กงอิ้นอยู่เบื้องหน้าประตูวัง หลังโจมตีเหล่าพลสนับสนุนแห่งวังหลวงจนถอยไปสามครั้ง เรือนร่างหันเพียงครั้งเผชิญกับเหล่าองครักษ์ที่ตามมา 

 

 

“นายท่าน…” เหมิงหู่มองดูในวังอย่างทุกข์ใจเอ่ยสืบต่อว่า “ฝ่าบาทถูกลักพาตัวไปแล้ว พวกเราต้องบุกเข้าไปหรือไม่ขอรับ” 

 

 

“ยามนี้นางสบายดี” กงอิ้นสีหน้าสงบนิ่งเอ่ยสืบต่อว่า “ไม่ต้องบุกเข้าไป หากสูญเสียกำลังจะไปพบสหายเก่าได้อย่างไรเล่า” 

 

 

เหมิงหู่รู้ว่ากงอิ้นมีหนทางของตนเองในการแน่ใจความปลอดภัยของจิ่งเหิงปัว ได้ฟังวาจาจึงแอบวางใจ ทว่ายามได้ยินประโยคสุดท้ายตกใจเสียจนคิ้วกระตุกครั้งหนึ่งเอ่ยว่า “ราชครูฝ่ายซ้ายอยู่ในวัง!” 

 

 

“ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว…” กงอิ้นมือไพล่หลังมองอาทิตย์อัสดงลับฟ้าแช่มช้า เอ่ยอย่างเฉื่อยเนือยว่า “วังแห่งกษัตริย์เทียนหนานยามค่ำคืนอาจจะคุ้มค่าให้ชม” 

 

 

เหมิงหู่ถอยลงไปเตรียมตัวด้วยเข้าใจ รู้ว่าคืนนี้นายท่านต้องเข้าวังหลวงอีกครา 

 

 

ทว่ากงอิ้นเงยหน้าโดยพลัน สายตาจ้องเขม็งเพียงครั้ง 

 

 

บนยอดกำแพงวังปรากฏเงาร่างชุดคลุมยาวสีเงินเหลือบดำโดยพลัน แขนเสื้อกว้างลอยล่อง นัยน์ตาเจือรอยยิ้มซ้ำยังกวักมือเรียกกงอิ้นอยู่ไกลๆ 

 

 

“ราชครูฝ่ายซ้าย!” เหมิงหู่ตะโกนขึ้นมาเสียงหนึ่งดั่งปวดฟัน 

 

 

ใบหน้าของกงอิ้นไร้อารมณ์และมิได้โต้ตอบ ใช้สายตาราวมองซากศพมองดูเหยียลี่ว์ฉี 

 

 

เหยียลี่ว์ฉีอยู่ห่างไกลบนกำแพงวัง หัวเราะสนอกสนใจกับวังหลวงเหล่าพลสนับสนุนคล้ายมนุษยสัมพันธ์ดียิ่งนัก เอ่ยวาจาไปพลางฉวยมือชี้ทิศทางของกงอิ้นไปพลาง ดวงตาชำเลืองมองพลสนับสนุนแห่งวังที่ถอยกลับไปบ้างแล้วเหล่านั้นพลันพุ่งลงมายังกำแพงเมืองอีกครา 

 

 

เหมิงหู่ลอบด่าเสียงหนึ่งตระเตรียมเผชิญศึกพร้อมสรรพโดยพลัน ทว่ากงอิ้นไม่ได้ประหลาดใจแม้แต่น้อย…ในเมื่อเหยียลี่ว์ฉีถูกเขาไล่ล่า หากปล่อยโอกาสล้อมสังหารเขาครั้งนี้หลุดลอยไปถึงจะประหลาด 

 

 

ทว่ามิได้รอให้เขาชิงลงมือก่อน บนกำแพงวังปรากฏบุรุษผู้หนึ่งอีกครั้งโดยพลัน เขาตะโกนจากไกลๆ ว่า “จัดกระบวนทัพใช้มังกรอัคคีโจมตีสังหารมัน!” 

