 

 

 

ฟุบ! 

 

 

“ฝ่าบาท ช่วงนี้หม่อมฉันร้อนในหนักหน่วงยิ่งนัก สายตาฝ้าฟาง ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ…” 

 

 

เหลือบมองเจ้ากรมพิธีการชั่วครู่ ซย่าโหวจวินอวี่ก็ ‘เฮอะ’ ออกมาคำหนึ่ง 

 

 

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็มอบชาดอกเก๊กฮวยเครื่องบรรณาการแห่งเจียงหนานให้แก่เจ้าก็แล้วกัน!” 

 

 

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” 

 

 

เจ้ากรมพิธีการที่คุกเข่าอยู่บนพื้น โขกศีรษะคำนับพร้อมกับทอดถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก 

 

 

แม่เจ้า หัวยังอยู่! 

 

 

ได้มาเห็นการกระทำของฝ่าบาทเมื่อครู่ เกรงว่าจะโดนฆ่าปิดปากเสียแล้ว… 

 

 

ระหว่างทางที่ซย่าโหวฉิงเทียนส่งอวี้เฟยเยียนกลับจวน เขายังศึกษาลองใช้ตุ๊กตาไม้แกะสลักอยู่อีกครู่ใหญ่ ทว่ากลับถูกอวี้เฟยเยียนแย่งเอาไปแล้วเก็บมันใส่ไว้ในกล่องดังเดิม 

 

 

“ท่านเอากลับไปศึกษาที่จวนเถอะ!” 

 

 

อวี้เฟยเยียนแก้มแดงระเรื่อ ตอนนี้นางพอจะรู้แล้วว่า เมื่อครู่ที่ฝ่าบาททรงอึกอักราวกับจะตรัสอะไรออกมาแล้วเงียบลงไปหมายความว่าอย่างไร 

 

 

ความหมายของพระองค์นั่นก็คือเมื่อถึงเวลาเข้าหอ ให้อวี้เฟยเยียนเป็นฝ่ายรุก โผเข้าหาซย่าโหวฉิงเทียนนั่นเอง! 

 

 

ถึงแม้ว่าการที่เป็นฝ่ายรุกจะได้ควบคุมม้าอยู่ด้านบนแกร่งกล้าและสง่างาม แต่ว่า…ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นสัตว์ป่าแสนพยศนะสิ หากว่ารุนแรงมากเกินไป นางที่เป็นฝ่ายหญิงจะรับไม่ไหวเอา! 

 

 

‘ฝ่าบาท ขอประทานอภัยนะเพคะ!’ 

 

 

‘หม่อมฉันผิดต่อความไว้พระทัยของพระองค์แล้ว!’ 

 

 

คนทั้งสองเดินทางต่อไปจนกระทั่งถึงจวนจงอี้โหว 

 

 

เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่วนดังออกมาอย่างต่อเนื่อง 

 

 

“ท่านลุงสาม ท่านป้าสาม!” 

 

 

อวี้เฟยเยียนวิ่งเข้าไปด้านในด้วยอาการตื่นเต้นดีใจ ซึ่งก็จริงดั่งที่คาดเอาไว้ อวี้เชียนเสวี่ยและมู่เหนียนซีนั่งอยู่ด้านใน โดยมีประมุขสกุลอวี้นั่งอยู่ด้านข้างกำลังลูบเคราและหัวเราะอย่างมีความสุข 

 

 

“ท่านลุงสาม! ท่านป้าสาม!” 

 

 

“เสี่ยวอวี้!” 

 

 

เพียงแค่เห็นอวี้เฟยเยียนเข้ามา มู่เหนียนซีก็รีบผุดลุกขึ้น ใครจะรู้นางยังมิทันได้ก้าวเท้าอวี้เชียนเสวี่ยก็ถลาเข้ามาประคองเสียแล้ว 

 

 

“นี่ ช้าหน่อยสิ! เจ้าไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ!” 

 

 

“รู้แล้วน่า เจ้านี่ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าคนเป็นแม่อย่างข้าเสียอีกนะเนี่ย!” 

 

 

อาการตื่นเต้นของอวี้เชียนเสวี่ย มู่เหนียนซีพบเห็นจนเคยชินเสียแล้ว นางฮึดฮัดอยู่สองสามคำ แล้วเดินตรงเข้าไปหาอวี้เฟยเยียน 

 

 

“เสี่ยวอวี้ ทำไมเจ้าถึงกลับมาเอาป่านนี้เล่า! พวกเรากลับมาถึงตั้งหลายวันแล้วนะ ไม่เห็นหน้าเจ้าเลย!” 

 

 

“พวกเราออกไปจัดการธุระนิดหน่อย!” 