 

 

องครักษ์กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากสองฝั่งกำแพงวังตามคำสั่งของเขา มือถือกระบอกพ่นเพลิงสีดำ หลังจุดไฟแสงเพลิงพวยพุ่งทั้งสิ้นสามฉื่อ กระบอกเพลิงเปลวไฟมากมายหัวท้ายเชื่อมต่อกันม้วนทะยานเริงระบำ มองไกลๆ ดุจดังมังกรอัคคีจริงแท้ อลังการยวดยิ่ง 

 

 

ทว่าพอเหยียลี่ว์ฉีได้เห็นสีหน้าเปลี่ยนไปมาก รีบเร่งตะโกนว่า “อย่าใช้มังกรอัคคี!” 

 

 

ผู้รับบัญชาบนกำแพงที่วังกษัตริย์เทียนหนานส่งมาทดสอบเหลือบสายตามอง…มีปัญหาดังคาด! 

 

 

ต้าหวังเอ่ยว่าจะทดสอบคุณชายเหยียลี่ว์ด้วยกลัวว่าเขาสมคบคิดกับผู้บุกวังนี้ บัดนี้ดูท่าจริงแท้แน่นอน พอจะใช้อาวุธสังหารรุนแรง ดูท่าทางร้อนรนนี้ของเขาสิ! 

 

 

“ยิง!” เขาคล้ายจะไม่ได้ได้ยินเสียงตะโกนยับยั้งของเหยียลี่ว์ฉี บัญชาด้วยเสียงเฉียบขาด 

 

 

มุมปากของกงอิ้นเฉียดผ่านด้วยรอยยิ้มเย็นชาสายหนึ่ง 

 

 

เบื้องหน้าปัญญาหิมะ การโจมตีที่แฝงพลังร้อนทั้งสิ้นล้วนเปล่าประโยชน์ 

 

 

มังกรอัคคีคำรามคล้ายกำเนิดจากปลายอาทิตย์อัสดง เจือด้วยสีแดงสว่างเพียงหนึ่งและไอสังหารไร้ขอบเขต พุ่งทะยานเข้ามา 

 

 

กงอิ้นเพียงตลบแขนเสื้อแผ่วเบา 

 

 

แขนเสื้อสีหิมะดุงดังหิมะใหญ่ทั่วท้องฟ้า เวียนวนเป็นเงาขาวทอดยาวออกไปรอบนอกสามจั้ง อุณหภูมิโดยรอบลดฮวบ ไอร้อนไอเย็นสอดประสานจู่โจมจนอบอวลด้วยไอหมอกสีขาวจาง กลบกลืนเรือนร่างสูงโปร่งของเขาให้มัวสลัวยากจับต้องดุจเทพเซียนแห่งเขาเผิงไหล[1] 

 

 

ทว่าเหยียลี่ว์ฉีถอนหายใจเฮือก 

 

 

แน่นอนว่าการถอนหายใจของเขา ยามมองในสายตาของผู้รับบัญชาที่มองดูอยู่เงียบเชียบ นั่นคือความเจ็บปวดใจ 

 

 

มังกรอัคคีร่ายระบำประชิดมา 

 

 

พานพบกับไอหมอกสีขาวจาง 

 

 

เสียงซู่ๆ ระลอกหนึ่งดังแผ่วเบา ทุกคนเบิกตากว้างมองเห็นเปลวเพลิงสีแดงช่อใหญ่ที่ทะยานระบำดุเดือดนั้นถูกไอหมอกเจือจางเบาบางดั่งไร้สิ่งชั้นหนึ่งนั้นขัดขวาง กีดกั้นและละลายทีละเล็กละน้อยคล้ายถูกคมมีดไร้รูปร่างสะบั้นออกดังกังวานก่อนจะพังทลายต่อหน้าต่อตา 

 

 

น้ำแข็งและไฟปะทะประสาน ไอหมอกเพิ่มทะยานยิ่งรุนแรงจนเยือกแข็งกลายเป็นผลึกน้ำแข็งละเอียดเกลื่อนพื้น ทุกคนแทบจะมองเงาร่างของกงอิ้นได้ไม่ชัดเจน มองเห็นเพียงมือข้างหนึ่งวาดเป็นวงกลมดั่งใจนึกอยู่รำไร เล็บยิ่งไร้สีเลือดแม้แต่น้อยโปร่งใสปานผลึกน้ำแข็ง 

 

 

ทุกคนทั้งเบื้องบนเบื้องล่างกำแพงวังตะลึงพรึงเพริด มิเคยนึกว่าไอสังหารดุดันเ**้ยมโหดที่แทบจะไม่พ่ายแพ้ในสงครามใดจะไร้ซึ่งแรงต้านทานแม้เพียงน้อยยามอยู่ใต้มือข้างหนึ่งของฝ่ายตรงข้าม ค่อยๆ ถอยหลังโดยจิตสำนึก 

 

 

เหยียลี่ว์ฉีถอนหายใจเสียงหนึ่งอีกครา 

 

 

ยามฟังด้วยหูของผู้รับบัญชาที่หงุดหงิดด้วยพ่ายแพ้ นั่นคือความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น 

 

 

 นัยน์ตาของผู้รับบัญชาเฉียดผ่านด้วยความโกรธสายหนึ่ง ร่างถอยหลังเพียงครั้งโดยพลันโซเซคล้ายจะล้มลง 

 

 

เหยียลี่ว์ฉีรีบเร่งมาประคอง ผู้รับบัญชายกมือขึ้นคล้ายหวังอาศัยแรงของเขา แขนเสื้อแฉลบผ่านหลังมือของเขา แผ่นโลหะบนริมแขนเสื้อตั้งขึ้นเพียงน้อยมิรู้ยามใดเฉือนผ่านผิวบริเวณหลังมือของเหยียลี่ว์ฉี 

 

 

“โอ๊ย!” เหยียลี่ว์ฉีรู้สึกว่าหลังมือเจ็บขึ้นมาเพียงน้อย ยามชักมือกลับมามองเห็นหลังมือถูกบาดเสียแล้ว โลหิตจางๆ ไหลออกมาเล็กน้อย 

 

 

“ไอ้หยา ขออภัย” ผู้รับบัญชารีบเร่งขออภัย ดวงตาอดจะเหลือบมองบาดแผลไม่ได้ 

 

 

เหยียลี่ว์ฉีหดมือเพียงครั้งแขนเสื้อห้อยลงมาปกปิดบาดแผล เอ่ยเจือยิ้มจางว่า “ไม่เป็นไร” เบนสายตาออกไปมิหวังใส่ใจผู้รับบัญชาอีก 

 

 

ผู้รับบัญชาเดินออกไปสองก้าวแอบกำหมัดแน่น 

 

 

มองเห็นปัญหาอีกคราดังคาด! 

 

 

ในโลหิตของเหยียลี่ว์ฉีผลึกน้ำแข็งละเอียด! 

 

 

ต้าหวังให้เขาจับตาว่าเหยียลี่ว์ฉีมีความสัมพันธ์ลับกับไอ้หน้าอ่อน เอ่ยว่าหลักฐานที่แน่ชัดที่สุดคือวรยุทธ์ของพวกเขามากจากแหล่งเดียวกันจริงแท้แน่นอนทั้งสิ้น มองเจ้าคนชุดขาวผู้นั้นผลึกน้ำแข็งเกลื่อนพื้น บัดนี้ในโลหิตของเหยียลี่ว์ฉีมีสีผลึกน้ำแข็งเช่นกัน หากเอ่ยว่าไม่ใช่ตระกูลเดียวกันผู้ใดจะเชื่อ 

 

 

ยามนี้เหลือเพียงการทดสอบขั้นสุดท้ายแล้ว 

 

 

ทดสอบความรู้สึกที่ผู้ชุดขาวนั้นมีต่อผู้ชุดดำนี้! 

 

 

ผู้รับบัญชาฟาดฝ่ามือเพียงครั้งบนแผ่นหลังของเหยียลี่ว์ฉีโดยพลัน มืออีกข้างหนึ่งทำท่าทางเสแสร้งโยนป้ายไม้สีดำแผ่นหนึ่งจากข้างหลังเหยียลี่ว์ฉี ดูท่าทางคล้ายเขาซุ่มโจมตีเหยียลี่ว์ฉีและขโมยป้ายไม้ 

 

 