 

 

“ท่านป้าสาม ท่าท่าสดชื่นไม่เบานะคะ”  

 

 

ก่อนหน้านี้ในจดหมายที่อวี้จิงเหลยส่งมาบอกว่ามู่เหนียนซีกินดินหรืออะไรต่อมิอะไรเหล่านั้น ทำเอาอวี้เฟยเยียนตกอกตกใจไม่น้อย 

 

 

ตอนนี้ได้พบมู่เหนียนซี อวี้เฟยเยียนเห็นว่านางท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่า นอกเสียจากร่างกายของนางดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้น หน้าอกก็รู้สึกจะเต่งตึงขยายใหญ่ขึ้น ส่วนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมมากนัก 

 

 

“โชคดีที่ได้วิธีการบำบัดด้วยอาหารของเจ้า ตอนนี้ข้าไม่เพียงแต่ไม่กินดินแล้ว ยังเจริญอาหารมากขึ้นอีกด้วย!” 

 

 

เหลือบไปเห็นซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่ด้านหลัง มู่เหนียนซีก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม 

 

 

“หลินเจียงอ๋องยินดีด้วยนะ! เสี่ยวอวี้คือแก้วตาดวงใจของเรา ท่านอย่าได้รังแกนางเด็ดขาด!” 

 

 

“แน่นอน” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนโค้งศีรษะให้กับอวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ย ทว่ากลับถูกอวี้เชียนเสวี่ยหาเรื่องเข้าให้ 

 

 

“ได้ยินว่าท่านพ่อของข้าพ่ายแพ้ให้กับท่านอ๋อง ข้าจึงอยากจะขอคำชี้แนะจากท่านอ๋องสักหน่อย!” 

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยถกชายแขนเสื้อขึ้น ท้าทายเตรียมมีเรื่องเต็มที่ 

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยแสดงออกชัดเจนว่าไม่ยินยอม กับการที่บิดาของเขาตอบตกลงให้อวี้เฟยเยียนแต่งงานกับซย่าโหวฉิงเทียน ลุงสามไม่ยินยอม! 

 

 

ใครๆ ต่างก็บอกว่า ลูกสาวเปรียบดั่งดอกไม้ พวกเขาอุตส่าห์กำจัดวัชพืช ใส่ปุ๋ย รดน้ำ… 

 

 

ด้วยความเหนื่อยยากมาตั้งหลายปี กว่าจะเลี้ยงดูให้อวี้เฟยเยียนเติบโตเป็นดอกไม้ที่งดงามสดใสได้อย่างในวันนี้ ทว่าจู่ๆ ก็มีไอ้หนุ่มที่ไหนไม่รู้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จะมาเด็ดดอกไม้ไป แม้แต่กระถางก็ยังยกเอาไปเรียบ แล้วจะปล่อยไปแบบนี้ได้อย่างไร! 

 

 

“ท่านพ่อตอบตกลง แต่ด่านลุงสามอย่างเขาเห็นทีจะผ่านยาก!” 

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยคิดที่จะสั่งสอนซย่าโหวฉิงเทียนให้หนักสักครั้ง 

 

 

ให้ซย่าโหวฉิงเทียนรู้ว่า สกุลอวี้คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนอวี้เฟยเยียน หากว่าเขากล้ารังแกอวี้เฟยเยียนละก็ บุรุษแห่งสกุลอวี้จะไม่ปรานีเขาเป็นแน่ 

 

 

เหลือบสายตามองไปยังอวี้เชียนเสวี่ย ซย่าโหวฉิงเทียนก็ส่ายหน้าเบาๆ  

 

 

ศึกที่ซีเย่ว์ในครั้งนี้ อวี้เชียนเสวี่ยสำเร็จขั้นจักรพรรดิ และได้เรียนรู้อะไรมากมายก็จริง 

 

 

แต่มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี 

 

 

“ท่านยังอ่อนหัดเกินไป…” 

 

 

เพียงแค่ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยปาก ก็โจมตีอวี้เชียนเสวี่ยจนเกือบตาย 

 

 

มีหลานเขยเช่นเขาที่ไหนกัน 

 

 

ในสถานการณ์เช่นนี้โดยปกติหลานเขยควรจะประจบประแจงเอาใจทางบ้านฝ่ายหญิงมิใช่หรือ 

 

 

แล้วเหตุใดหมอนี่กลับเอ่ยวาจาเชือดเฉือนเช่นนี้! 

 

 

“อ่อนหัดหรือไม่ สู้กันสักยกก็จะได้รู้เอง!” 

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยไม่ยอมลงให้ง่ายๆ  

 

 

“ไป! พวกเราไปที่สนามฝึกกัน! ข้าจะบอกความจริงกับท่านเอาไว้นะ ท่านต้องการแย่งเสี่ยวอวี้ไป ไม่ใช่เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น พวกเรากองกำลังสกุลอวี้ก็ไม่ยอมรับ! คนที่รอทดสอบท่านมีอยู่มากมาย! ท่านกล้าหรือเปล่า! กล้ามาทดสอบกับข้าไหม!” 