ณ กำแพงวังเบื้องล่างห่างออกไป สายตาของกงอิ้นสว่างวูบ เฉียดกายสืบขึ้นเบื้องหน้าหลายก้าวโดยเร็วหวังมองให้ชัดว่าป้ายไม้นั้นคือสิ่งใด ใช่ป้ายบัญชาการแห่งราชครูฝ่ายซ้ายของเหยียลี่ว์ฉีหรือไม่ 

 

 

ณ บนกำแพงวัง เหยียลี่ว์ฉีหันกายด้วยระแวง ยกแขนเสื้อเพียงครั้งขัดขวางฝ่ามือหนึ่งนั้นของผู้รับบัญชา ขนคิ้วกระตุกครั้งหนึ่งเอ่ยอย่างงงงันว่า “เจ้าจะทำอะไร” 

 

 

 ผู้รับบัญชาหัวเราะฮิๆ ครั้งหนึ่ง ปลายเท้ากระตุกเพียงครั้งสะบัดป้ายไม้ขึ้นมาถือไว้ในมือ ฉวยมือยัดเข้าไปในแขนเสื้อครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ได้ยินว่าคุณชายเหยียลี่ว์มีวรยุทธ์ยิ่งใหญ่สูงส่ง ผู้ต่ำต้อยหวังจะทดสอบการโต้ตอบของท่าน เหอะๆ หยอกเล่น หยอกเล่น” 

 

 

สายตาของเหยียลี่ว์ฉีกะพริบวูบ สีหน้าไม่เชื่ออย่างชัดเจน ยิ้มพลางเอ่ยว่า “อ้อ หยอกเล่นในยามนี้หรือ?” 

 

 

ผู้รับบัญชาไม่ตอบวาจาเดินไปริมกำแพง เมื่อครู่นั้นที่ลงมือกับเหยียลี่ว์ฉี เขาได้มองเห็นสีหน้าร้อนรนของกงอิ้นแล้ว 

 

 

พอแล้ว 

 

 

เช่นนี้พิสูจน์ได้แล้ว 

 

 

นี่ย่อมเป็นชายโฉดชายชั่วที่ต่างฝ่ายต่างมีใจคู่หนึ่ง แอบแฝงเจตนาร้ายร่วมไม้ร่วมมือกันวางแผนแย่งชิงอำนาจของต้าหวัง! 

 

 

“คิกๆ คิกๆ” เขาก้มหน้าแอบหัวเราะพลางเอ่ยว่า “คู่รักคู่ชู้ชื่นงดงามคู่หนึ่ง ลำบากพวกเจ้าแล้ว!” 

 

 

“เจ้าว่าอะไรนะ?” เหยียลี่ว์ฉีมิทันได้ฟังให้ชัดเจน 

 

 

… 

 

 

ณ เบื้องล่างกำแพงวัง กงอิ้นเงยหน้ารู้สึกเลืองรางว่าบรรยากาศเบื้องบนแปลกประหลาด 

 

 

“ไม่มีอะไร ผู้ต่ำต้อยยังต้องรายงานสถานการณ์บนกำแพงต่อต้าหวัง นอกจากนี้ต้าหวังบัญชาว่ามิต้องเปิดศึกกับฝ่ายตรงข้าม เขาจะเข้ามาก็ให้เขาเข้ามาเถิด” ผู้รับบัญชามิกล้าอิดออดรีบเร่งขอตัวโดยพลัน เดินไปพลางถอนหายใจส่ายหน้าไปพลาง 

 

 

แม้เอ่ยว่าอยู่ในฐานะศัตรู ทว่านึกไม่ถึงว่าบุรุษคู่หนึ่งจะมีความรู้สึกลึกล้ำเช่นนี้ต่อกัน เพื่อชายนั้นแล้วเขายอมเป็นสายลับฝืนหน้ายิ้มร่าเริงเคียงคู่ข้างกายสตรีที่ไม่ชอบพอ เพื่อชายนี้แล้วเขายอมควบทะยานหมื่นลี้ปะทะศัตรูนับไม่ถ้วน เพรียกหาอยู่เบื้องล่าง ใช้ตนผู้หนึ่งเป็นศัตรูกับแคว้นหนึ่งโดยมิเสียดาย 

 

 

ความรักระหว่างบุรุษที่พาให้ผู้คนมากมายซาบซึ้ง! 

 

 

กงอิ้นเงยหน้ามองดูผู้รับบัญชาที่ปรากฏกายโดยพลันและรีบเร่งจากไปผู้นั้น ในใจรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติรำไรจึงหันหลังถามเหมิงหู่ว่า “รู้สึกหรือไม่ว่ามีสิ่งใดผิดปกติ” 

 

 

เหมิงหู่เอ่ยว่า “ขอรับ สายตาซาบซึ้งยิ่งนัก” 

 

 

… 

 

 

 

 

 

 

 

 

บนกำแพงวัง เหยียลี่ว์ฉีขมวดคิ้ว มือลูบจมูก 

 

 

กษัตริย์เทียนหนานเป็นอะไรไปถึงจะปล่อยให้กงอิ้นเข้ามา หรือได้ฟังวาจาของนางมารน้อยนั่น 

 

 

มองไม่ออกเลยว่านางมารน้อยยังมีความสามารถเช่นนี้ 

 

 

วันนี้ที่กงอิ้นไล่ตามไม่ยอมลดละ เพื่อจะไล่จับเขาหรือว่าเพื่อนางมารน้อยกันแน่? 

 

 

เหยียลี่ว์ฉีชำเลืองมองสันจมูกสูงโด่งของกงอิ้นแล้วลูบจมูกของตนเอง ไม่ได้รู้สึกว่าสูงน้อยกว่ากันเพียงใด 

 

 

เฮ้อ อย่างไรเสียก็ปิดบังไว้มิได้แล้ว เข้ามาก็เข้ามา หาโอกาสจัดการมันให้สิ้นซาก 

 

 

… 

 

 

เมื่อจิ่งเหิงปัวมองเห็นผู้รับบัญชารีบเร่งกลับมา ใบหน้าเปี่ยมอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ในใจก็ยิ้มพรายแล้ว 

 

 

พอนางมองเห็นกษัตริย์เทียนหนานได้ฟังผู้รับบัญชารายงาน สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนอัปลักษณ์โดยพลันเช่นกัน ในใจยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่อง 

 

 

เป็นอย่างไรเล่า? ความรักระหว่างบุรุษที่ ‘สมรู้ร่วมกระทำ กล้ำกลืนฝืนอัปยศ ร่วมมือทั้งนอกใน แม้ตายไม่ยอมเปลี่ยนแปลง’ ถูกพิสูจน์แล้วล่ะสิ 

 

 

ก่อนหน้านี้นางได้ยินกงอิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า หลังจากถูกพิษของเขาแล้วใช้ยาถอนพิษของเขา โลหิตระหว่างช่วงบาดเจ็บของเหยียลี่ว์ฉีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจนปรากฏเกล็ดผลึกน้ำแข็ง 

 

 

ในระดับหนึ่งนั้น มองคล้ายเลือดนั้นมาจากแหล่งเดียวกันกับวรยุทธ์ของกงอิ้น ส่วนพลังที่เหยียลี่ว์ฉีครอบครองอยู่ในมือย่อมเป็นสิ่งที่กงอิ้นฝันใฝ่อยู่ตลอดเป็นธรรมดา ให้ผู้รับบัญชาโยน ‘ป้ายบัญชาการปลอม’ นั่นออกไป กงอิ้นจะไม่สนใจได้อย่างไร 

 

 

ส่วนรูปแบบของป้ายบัญชาการ…คราวอยู่กลางหุบเขา นางเคยเห็นป้ายไม้สีดำขอบโค้งมนที่เสียบเอนเอียงอยู่บริเวณเอวของเหยียลี่ว์ฉีโผล่ออกมาเล็กน้อย นึกแล้วคงเป็นสิ่งจำพวกป้ายบัญชาการตามตำแหน่งของเหยียลี่ว์ฉี แน่นอนว่าป้ายไม้ที่คนของกษัตริย์เทียนหนานเขวี้ยงออกไปคงไม่เหมือนป้ายของเหยียลี่ว์ฉีทุกกระเบียดนิ้ว แต่ว่าห่างกันขนาดนั้นจะจำแนกชัดเจนได้อย่างไร 

 

 