 

 

กองทหารยศน้อยแห่งสกุลอวี้ในตอนแรก บัดนี้กลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งไม่ยอมแพ้ไปเสียแล้ว  

 

 

มีประมุขแห่งสกุลอวี้คอยชี้แนะ มียาวิเศษบวกกับวิธีการฝึกฝนร่างกายแบบใหม่ของอวี้เฟยเยียน ความสามารถของทหารในกองทัพก็พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีกว่าครึ่งที่สำเร็จถึงขั้นอ๋อง ส่วนที่เหลือก็มีขั้นปราชญ์บ้างบางส่วน 

 

 

เทียบกับแคว้นต้าโจวทั่วทั้งแคว้น แม้กระทั่งองค์รักเสื้อแพรของฮ่องเต้ก็ยังไม่มีกองกำลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยด้วยซ้ำ  

 

 

แน่นอนว่านี่เป็นกำลังสนับสนุนลับของสกุลอวี้ ซึ่งอวี้เฟยเยียนเอาไว้ให้กับอวี้จิงเหลย 

 

 

ภายหลังจากได้ยินข่าวว่าอวี้เฟยเยียนจะแต่งงานกับซย่าโหวฉิงเทียน เหล่ากองกำลังสกุลอวี้ต่างก็คาดหวังว่าจะได้ชมความสามารถของหลินเจียงอ๋องกันทั้งสิ้น 

 

 

เพราะหากต้องการครอบครองคุณหนูใหญ่ จะไร้ซึ่งความสามารถไม่ได้! 

 

 

เห็นอวี้เชียนเสวี่ยท้าทายซย่าโหวฉิงเทียน อวี้จิงเหลยก็เอาแต่ยิ้มโดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา 

 

 

เพราะในตอนนี้เขาพึงพอใจในตัวซย่าโหฉิงเทียนเต็มร้อย 

 

 

มีเหตุผลอยู่สองประการ หนึ่ง วรยุทธ์สูงส่ง สอง คอแข็ง! 

 

 

หลังจากที่โดนซย่าโหวฉิงเทียนมอมสุราจนเมามาย อวี้จิงเหลยนอนสลบไสลอยู่บนเตียงสองวันเต็มๆ  

 

 

เมื่อตื่นขึ้น อวี้จิงเหลยก็ยอมรับในตัวของหลานเขยคนนี้อย่างสุดหัวใจ คอแข็ง วรยุทธ์ก็สูง นี่ต่างหากที่ถือว่าเป็นลูกผู้ชายอย่างแท้จริง! 

 

 

“ตกลงตามนั้น!” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยื่นกล่องใบน้อยในมืองฝากไว้กับอวี้เฟยเยียน 

 

 

เขาชอบการต่อยตีที่สุด! 

 

 

ตอนนี้มีคนมาอ้อนมืออ้อนเท้าถึงที่ แน่นอนว่าเขาย่อมยินดีอยู่แล้ว! 

 

 

อยากเจ็บตัว เดี๋ยวข้าจัดให้พวกเจ้าเอง! 

 

 

ถือเป็นการยืดเส้นยืดสายก็แล้วกัน! 

 

 

“นี่…” 

 

 

อวี้เฟยเยียนเรียกซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้ 

 

 

“ยั้งมือด้วย!” 

 

 

ภาพที่ซย่าโหวฉิงเทียนเล่นงานอวี้จิงเหลยจนหมอบติดพื้นร่างคลุกฝุ่นยังติดตา หากเขาลงมือไม่รู้จักหนักเบาละก็ อาจจะทำร้ายกองกำลังสกุลอวี้ที่นางสู้อุตส่าห์ฝึกฝนขึ้นมาด้วยความยากลำบากจนพังพินาศได้ 

 

 

“เมื่อเป็นเช่นนี้ พี่ก็จะไม่ใช้พลังพิเศษ…” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนถกชายแขนเสื้อขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ  

 

 

“โอ้โห ปากเก่งยิ่งนัก!” 

 

 

นั่นทำให้อวี้เชียนเสวี่ยยิ่งรู้สึกว่าซย่าโหวฉิงเทียนช่างปากเก่ง หลงตัวเองเสียเหลือเกิน 

 

 

ไม่ใช้พลังวิเศษ 

 

 

ถึงเพียงนั้นเชียว! 

 

 

จะต้องสั่งสอนเจ้าหนุ่มอวดดีนี่ให้หนัก ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าเหตุใดอวี้เฟยเยียนถึงได้ล้ำค่าเพียงนี้! 

 

 

“ข้าพูดได้ทำได้” 

 

 

เมื่อถึงลานฝึกวรยุทธ์ อวี้เชียนเสวี่ยก็สั่งให้กองกำลังสกุลอวี้มารวมตัวกัน เมื่อทุกคนได้ยินว่าหลินเจียงอ๋องจะไม่ใช้พลังวิเศษมา ‘ชี้แนะ’ พวกเขา