นึกถึงราชครูเจ้าเล่ห์เย็นชาสองตัวนั้นที่หลอกนางไปหลอกนางมา ในที่สุดคราวนี้ก็ถูกตนเองจัดการไปครั้งหนึ่ง จิ่งเหิงปัวก็ไม่อาจไม่ยิ้มแย้มดีใจ 

 

 

สีหน้าของกษัตริย์เทียนหนานดูอัปลักษณ์ ใช้เวลาเนิ่นนานจึงยอมรับหลักฐานบ้าบอนี้เสร็จสิ้น เดิมทีนางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับวาจาของจิ่งเหิงปัว ที่เอ่ยว่าให้นางไปทดสอบเสน่ห์แห่งสตรีเพศเป็นเพียงการทดสอบท่าที ยามนี้ในใจโกรธแค้นทว่าเกิดความคิดอยากจะทดสอบให้เต็มที่ขึ้นมาบ้างแล้ว 

 

 

นางสะบัดมือเพียงครั้ง บัญชาให้คนแก้เชือกมัดมือของจิ่งเหิงปัวอย่างเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก จิ่งเหิงปัวบิดขี้เกียจครั้งหนึ่งอย่างสบายกาย ตอนนี้นางเป็นอิสระโดยสิ้นเชิงแล้ว 

 

 

แต่ว่านางไม่ได้อยากไปไหน 

 

 

นางอยากหารอยร้าวระหว่างราชครูสองตัวกับต้าหวังตัวหนึ่งแล้วแทรกเข้าไปอย่างเหมาะเจาะพอดิบพอดี แบบนี้ทั้งสามารถหลุดพ้นดวงชะตาราชินีหุ่นเชิด ซ้ำยังสามารถวางแผนจัดการชีวิตของตนเองในภายภาคหน้าแบบทำเพียงครั้งเดียวสบายตลอดกาล 

 

 

นางนั่งลง รอการมาถึงของกงอิ้นด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ 

 

 

กษัตริย์เทียนหนานกลับจ้องมอง ‘ผ้าปิดปาก’ เริ่มตั้งใจครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะโถมทับเหยียลี่ว์ฉีในคืนนี้ พลันนึกถึงปัญหาสำคัญข้อหนึ่ง 

 

 

“คืนนี้เจ้าเองจะใช้หรือไม่” กษัตริย์เทียนหนานชี้ไปยัง “ผ้าปิดปาก” 

 

 

จิ่งเหิงปัวทำสีหน้าแปลกประหลาด…แปะสิ่งนี้บนปากของมหาเทพเหรอ? 

 

 

นางจะยังได้เห็นดวงอาทิตย์ของพรุ่งนี้หรือไม่ 

 

 

“ก็ไม่ใช่ว่าจะลองไม่ได้นะ” นางนึกถึงท่าทางอัศจรรย์เมื่อผ้าอนามัยแปะบนปากของมหาเทพแล้วเลือดเดือดพลุ่งพล่านทันที…มหาเทพผู้ขาวราวหิมะคู่กับผ้าอนามัยสีขาวราวหิมะ เหมาะที่สุดเลยใช่ไหมล่ะ 

 

 

“บางทีเขาอาจจะชอบแบบมีปีกยาวพิเศษสำหรับกลางคืน” จิ่งเหิงปัวเปรียบเทียบผ้าอนามัยแบบมีปีกด้วยสีหน้าฝักใฝ่ 

 

 

“ชอบสิ่งใด” มีคนถามอยู่ข้างหลัง 

 

 

“ยาวพิเศษสามสิบเก้าเซนติเมตรสำหรับกลางคืนอย่างไร…” จิ่งเหิงปัวหรี่ตาตอบด้วยความใฝ่ฝัน พลันรู้สึกตัวว่าเสียงนี้ไม่ถูกต้อง 

 

 

“ฉิบ!” พอนางหันหลังก็มองเห็นมหาเทพผู้ขาวราวหิมะ 

 

 

  

 

 

—— 

 

 

[1] เทพเซียนแห่งเขาเผิงไหล เกาะเซียนเผิงไหลตั้งอยู่ที่มณฑลซานตงเมืองเยียนไถและเมืองเผิงไหล ได้รับการขนานนามว่าเป็น “อาณาเขตเทพเซียนแห่งโลกมนุษย์”